คำแนะนำ
หากราคาไม่สามารถยืนเหนือ 1,351 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้ให้เสี่ยงเปิดสถานะขายเล่นสั้น โดยตัดขาดทุนเมื่อผ่านโซน 1,366 ดอลลาร์ต่อออนซ์
แนวรับ-แนวต้าน
แนวรับ 1,331 1,324 1,313
แนวต้าน 1,351 1,366 1,376
ปัจจัยพื้นฐาน
ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวลดลง 9.17 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยราคาทองคำได้รับแรงกดดันจากการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐานซึ่งเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ให้ความสำคัญนั้นปรับตัวสูงขึ้นในเดือนธ.ค.0.2% ในเดือนธ.ค. ซึ่งการดีดตัวขึ้นของอัตราเงินเฟ้อช่วยกระตุ้นการคาดการณ์ที่ว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งในปีนี้ ทั้งนี้ FedWatch ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาส 26% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งในปีนี้ โดยเพิ่มขึ้นจากระดับ 23% ในวันศุกร์ และ 10% ในเดือนที่แล้ว สถานการณ์ดังกล่าวส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐพุ่งขึ้น ซึ่งช่วยหนุนสกุลเงินดอลลาร์ให้ฟื้นตัวขึ้นจากจุดต่ำสุดในรอบ 3 ปีและเป็นปัจจัยกดดันให้เกิดแรงขายทำกำไรในตลาดทองคำ ด้านกองทุน SPDR ลดการถือครองทองคำวานนี้ -1.47 ตัน สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4/2017 ของยูโรโซน รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐ อาทิ ดัชนีราคาบ้านเดือนพ.ย.จาก S&P/CS และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนม.ค.จาก Conference Board
ปัจจัยทางเทคนิค
ราคาทองคำอาจทดสอบแนวต้านที่ 1,351 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากยังไม่สามารถผ่านได้ ซึ่งนักลงทุนยังคงต้องระมัดระวังแรงขายทำกำไรเนื่องจากช่วงที่ผ่านมาเมื่อราคาทองคำมีการปรับตัวขึ้นยังคงมีแรงขายออกมาเช่นกัน อย่างไรก็ตามการอ่อนตัวลงนั้นมีโซนแนวรับระยะสั้นอยู่ที่ 1,331-1,324 ดอลลาร์ต่อออนซ์
กลยุทธ์การลงทุน GOLD SPOT
แบ่งทองคำออกขายทำกำไรบางส่วนหากราคาทองคำไม่ผ่านแนวต้านที่ 1,351 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพื่อรอเข้าซื้อเก็งกำไรจากการดีดตัวขึ้นหากการอ่อนตัวลงสามารถยืนเหนือโซน 1,331-1,324 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ ด้าน สถานะขายตัดขาดทุนหากราคาผ่าน 1,366 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ข่าวเด่น