“Defensive Play”
CNS Daily Strategy : คาดตลาด “ย่อ” ต้าน 1810/1815จุด รับ 1773/1763จุด ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวลงแรง กังวลแนวโน้มเงินเฟ้อที่ฟื้นตัวจะทำให้ FED ขึ้นดอกเบี้ยเร็วขึ้น ส่งผลให้ตลาดโลกเป็นภาพ Risk Off กดดันตลาดโลกปรับฐาน แต่อย่างไรก็ดี แนวโน้มในประเทศยังได้แรงหนุนจากมาตรการภาครัฐฯ โดยกระทรวงคมนาคมเตรียมประมูลรถไฟไฮสปีดไทย-จีน เมย.นี้ หนุนเศรษฐกิจภายในยังบวก กลยุทธ์วันนี้ กรณี SET ย่อต่ำกว่า 1770จุด ให้เพิ่มน้ำหนักหุ้นขึ้น 5% และกรณีต่ำกว่า 1740จุด ให้เพิ่มน้ำหนักหุ้นขึ้นอีก 5% วันนี้เน้น Theme “Defensive Play” : ADVANC, BH
Nomura : Key Factors
- (-) US: ตลาดหุ้นสหรัฐฯ (-4.6%) เนื่องจากนักลงทุนกังวลต่อแนวโน้มเงินเฟ้อสหรัฐฯที่ฟื้นตัว ซึ่งอาจส่งผลให้ FED ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาดได้
- (-) Ex Factor: VIX ปรับตัวขึ้นกว่า 115.6% ขณะที่ทองคำปรับตัวขึ้นและค่าเงินเยนแข็งค่า
- (-) OIL: ราคาน้ำมันดิบวานนี้ WTI -1.99% สู่ $64.15/bbl / BRT -1.40% สู่ $67.62/bbl
- (-) Fund Flow:ล่าสุดขายหุ้น-5,136ลบ.,Short Future-16,205สัญญา,ขายBond-1,368ลบ.
- (+) TH: กระทรวงคมนาคมเตรียมประมูลรถไฟไฮสปีดไทย-จีนตอนที่ 2 ในเดือนเม.ย.นี้
- (+) TH: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนม.ค.เติบโตสู่ 80.0 จุด สูงสุดในรอบ 36 เดือน
Nomura Daily Top Picks: ADVANC, BH
Equity Daily Outlook : คาดดัชนีวันนี้ “ย่อ” แนวต้าน 1810/1815จุด รับ 1773/1763จุด ตลาดสินทรัพย์เสี่ยงโลกได้รับ Sentiment เชิงลบจากการปรับตัวลงแรงของตลาดหุ้นสหรัฐฯ (-4.6%) เนื่องจากนักลงทุนกังวลต่อแนวโน้มเงินเฟ้อสหรัฐฯที่ฟื้นตัว ซึ่งอาจส่งผลให้ FED ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาดได้ ซึ่งความเสี่ยงดังกล่าว หนุนให้ VIX ปรับตัวขึ้นกว่า 115.6% ทำให้เม็ดเงินลงทุนไหลกลับเข้าสู่สินทรัพย์ปลอดภัย สะท้อนจากราคาทองคำปรับตัวขึ้นและค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้นเด่น ซึ่งภาวะ Risk off ของตลาดโลกนี้ เป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้นไทยปรับฐาน แต่อย่างไรก็ดี ในประเทศยังคงได้แรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐฯ โดยกระทรวงคมนาคมเตรียมประมูลรถไฟไฮสปีดไทย-จีนตอนที่ 2 ในเดือนเมย.นี้ และจะดันเปิดประมูลให้ครบ 13 สัญญาภายในปีนี้ เพิ่มแรงเก็งกำไรในกลุ่มรับเหมา และกลุ่มอิงการลงทุนต่อเนื่อง ซึ่งมาตรการภาครัฐฯคาดจะกระตุ้นเศรษฐกิจไทยเติบโตได้ดี สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมค.เติบโตสู่ 80.0 จุด สูงสุดในรอบ 36 เดือน ถือเป็นจิตวิทยาบวกที่ช่วยจำกัด downside ตลาด และสะท้อนภาพพื้นฐานตลาดหุ้นไทยยังแข็งแรง
