Market summary
เมื่อวานนี้ ตลาดปรับตัวขึ้นแกร่ง ด้วยแรงขับเคลื่อนจากกลุ่มพลังงาน& ปิโตรเคมี (PTT, PTTEP, PTTGC, GPSC, BANPU), ธนาคารพาณิชย์ (KBANK) รวมถึงกลุ่มโรงพยาบาล (BDMS) ขณะที่ยังคงมีแรงขายเล็กน้อยในกลุ่มค้าปลีก โดย ณ. สิ้นวัน SET ปิดที่ระดับ 1,837.49 จุด (+8.6 จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขายราว 5.4 หมื่นล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับวันก่อนที่ 7.8 หมื่นล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติพลิกกลับมาขายราว 358 ล้านบาท และเปิดสถานะ Short SET50 index future 1,564 สัญญา
Investment theme
เน้นหุ้นที่คาดกำไรเด่น ยังคงเป็นกลยุทธ์ที่น่าสนใจ: ภาพรวมตลาดหุ้นไทยยังคงแกว่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ด้วยแรงหนุนจากกลุ่มหุ้น Big Caps ทั้ง พลังงาน และธนาคารพาณิชย์ ซึ่งถือเป็น Sector ที่มี Market Capitalization สูงสุด 2 อันดับแรก ที่ราว 22% และ 14% ของมูลค่าตลาดทั้งหมด ตามลำดับ โดยปัจจัยบวกจากกลุ่มดังกล่าว คาดยังคงเป็นแรงส่ง ขับเคลื่อน SET มีลุ้นขึ้นทดสอบต้านถัดไปที่บริเวณ 1850/1870 จุด แต่อย่างไรก็ดี ยังคงแนะให้นักลงทุนมีความระมัดระวังในการลงทุนเพิ่มมากยิ่งขึ้น ซึ่งกลยุทธ์การลงทุนที่น่าสนใจในช่วงนี้ เรายังชอบหุ้นที่คาดแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วง 4Q60 ขยายตัวเด่น คาดจะมีแรงเก็งกำไรผลักดันราคาหุ้นแกว่งขึ้นก่อนการรายงานผลการดำเนินงานได้ โดยสำหรับหุ้นกลุ่ม Big Caps แนะเก็งกำไร กลุ่มพลังงาน (IRPC คาดกำไรสุทธิ 4Q60 ที่ 4,010 ล้านบาท +137% YoY, +23.5% QoQ), กลุ่มปิโตรเคมี (IVL คาดกำไรสุทธิ 4Q60 ที่ 7,352 ล้านบาท +148% YoY, +109% QoQ), กลุ่มค้าปลีก (CPALL และ HMPRO ทั้งสองตัวนี้คาดกำไรสุทธิจะทำจุดสูงสุดใหม่) ส่วนนักลงทุนที่ชอบหุ้นขนาดกลาง-เล็ก อาจเลือกเก็งกำไร หุ้นที่คาดกำไร 4Q60 จะทำจุดสูงสุดใหม่ เช่น SF, ATP30, SPCG, TPIPP เป็นต้น
Investment theme: SET สามารถยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย EMA 5 และ 10 วันได้ ที่ 1830, 1824 จุด ตามลำดับ สะท้อนภาพของ SET ยังคงมี momentum เชิงบวก แต่ยังแนะระมัดระวัง โดยใช้ระดับเส้น 10 วัน เป็นจุด Trailing stop loss กลยุทธ์แนะหุ้นคาดกำไร 4Q60 เด่น หรือหุ้นที่มีปันผลสูง
Big issue
เมื่อคืนที่ผ่านมา – US Core PCE ธค. ที่ 1.5%YoY ตามคาด / อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล 10 ปี สหรัฐฯ พุ่งสู่ระดับ 2.7% / สศค. ปรับ คาด GDP ปี 61 ขึ้นสู่ 4.2% จากคาดเดิมที่ 4.0% / สื่อรายงาน Apple เตรียมปรับลดยอดขาย iPhone X กดดันหุ้น AAPL วานนี้ร่วง -2.1%
