คำแนะนำ

  ความแข็งแกร่งของราคาทองคำและแรงซื้อน้อย ทำให้การลงทุนอาจต้องเป็นไปในลักษณะรอจังหวะการอ่อนตัวลงของราคาค่อยเข้าซื้อ หรือราคาทองคำไม่สามารถยืน 1,351 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ ให้แบ่งทองคำออกขายเพื่อทำกำไรบางส่วน แต่หากผ่านได้ให้ชะลอการขายออกไป

แนวรับ-แนวต้าน
แนวรับ  1,331  1,324 1,313
แนวต้าน  1,351 1,366 1,376

ปัจจัยพื้นฐาน 
  ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 6.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์จากแรงซื้อเก็งกำไร  หลังคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน(FOMC)ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมที่เสร็จสิ้นลงเมื่อวานนี้ตามคาด  พร้อมกับมีการส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค.ซึ่งส่งผลกดดันราคาทองคำให้อ่อนตัวลงแตะระดับต่ำสุดบริเวณ 1,332 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในระหว่างการซื้อขาย  ก่อนที่ราคาทองคำจะดีดตัวกลับมาปิดในแดนบวกเพราะถึงแม้เนื้อหาในแถลงการณ์หลังการประชุม(FOMC Statement)จะมีการส่งสัญญาณความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเงินเฟ้อและการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ แต่เฟดก็ไม่ได้ส่งสัญญาณในเชิงเร่งรีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเช่นกัน  ซึ่งการตีความว่าเฟดจะยังคงคุมเข้มนโยบายการเงินอย่างค่อยเป็นค่อยไปช่วยกระตุ้นแรงซื้อเก็งกำไรกลับเข้าสู่ตลาดทองคำอีกครั้ง  ด้านกองทุน SPDR ลดการถือครองทองคำลง -4.14 ตัน  สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ  อาทิ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน, ประสิทธิภาพการผลิตต่อหน่วย, การใช้จ่ายด้านก่อสร้างและดัชนี PMI ภาคการผลิตจากมาร์กิตและISM

ปัจจัยทางเทคนิค
  ราคาทองคำยังคงพยายามกลับขึ้นไปทดสอบเหนือ 1,351 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากสามารถยืนเหนือบริเวณดังกล่าวได้ มีแนวโน้มขึ้นทดสอบ 1,366 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ถ้าไม่สามารถปรับขึ้นได้ จะเกิดแรงขายออกมาเป็นระยะ โดยแนวรับระยะสั้นจะอยู่ที่ 1,331 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และแนวรับสำคัญจะอยู่บริเวณ 1,324 ดอลลาร์ต่อออนซ์

กลยุทธ์การลงทุน GOLD SPOT 
  หากยังไม่สามารถผ่าน 1,351 ดอลลาร์ต่อออนซ์ไปได้ อาจใช้วิธีการเดิมคือลดพอร์ตสถานะซื้อลง และสำหรับนักลงทุนที่เก็งกำไรฝั่งซื้อระยะสั้น ยังคงต้องตั้งจุดตัดขาดทุนไว้ล่วงหน้าให้ชัดเจน โดยรอเปิดสถานะซื้อในบริเวณ 1,331-1,324ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพื่อเล่นสั้นหากราคาทองคำยืนเหนือแนวรับได้