การปรับฐานของสินทรัพย์เสี่ยงมาตามคาด
การปรับฐานของสินทรัพย์เสี่ยงเป็นสิ่ที่เราเตือนนักลงทุนมากขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเฉพาะเมื่อดัชนีชี้วัดความผันผวนหลายตัวรวมถึง VIX ปรับเพิ่มขึ้นอย่ามีนัยสำคัญ ทั้งนี้สาเหตุหลักที่หุ้นสหรัฐฯลงแรง และนำการปรับฐานของสินทรัพย์เสี่ยง ทั้งที่ยังคงมีแนวโน้มกำไรที่ดี มาจากการที่ราคาหุ้นปรับขึ้นเร็วกว่ากำไรมาก ส่งผลให้ Earnings Yield Gap ของหุ้นสหรัฐฯ ลดลงเหลือเพียง 1.7% ต่ำสุดในรอบ 8 ปี (หรือลงทุนหุ้น ได้ผลตอบแทนมากกว่าการซื้อพันธบัตรเพียงเล็กน้อย) ซึ่งไม่สะท้อนความเสี่ยงของตราสารทุน การที่ส่วนต่างดังกล่าวหดแคบลง ทำให้หุ้นอ่อนไหวต่อปัจจัยต่างๆไม่ว่าจะเป็นการปรับขึ้นของผลตอบแทนพันธบัตร หรือแนวโน้มกำไรในอนาคต (ชมรายละเอียดเพิ่มเติมได้ใน Get Impact วันที่ 5 ก.พ.)
สำหรับหุ้นไทย ส่วนต่าง Earnings Yield Gap ลดลงเหลือ 2.5% อยู่ในระดับค่าเฉลี่ย 8 ปี ทำใหการปรับลงไม่น่ารุนแรงเท่าหุ้นสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม การแข็งค่าของเงินสหรัฐฯ และการอ่อนค่าของราคาโภคภัณฑ์ คาดส่งผลลบต่อเงินทุนไหลออก (เริ่มเห็นแรงขายพร้อมทั้งการ short sell ของนักลงทุนต่างชาติ) และกระทบต่อหุ้นกลุ่มพลังงานได้ (หุ้นพลังงาน S&P500 ปิดลบ 4.36%) คาด downside ของการปรับฐานที่ 1760-1786 และ 1730 ตามลำดับ
Investment Theme อิเล็กทรอนิกส์ คาดเป็นเพียง technical rebound จากบาทอ่อน แต่มีแนวโน้มถูกปรับประมาณการกำไรลง//ปิโตรเคมี ระวัง PET spread ลดลง 20.4% WoW อาจทำให้มีแรงทำกำไร IVL //หุ้นที่ได้ประโยชน์จากบอนด์ยีลที่ปรับขึ้น TIP*, THREL* // หุ้นพื้นฐานดีที่ Underperform ในช่วงที่ผ่านมา BDMS BCH THG*//ทยอยสะสมหุ้นกลุ่มเดินเรือที่คาดได้รับปัจจัยบวกจากค่าระวางเรือ (BDI) ขาขึ้นช่วงเดือน ก.พ.-มี.ค. ได้แก่ PSL TTA
ภาพรวมกลยุทธ์: ถือเงินสดราว 25-30% เพื่อเลือกซื้อในจังหวะปรับฐาน เน้นกลุ่มที่ราคายังขึ้นน้อย (underperform) หรือมีการถือครองน้อย (under-owned) ในช่วง 6-12 เดือนที่ผ่านมา อาทิ การแพทย์ อสังหาริมทรัพย์ สื่อสาร หรือเข้าสู่ฤดูผลประกอบการสูง อาทิ ท่องเที่ยว ได้แก่ BDMS, BH, BCH, THG*, VIH*, LH, QH, SC*, ADVANC, INTUCH, ERW, MINT นักลงทุนควรเพิ่มความระมัดระวังและกำหนดจุดตัดขาดทุนทุกครั้ง รวมถึงตั้งจุดขายล็อคกำไร (trailing stop) ในหุ้นที่ถือครอง // หุ้นแนะนำ MAJOR, BDMS, AMANAH
แนวรับ 1786 และ 1760 / แนวต้าน : 1820 จุด สัดส่วน : เงินสด 40% : พอร์ตหุ้น 60%
ประเด็นการลงทุน
โภคภัณฑ์ – ราคาน้ำมันปิดลบหลังได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของเงินเหรียญสหรัฐฯ รวมถึงข้อมูลที่บ่งชี้ถึงการผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นในสหรัฐ // ค่าระวางเรือ (BDI) ปิดที่ 1,082 จุด (-1.19%) // ถ่านหิน Newcastle ปิดที่ 104.55 เหรียญฯต่อตัน (-0.19%)
PMI ภาคบริการสหรัฐฯสูงกว่าคาด – ผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐฯ รายงาน ดัชนีภาคบริการสหรัฐฯ (ISM Non-manufacturing PMI) พุ่งขึ้นแตะ 59.9 ในเดือน ม.ค.61 (สูงกว่าคาดที่ 56.5) บ่งชี้ถึงการขยายตัวของเศรษฐกิจที่ต่อเนื่อง แต่สวนทางกับตัวเลขของมาร์กิตที่ลดลงสู่ระดับ 53.3
พิจารณาร่างเกณฑ์ประมูลคลื่น – กสทช.นัดพิจารณาร่างเกณฑ์ประมูลคลื่น 900MHz และ 1800 MHz ใหม่ ในวันที่ 7 ก.พ. นี้
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค สูงสุดในรอบ 36 เดือน – ม.หอการค้าไทย รายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ม.ค.61 อยู่ที่ 80 เพิ่มขึ้นจากเดือน ธ.ค.60 ที่ 79.2 โดยเป็นการปรับตัวดีขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 6 และสูงสุดในรอบ 36 เดือน // ดัชนีความเชื่อมั่นเศรษฐกิจโดยรวมอยู่ที่ 67 จากเดือน ธ.ค.60 ที่ 66.2 // พร้อมคงประมาณการขยายตัวเศรษฐกิจไทย (GDP) ปี 61 ที่ระดับ 4.2-4.5% yoy จากแรงหนุนของภาคการท่องเที่ยวและส่งออก
ประเด็นติดตาม: 08 ก.พ. UK – ประชุมนโยบายการเงิน, CN – ตัวเลขการค้า เดือน ม.ค. / 09 ก.พ. CN – อัตราเงินเฟ้อ เดือน ม.ค.
(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)
ข่าวเด่น