บทวิเคราะห์วันนี้ : SF (ซื้อ, TP 9.5) คาดกำไร 4Q60 สูงสุดและยังเติบโตต่อ / HMPRO (ซื้อ, TP 15.4) คาดกำไร 4Q60 New High / STANLY (ซื้อ, TP 270) คาดกำไรยังเด่น / SIRI (ขาย, TP 1.96)
SF : ปรับเพิ่มมูลค่าเหมาะสมขึ้นเป็น 9.5 บาทต่อหุ้น
คาดกำไรสุทธิ 4Q60 ที่ระดับ 503 ล้านบาท (+55% QoQ, 162% YoY)จากการบันทึกกำไรการปรับมูลค่ายุติธรรมอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนของโครงการนางลี้นจี่และเมกาบางนา เฟส 2 รวมประมาณ 300 ล้านบาท หากไม่รวมรายการดังกล่าว คาดกำไรปกติก็เดินหน้าทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 139 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% QoQ และ 33% YoY
กำไรของ SF จะขยายตัวได้ต่อเนื่องในปี 2561 จากการรับรู้รายได้และส่วนกำไรเต็มปีจากโครงการที่ขยายในปีก่อน และมีการเพิ่มพื้นที่ให้เช่า
เราปรับประมาณการกำไรปกติปี 2560-2562 ขึ้น 5-8% สะท้อนถึงการขยายโครงการเดิมและเปิดโครงการใหม่ตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นไปทำให้ราคาเป้าหมายเพิ่มจาก 8.70 เป็น 9.50 บาท
Trading idea – – เก็งหุ้นที่คาดกำไร 4Q60 จะทำ All Time High (SF, ATP30, SPCG, TPIPP) / หุ้นที่คาดปันผลสูง (TISCO, SF, PTTGC, LH)
Technical View
ดีดตัวขึ้นคอนเฟิร์มสัญญาณ Hammer : ดัชนีเปิดโดดจากแรงซื้อหลักของหุ้นกลุ่มพลังงานและธนาคาร จากนั้นแกว่งตัวในกรอบแคบตลอดทั้งวัน ซึ่งถือเป็นการคอนเฟิร์มการกลับตัวแบบ Hammer ในแท่งเทียนก่อนหน้า ระยะสั้นคาดแกว่งตัวขึ้นปะทะแนวต้าน All Time High ที่ 1848 หากผ่านได้ Upside ด้านบนจะเปิดมากขึ้น มองแนวต้านที่ 1860 และ 1865 ตามลำดับ จังหวะอ่อนตัวระหว่างวัน ยังมองเป็นโอกาสสะสมหุ้นตามแนวรับ กลยุทธ์การลงทุน 1) มีหุ้น: ลงทุนระยะสั้น Trading ในกรอบ 1830-1848 , ลงทุนระยะกลาง หากไม่หลุด 1830 ถือหุ้นต่อ 2) ไม่มีหุ้น: ทยอยสะสมหุ้นที่แนวรับ
แนวรับ : 1833, 1830 แนวต้าน : 1844, 1848
Eyes on
ปัจจัยต่างประเทศ : เช้าวันที่ 31 มค. Donald Trump แถลงนโยบายประจำปีต่อสภาครองเกรส (State of the Union) / วันที่ 31 มค. ประชุม FOMC คาดคงดอกเบี้ยที่ 1.5%
ปัจจัยในประเทศ : 31 มค. ดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมไทย ธค. คาด +3.5%YoY
หุ้นเทคนิค:
BDMS (B 21.00-21.20, Tp 21.80//22.50, Cut 20.70)
KBANK (B 230.00, Tp 237.00, Cut 226.00)
ข่าวเด่น