ฟื้นตัวหลังลงแรง แต่ยังคงแกว่งตัวหลังปริมาณการซื้อขายชะลอ
การปรับฐานของ SET Index วานนี้เป็นสิ่งที่เราส่งสัญญาณเตือนมาตลอดในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาถึงความเสี่ยงและความผันผวนที่อาจเกิดขึ้นเมื่อดัชนีปรับขึ้นทดสอบกรอบบนของการเคลื่อนไหวที่ 1830-1850 จุด จาก 1) ประมาณการกำไรของหุ้นไทยที่ลดลงสวนทางกับประเทศเพื่อนบ้าน, 2) ราคาน้ำมันดิบที่คาดชะลอความร้องแรงลงจากการทดสอบ $70, และ 3) ความกังวลจากความไม่แน่นอนของโรดแมปการเลือกตั้ง
เรามองตลาดยังมีความเสี่ยงจากความผันผวนระยะสั้นอันเนื่องมาจากความผันผวนของค่าเงินสหรัฐฯและน้ำมันดิบ ประกอบกับปริมาณการซื้อขายชะลอตัวลงในช่วงสัปดาห์ล่าสุด อย่างไรก็ตามเรามอง downside ของตลาดค่อนข้างจำกัด จากโมเมนตัมเศรษฐกิจที่เป็นบวก และผลการประชุม สนช.ล่าสุดมีมติเห็นชอบยืดกำหนดเวลาการเลือกตั้งออกไปอีก 90 วัน ซึ่งไม่ผิดไปจากคาดการณ์มากนัก ขณะที่สภาพคล่องภายนอกจากธนาคารกลางต่างๆยังไม่เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ
Investment Theme เน้น selective buy 1) หุ้นใหญ่พลังงาน-ปิโตร BANPU PTT, PTTEP, PTTGC, IVL, IRPC 2) หุ้นที่ผลประกอบการมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องในปีนี้ และราคายังมี upside เชิงพื้นฐานที่น่าสนใจ เช่น SCC, BANPU, ROBINS, BJC*, ERW, MAJOR, STEC, CK, BCH, BDMS, PSH, AP, TK, AMANAH 3) EEC และการลงทุนโครงสร้างฟื้นฐาน AMATA*, STEC, EASTW* 4) หุ้นเก็งกำไรที่น่าสนใจ HTC*, RSP*, MBK*, MONO*, TVO*, SPALI, MILL*, COM7*
ภาพรวมกลยุทธ์: แกว่งตัวและอาจมีแรงทำกำไรจากแรงซื้อที่ชะลอตัวลง นักลงทุนควรตั้งจุดขายรักษากำไร (trailing stop) ในหุ้นที่มี นักเก็งกำไร เน้นเก็งกำไรเชิงตั้งรับในหุ้นที่ Laggard หรือมีปัจจัยบวกชัดเจน // หุ้นแนะนำ TK, MBK*, AMANAH, SKE*
แนวรับ 1808 / แนวต้าน : 1827-1830 จุด สัดส่วน : เงินสด 40% : พอร์ตหุ้น 60%
ประเด็นการลงทุน
โภคภัณฑ์ – ราคาน้ำมัน (WTI) ปิดลบจากแรงกดดันจากเงินเหรียญฯที่แข็งค่าขึ้น หลัง ปธน.ทรัมป์ ออกมาสนับสนุนการแข็งค่าของเงินเหรียญฯ / ค่าระวางเรือ (BDI) ปิดที่ 1,217 จุด (+1.42%) / ถ่านหิน Newcastle ปิดที่ 106.50 เหรียญต่อตัน (-0.42%)
ECB แสดงความกังวลถึงเงินยูโรที่แข็งค่า – ธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติคงนโยบายผ่อนคลายทางการเงินที่ระดับเดิมตามคาด พร้อมระบุถึงเศรษฐกิจยูโรโซนที่ยังมีโมเมนตัมการเติบโตที่แข็งแกร่งและอัตราเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้น แต่มีการแสดงความกังวลถึงเงินยูโรที่แข็งค่ามากเกินไปในช่วงที่ผ่านมา
มาเลเซียนำเทรนด์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย – ธนาคารกลางมาเลเซียมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้น 0.25% สู่ระดับ 3.25% เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 3 ปี และนับเป็นประเทศแรกในกลุ่มอาเซียนที่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจากที่ดำเนินนโยบายอัตราดอกเบี้ยต่ำมาเป็นเวลาหลายปี
ยืดเลือกตั้ง 90 วัน ตามคาด – สนช.ลงมติขยายระยะเวลาบังคับใช้กฎหมายเลือกตั้งออกไป 90 วัน นับจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกสา ด้วยคะแนนเสียง 213 (งดออกเสียง 4) และไม่ตัดสิทธิรับราชการสังกัดรัฐสภา
ประเด็นติดตาม: 26 ม.ค. US - รายงานตัวเลข GDP ไตรมาส 4/60, 31 ม.ค. TH – ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย
(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
26 ม.ค. – US รายงานตัวเลข GDP ไตรมาส 4/60
UK รายงานตัวเลข GDP ไตรมาส 4/60
31 ม.ค. – TH ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย
ประเด็นลงทุนสำหรับหุ้นแนะนำ
- TK (20) : คาดการณ์ผลการดำเนินงานไตรมาส 4/60 แข็งแกร่ง ราคาข้าวที่เริ่มฟื้นตัว พร้อมกับปริมาณข้าวนาปีที่เก็บเกี่ยวในช่วงปลายปี คาดจะทำให้กำลังซื้อรากหญาและรายได้เกษตรกรฟื้นตัว เป็นปัจจัยบวกต่อการเช่าซื้อ
- MBK* (24) : ผลการดำเนินงานไตรมาส 4/60 มีแนวโน้มได้อานิสงค์จากโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ (ช็อปช่วยชาติ) ขณะที่หุ้นน่าสนใจจาก Valuation ที่ไม่แพงซื้อขายที่ PER 15x ซึ่งไม่แพงเมื่อเทียบกับหุ้นค้าปลีกหรือศูนย์การค้า ขณะที่ sum-of-the-part valuation จากธุรกิจทั้งหมด มีแนวโน้มมากกว่าระดับราคาปัจจุบันพอสมควร
- AMANAH (2.70) : คาดผลการดำเนินงานไตรมาส 4/60 ออกมาดี ต่อเนื่องจากไตรมาส 3/60ที่เห็นสัญญาณหนี้เสียที่ควบคุมได้ จณะที่พอร์ตสินเชื่อกลับมาเดินหน้าเพิ่มขึ้น ราคาปัจจุบันซื้อขายที่เพียง PER 12 เท่า และคาดล้างขากทุนสะสมหมด และกลับมาจ่ายปันผลได้ในปีหน้า เป็นปัจจัยสำคัญของการฟื้นตัวของราคา
- SKE* (1.86) : คาดรายงานผลประกอบการไตรมาส 4/60 ออกมาดี จากยอดอัดก๊าซที่เพิ่มสูงขึ้นหลังแล้วเสร็จการ maintenance เครื่องอัดในช่วงที่ผ่านมาขณะที่การซ่อมบำรุงสถานีของPTT ทำให้ยอดการเติมก๊าซของ SKE น่าจะได้ผลดีในอีก 12-15 เดือนข้างหน้า บวกต่อแนวโน้มกำไรปี 2561 ที่น่าจะฟื้นตัวเด่น
- หุ้นที่น่าสนใจอื่นๆ: HTC*, RSP*, MBK*, MONO*, TVO*, SPALI, MILL*, COM7* (ควรตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5%)
ข่าวเด่น