กลยุทธ์วันนี้ >> Defensive and Dividend Play
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET ปรับตัวร่วงแรงหลุด 1,800 จุดในช่วงเปิดตลาดโดยมีแรงเทขายออกมาหลังตลาดหุ้นภูมิภาคอื่นปรับฐานลงแรง อย่างไรก็ตามดัชนีสามารถรีบาวด์กลับขึ้นมาปิดบริเวณ 1,810 จุดได้ ณ สิ้นวันซึ่งสอดคล้องกับที่เราประเมิน นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหนักถึง 5,137 ลบ. (และพลิกมา Net Short ใน Index Futures หนาแน่น 16,205 สัญญา) ขณะที่รายย่อยเป็นฝ่ายซื้อสุทธิ 6,729 ลบ.
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET จะปรับฐานลงทดสอบระดับ 1,780 จุดจากบรรยากาศการลงทุนที่เป็นลบหลังนักลงทุนเทขายสินทรัพย์เปสี่ยงจากความกังวลเรื่องเงินเฟ้อของสหรัฐฯ และหันเข้าถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยทั้งดอลลาร์ ทองคำ รวมถึงพันธบัตรที่ Yield เริ่มลดลง ขณะที่ปลายสัปดาห์นี้ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องจับตาคือการขยายเพดานหนี้สหรัฐฯ เราคาดว่าหุ้นในกลุ่ม Defensive และจ่ายปันผลสูงน่าจะเป็นแหล่งพักเงินที่ดีในระยะนี้ ขณะที่การปรับฐานของตลาดเรามองเป็นโอกาสในการทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานรอบใหม่จากภาพรวมเศรษฐกิจไทยที่ยังแข็งแกร่ง
กลยุทธ์ : พักเงินในหุ้น Defensive และปันผลสูง//ทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานในช่วงปรับฐานหุ้นเด่นเดือน ก.พ. : AMATA, BBL, BCH, MGT, SAPPE
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$1,141ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกจากเกาหลีใต้ US$623ล้าน และไทย US$163ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาคเข้าสินทรัพย์ปลอดภัยหลังเกิดความปั่นป่วนในตลาดพันธบัตรสหรัฐ จากการคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่มากกว่า 3 ครั้งในปีนี้
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> TK <<
- ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นกว่า 25% นับจากเราแนะนำซื้อครั้งล่าสุดในปลายปีก่อน และเป็นเพียงไม่กี่หุ้นที่เรานำมาชวนเม้าส์หุ้นเด่น 3 ครั้งในเวลาไม่ถึง 2 เดือน จากประเด็นบวกในแง่ของคาดการณ์กำไรสุทธิ 4Q17 ที่จะดีสุดในรอบ 19 ไตรมาส 171 ลบ. +29% Q-Q, +18% Y-Y เพราะเป็นฤดูเก็บเกี่ยวและจับจ่ายใช้สอย รวมถึงเป็นช่วงจัดงานมอเตอร์เอกซ์โป
- อีกทั้ง การบริหาร NPL ยังทำได้ดีสุดเพียง 4.5% และสามารถ Loan Spread ได้สูงถึง 33.7% รวมถึงมี Coverage ratio บนมาตรฐานเดียวกับธนาคารที่ 134%
- ราคาปัจจุบันใกล้เต็มมูลค่าที่ 19.50 บาท จึงแนะนำเก็งกำไรในกรอบ 18.50-20.00 บาท ตัดขาดทุน 17.80 บาท ทั้งนี้ เราแนะนำให้จับตา THANI ตามรายละเอียดในบทวิเคราะห์เพิ่มเติม
ประเด็นสำคัญวันนี้
(-) Risk-off กระแสเงินไหลกลับเข้าหาสินทรัพย์ปลอดภัย หนุนตลาดเงินโดยเฉพาะพันธบัตรสหรัฐฯ ดอลล่าร์สหรัฐฯ เยน รวมถึงทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่ ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ลง 3-4% ส่วน SET เมื่อคืน iShare MSCI Thailand ที่เป็น ETF ปรับตัวลง 2.7% ยังแนะนำให้ระมัดระวังหุ้นใหญ่ที่ขึ้นแรงก่อนหน้านี้ ทั้งกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี ส่วนหุ้นที่มีโอกาสถูกใช้เป็นแหล่งพักเงินชั่วคราวคือหุ้นปันผลดี เช่น KKP LH AIT ASK KCAR MODERN MBAX FTE และ PRAKIT
(+) ADVANC ประกาศกำไร 4Q17 ออกมาใกล้เคียงคาด +3.4% Q-Q, +18.9% Y-Y ส่วนกำไรทั่้งปี 2017 -4.4% Y-Y เรามุมมองมองเป็นบวกต่อแนวโน้มกำไรในปี 2018 จากรายได้ที่คาดโตเร่งตัวขึ้น ขณะที่ค่าใช้จ่ายทางการตลาดลดลงค่อนข้างมากซึ่งแสดงถึงการแข่งขันที่เริ่มลดความรุนแรงลงและเอื้อต่อการทำกำไรมากขึ้น เรายังคาดกำไรปี 2018 พลิกมาเติบโตครั้งแรกในรอบ 3 ปี +9.1% Y-Y โดยแม้การเข้าซื้อ CSL จะส่งผลบวกจำกัด แต่เชื่อว่าน่าจะได้เห็น Synergy ในระยะยาว เรายังเลือก ADVANC เป็น Top Pick ของกลุ่ม ราคาเป้าหมาย 220 บาท ส่วนปันผลงวด 2H17 ประกาศจ่าย Yield 1.8%
