“Mid-Small Play”
CNS Daily Strategy : คาดตลาด “ปรับฐาน” ต้าน 1831/1835จุด รับ 1813/1806จุด ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯฟื้นตัวต่อ บ่งชี้ถึงการเติบโตต่อเนื่องของเศรษฐกิจสหรัฐฯส่งผลให้นักลงทุนเริ่มกังวลว่า FED จะขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด สะท้อนจาก US Bond Yield ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องสู่ 2.718% กดดันสินทรัพย์เสี่ยงโลก และ Fund Flows ระยะสั้นผันผวน ประกอบกับราคาน้ำมันดิบปรับฐาน หลังสต๊อกน้ำมันดิบ API เพิ่มขึ้น 3.23ล้านบาร์เรล กดดันกลุ่มพลังงานถ่วงดัชนี กลยุทธ์วันนี้ เน้น Theme “Mid-Small Play” : TOA, PM, FN
Nomura : Key Factors
- (-) US: US Bond Yield อายุ10ปีของสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นต่อ 2.4bps สู่ระดับ 2.718%
- (-) TH: นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทย 2 วันติดต่อกัน มูลค่าราว -93 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
- (-) OIL: ราคาน้ำมันดิบวานนี้ WTI -1.62% สู่ $64.50/bbl / BRT -0.63% สู่ $69.02/bbl
- (-) OIL: API รายงานสต๊อกน้ำมันดิบสัปดาห์นี้ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.23ล้านบาร์เรล
- (-) Fund Flow: ล่าสุดขายหุ้น-2,573ลบ,Short Future-12,434สัญญา,ขายBond-6,462ลบ.
- (+) US: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐฯปรับตัวขึ้นสู่ 125.4 จุด ดีกว่าคาดที่ 123.0 จุด
- (*) US: ติดตามถ้อยแถลงนโยบายประจำปีของปธน. Donald Trump 9:00น.ตามเวลาไทย
- (*) US: ติดตามการประชุม FOMC โดย Nomura คาด FED ยังคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับเดิม
Nomura Daily Top Picks: TOA, PM, FN
Equity Daily Outlook : คาดดัชนีวันนี้ “ปรับฐาน” แนวต้าน 1831/1835จุด รับ 1813/1806จุด
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐฯปรับตัวขึ้นสู่ 125.4 จุด ดีกว่าคาดที่ 123.0 จุด ตอกย้ำการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ส่งผลให้ตลาดเริ่มกังวลต่อโอกาสที่ FED จะปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าและมากกว่าคาด หนุนให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ10ปีของสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นต่อ 2.4bps สู่ระดับ 2.718% กดดันสินทรัพย์เสี่ยงโลกปรับฐาน และทำให้ทิศทาง Fund Flows ผันผวน โดยนักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทย 2 วันติดต่อกัน มูลค่าราว -93 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้นไทย ประกอบกับราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับตัวลงต่อ -0.63% สู่ระดับ 69.02เหรียญ/บาร์เรล หลัง API รายงานสต๊อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 3.23ล้านบาร์เรล อาจกดดันกลุ่มพลังงานถ่วงดัชนีได้ ส่วนวันนี้ แนะติดตามถ้อยแถลงนโยบายประจำปีของประธานาธิบดี Donald Trump 9:00น.ตามเวลาไทย โดยจะเน้น 5 ประเด็นหลัก ได้แก่ การจ้างงานและเศรษฐกิจ, การก่อสร้างโครงการพื้นฐานของประเทศ, นโยบายเกี่ยวกับผู้อพยพ, การค้า และความมั่นคงแห่งชาติ รวมถึงติดตามการประชุม FOMC โดย Nomura คาด FED ยังคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับเดิม และไม่มีการออกมาตรการเพิ่มเติม โดยมอง FED จะขึ้นดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ ในเดือนมีค. มิย. และธค.
Asset allocation : ถือหุ้น 60% และเงินสด 22.5% ทองคำ 12.5% ตลาดบอนด์ 5%
Daily Strategy : คงคำแนะนำกระชับพอร์ตถือหุ้น 60% โดยวันนี้ให้ระวังการขายทำกำไรของกลุ่มที่ Outperform อย่างโรงไฟฟ้า SPP กลุ่มโรงกลั่น กลุ่มน้ำมัน กลุ่มนิคมฯ และกลุ่มชินส่วนฯ ส่วนวันนี้เน้นหุ้นในประเทศ Theme การลงทุนวงจรใหม่ และหุ้น Mid-Small Cap
ครม เตรียมนำรถไฟทางคู่เฟส 2 กว่า 3 แสนลบ เข้าพิจารณา หนุน CK, STEC
Domestic Play : กลุ่ม BANK จะกลับมานำตลาดรับวงจรการลงทุนปี 2018 เน้น KBANK, BBL และกลุ่มรับเหมาฯ คาดกระแสเงินจะเวียนจากกลุ่มนิคมที่ราคาตอบรับล่วงหน้าไปแล้ว มากลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน CK, STEC, TASCO, TOA เด่น