(+) TU คาดกำไรผ่านจุดต่ำสุดของปีใน 4Q17 เพราะเป็น Low Season ส่วนทั้งปี 2017 คาด +11% Y-Y โดยน่าจะเห็นการฟื้นตัวตั้งแต่ 1Q18 เพราะราคาปลาทูน่าอ่อนตัวลงจากระดับสูงสุดในรอบ 4 ปีที่ US$2,300 ต่อตันใน ต.ค. 17 เป็นบวกต่อต้นทุนการผลิตที่ลดลง ส่วนปีนี้คาดกำไรสุทธิ +13% Y-Y โตสูงสุดในรอบ 4 ปี จากทั้งฐานที่ต่ำในปีก่อน และคาดธุรกิจทูน่า แซลมอน และกุ้งจะกลับมาสดใสอีกครั้ง แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมายปีหน้า 23 บาท
(+) THANI ปรับคำแนะนำขึ้นเป็นซื้อ จาก ขาย และปรับเพิ่มราคาเหมาะสมปี 2018 ขึ้นเป็น 11.80 บาท อิง Justified PER 20 เท่า ทั้งนี้ภายหลังการประชุมกับผู้บริหาร เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2018 ขึ้น 6.1% เป็น 1,425 ลบ. +26.6% Y-Y และเป็นระดับกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากประเด็นบวก 3 ประการ 1. ค่าใช้จ่ายสำรองทั่วไปเพื่อรองรับ IFRS 9 จะครบใน 1H18 2. CoF จะลดลงอีกในปีนี้จากการครบอายุของหุ้นกู้รุ่นเก่า คาด Refinance ใหม่ที่อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลงราว 1.5% และ 3. แผน Write-off NPL อีกราว 50-100 ลบ. ในปีนี้ หรือคิดเป็น 3-6% ของ NPL ทั้งหมดจากที่ไม่เคย Write-off NPL มาก่อน ส่งผลดีต่อคุณภาพหนี้
(+) SC แผนธุรกิจ 3 ปีข้างหน้าจะผันตัวเองจาก Developer เป็น Living Solutions Provider โดยปรับรูปแบบสินค้าให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้าแต่ละกลุ่มมากขึ้น ปีนี้จะเปิดโครงการมากขึ้นคือ 19 โครงการ (1.9 หมื่นล้านบาท +29% Y-Y) เน้นแนวราบและเจาะตลาดระดับกลาง ใช้แบรนด์ PAVE (บ้านเดี่ยว 3-5 ล้านบาท) และ VERVE (ทาวน์เฮ้าส์ 2-3 ล้านบาท) และจะขยายไปเขต EEC แนวโน้มกำไร 4Q17 คาดเป็นจุดสูงสุดของปี +106% Q-Q, +184% Y-Y แต่กำไรทั้งปี -26% ก่อนจะ turnaround ในปีนี้ +38-43% แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมายเบื้องต้น 4.75-5.00 บาท
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
7 ก.พ.
|
- จีน: ดุลการค้า (ม.ค. 18)
|
8 ก.พ.
|
- อังกฤษ: ประชุม BOE คาดคงดอกเบี้ยที่ 0.5%
|
9 ก.พ.
|
- จีน: อัตราเงินเฟ้อ
|
14 ก.พ.
|
- สหรัฐฯ: อัตราเงินเฟ้อและยอดค้าปลีก (ม.ค. 18)?
|
- (-) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาดิ่งลงแรงเฉลี่ยราว 4% โดยนักลงทุนตื่นตระหนกและเทขายสินทรัพย์เสี่ยงจากความกังวลเรื่องเงินเฟ้อที่อาจทำให้ FED ขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด
- (-) ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนปิดแรงเช่นกันจากความกังวลเรื่องเงินเฟ้อสหรัฐฯ รวมถึงยังมีความไม่แน่นอนทางการเมืองของเยอรมนีหลังยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในการจัดตั้งรัฐบาลได้
- (-) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดร่วงแรงเช่นกันจากบรรยากาศการลงทุนที่เป็นลบจากภูมิภาคอื่น
- (-) ค่าเงินบาทยังพลิกอ่อนค่าต่อเนื่องจากกระแสเงินทุนที่ไหลออก ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 31.58-31.70 บาท/ดอลลาร์
- (-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน มี.ค. ลดลง 1.30 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 64.15 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยนักลงทุนขายสินทรัพย์เสี่ยงรวมถึงน้ำมัน ขณะที่การผลิตน้ำมันในสหรัฐฯยังปรับตัวขึ้น
- ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. ลดลง 0.80 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,336.50 ดอลลาร์/ออนซ์ แต่เริ่มพลิกมาบวกได้เช้านี้โดยนักลงทุนเริ่มหันเข้าถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้นหลังจากเทขายหุ้น
-
ข่าวเด่น