Dividend 2H17 Play หุ้นที่คาดว่าจะจ่ายเงินปันผล 2H17F สูงกว่า 3.0% และ พื้นฐานดี และผลประกอบการมีแนวโน้มเติบโตดี แนะนำซื้อก่อนขึ้น XD 2เดือน มักให้ผลตอบแทนเด่น 5.3-9.6% Dividend Play ได้แก่ KKP(Interim Yield 4.83%), NYT(Interim Yield 4.6%), TISCO(Interim Yield 4.53%), BLAND(Interim Yield 4.57%), PM(Interim Yield 3.46%), SC(Interim Yield 3.41%), IRPC(Interim Yield 3.27%)
2018 Top picks : CK STEC HMPRO TOA KBANK AOT MONO FN PTTEP IRPC
Investment Theme:
1H18F : Domestic - Infrastructure Related Play : STEC, CK, HMPRO, TOA, KBANK, AOT, MONO, PTTEP, IRPC, FN
1) Investment Related : STEC, CK, HMPRO, TOA, KBANK
2) Tourism & Consumer : AOT, MONO, FN
3) Global Play : PTTEP, IRPC
Fundamental & Tactical Daily Top Picks :
TOA (TP 40*): Support: 30.5/30.0 Resistant: 32.0/33.0
- Theme: Investment Related
- Earnings Outlook: เป็นผู้นำอุตสาหกรรมสีในไทยด้วย Market share กว่า 48% และมีการเปิดตลาดต่างประเทศมานาน (CLMV + Indonesia + Malay) จะเติบโตไปตาม การเพิ่มจำนวนร้านค้าและเพิ่มสินค้า High margin โดยคาดกำไร 2018F จะกลับมาโตแรง 34% จากการปรับราคาครั้งแรกรอบ 3 ปี ราว 4% และจากการเพิ่มกำลังการผลิต 16% ใน 2H18F (อินโดนีเซีย, กัมพูชา, ลาว) โดยระยะสั้นคาดกำไร 4Q17F 464 ลบ. (+32% q-q, -12% y-y) ซึ่งเห็นการฟื้นตัวของรายได้ y-y ครั้งแรกในรอบปี
- Valuation: เป็นอุตสาหกรรมที่ดี Margin สูง, ลงทุนต่ำ, ROE สูง 24% จึงมี Premium กว่ากลุ่มวัสดุก่อสร้างทั่วไป โดยมี 18F PER 27.7x แต่ยังต่ำกว่าผู้ประกอบการในต่างประเทศเล็กน้อย ที่ซื้อขายเฉลี่ยสูง 31.5x
- Catalyst: ประโยชน์เงินบาทแข็งค่า (เป็น Net import $ 3% ของต้นทุนผลิต) + ประกาศปรับราคาสินค้าตั้งแต่ม.ค. - ก.พ. + ตลาดต่างประเทศมีขนาดใหญ่กว่าไทยถึง 3 เท่าตัวรายได้ ช่วยผลักดัน Growth ต่อผลประกอบการในระยะกลาง-ยาวสูง
PM (TP 19.9*): Support: 12.8/12.5 Resistant: 13.7/14.0
- Theme: Mid-Small Cap Play
- Earnings Outlook: ธุรกิจก้าวมาถึงจุดเปลี่ยนสำคัญ คือ การนำ Taro บุกต่างประเทศ (เกาหลี ลาว กัมพูชา เวียดนาม จีน)ซึ่งจะทยอยชัดเจนปลาย 4Q17F และเก็บเกี่ยวผลประโยชน์เต็มที่เริ่ม 2018F หนุนกำไร 3 ปีนี้ จะเข้าสู่ช่วงเติบโตรอบใหญ่เฉลี่ย CAGR 22% ต่อปี ขณะที่ ระยะสั้น 4Q17F คาดกำไรปกติ จะเป็นจุดสูงสุดของปี
- Valuation: ราคาหุ้นยังคง Laggard ตลาดเป็นจังหวะทยอยสะสมเพิ่ม รอความคืบหน้าปัจจัยบวกในช่วง 1Q18F จากภาพระยะยาวของบริษัทจะเปลี่ยนจาก Div play เป็น Growth stock + high div โดย Div yield 5.5% ช่วยจำกัด Downside ราคาหุ้น โดยมี PER ปี 2018F เพียง 14.6x เท่า
- Catalyst: คาดยอดส่งออกใน 4Q17F ของ TARO ไป 4 ประเทศหลัก (เกาหลี เวียดนาม ลาว กัมพูชา) ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จาก 3Q17 ที่ยอดส่งออก 17 ลบ. เป็น Sentiment เชิงบวกต่อผลประกอบการโดยรวม และเพิ่มความมั่นใจต่อการเปิดตลาดต่างประเทศ
FN (TP 8.5*): Support: 4.90/4.84 Resistant: 5.25/5.4
- Theme: Mid-Small Cap Play
- Earnings Outlook: กำไรผ่านช่วงต่ำสุดมาแล้ว และจะเริ่มดีขึ้นใน 4Q17F และฟื้นตัวชัดเจน +58% ปี 2018F จากยอดขายสาขาเดิมหลังปรับฐานปี 2017 จะกลับมาเติบโต รวมกับ ผลการเปิดสาขาใหม่ 2 แห่งปี 2017 เต็มปี ซึ่งมี Performance ดี และ 2 แห่งปี 2018 ขณะที่ Margin จะฟื้นตัว จากสัดส่วนสินค้า House brand + รายได้ค่าเช่าเพิ่ม
- Valuation: ยังเป็นจุดเข้าลงทุนที่ดี เพื่อรับกำไรปี 2018F ที่จะฟื้นตัวแรง และมี Model business ที่ดี (Margin สูง + สาขาใหม่ คืนทุนไว+ เพิ่มรายได้ค่าเช่า หนุน Margin และสร้าง Recurring income)
- Catalyst: ครม.เห็นชอบมาตรการภาษีท่องเที่ยวเมืองรองใน 55 จังหวัด ตั้งแต่ 1ม.ค-31ธ.ค. 61 และคลังเตรียมเปิดให้ผู้มีรายได้น้อยเข้ามาลงทะเบียนบัตรคนจนระยะที่2 ตั้งแต่ 1 ก.พ. เป็นต้นไป เป็น sentiment บวกต่อการบริโภค
Note: TP (Bloomberg Consensus) , *TP(CNS), **TP(Nomura)
ข่าวเด่น