Asset allocation : ถือหุ้น 60% และเงินสด 22.5% ทองคำ 12.5% ตลาดบอนด์ 5%
Daily Strategy : หลังลดน้ำหนักหุ้นไป 2รอบ ยังคงคำแนะนำกระชับพอร์ตถือหุ้น 60% โดยวันนี้ให้ระวังการขายทำกำไรของกลุ่มที่ Outperform อย่างโรงไฟฟ้า SPP กลุ่มโรงกลั่น กลุ่มน้ำมัน กลุ่มนิคมฯ และกลุ่มชินส่วนฯ และหุ้นที่มีสถานะคงค้าง(OI) สูง สะท่อนนักลงทุนเก็งกำไรและใช้ Leverage มาก มีโอกาสปรับฐาน โดยเน้นให้ระวังกลุ่มที่ OI 2แสน- 6หมื่น ได้แก่ WHA, QH, TRUE, BLAND, BANPU, LH, TPIPL, JAS, IRPC, CKP, SIRI เป็นต้น ส่วนจังหวะตลาดปรับฐานวันนี้ กรณี SET ต่ำกว่า 1770จุด ให้เพิ่มน้ำหนักหุ้น(ซื้อ) 5% สู่ 65% และกรณีต่ำกว่า 1740จุด ให้เพิ่มอีก 5% เป็น 70% วันนี้เน้น หุ้น Defensive Play
ครม เตรียมนำรถไฟทางคู่เฟส 2 กว่า 3 แสนลบ เข้าพิจารณา ผสานดร. สมคิด เตรียมเสนอแผนรถไฟเชื่อมต่อเมืองรอง 14 สายใหม่ วงเงิน 5แสนล้านบาท หนุน CK, STEC
Domestic Play : กลุ่ม BANK จะกลับมานำตลาดรับวงจรการลงทุนปี 2018 เน้น KBANK, BBL และกลุ่มรับเหมาฯ คาดกระแสเงินจะเวียนจากกลุ่มนิคมที่ราคาตอบรับล่วงหน้าไปแล้ว มากลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน CK, STEC, TASCO, TOA เด่น
Dividend 2H17 Play หุ้นที่คาดว่าจะจ่ายเงินปันผล 2H17F สูงกว่า 3.0% และ พื้นฐานดี และผลประกอบการมีแนวโน้มเติบโตดี แนะนำซื้อก่อนขึ้น XD 2เดือน มักให้ผลตอบแทนเด่น 5.3-9.6% Dividend Play ได้แก่ KKP(Interim Yield 4.83%), NYT(Interim Yield 4.6%), TISCO(Interim Yield 4.53%), BLAND(Interim Yield 4.57%), PM(Interim Yield 3.46%), SC(Interim Yield 3.41%), IRPC(Interim Yield 3.27%)
FEB 2018 Top picks : CK STEC TOA BH PM NYT
Investment Theme:
1H18F : Domestic - Infrastructure Related Play : STEC, CK, HMPRO, TOA, KBANK, AOT, MONO, PTTEP, IRPC, FN
1) Investment Related : STEC, CK, HMPRO, TOA, KBANK
2) Tourism & Consumer : AOT, MONO, FN
3) Global Play : PTTEP, IRPC
Fundamental & Tactical Daily Top Picks :
ADVANC (TP18F 215*): Support 192/190 Resistant 195.5/198.5
- Theme: Defensive Play
- Earnings Outlook: คาดกำไรสุทธิปี 18F ที่ 36,016 ลบ. โต +20%y-y ตามรายได้,ความสามารถในการทำกำไรที่จะดีขึ้นจากการลงทุนที่ผ่าน Peak ไปแล้ว+ CSL เริ่มจะรับรู้กำไร 1Q18F คาดรายได้และกำไรส่วนเพิ่มปีละ 3,000 ลบ.และ 150 ลบ.
- Valuation: ปัจจุบันซื้อขายที่ PER18F 16x ต่ำกว่ากลุ่มที่ 21.5x +Dividend Yield 4-5%
- Catalyst: รายงานกำไร 4Q17 โตในอัตราเร่งเป็น 7,701 ลบ.ใกล้เคียงคาด +ประกาศจ่ายปันผลงวด 2H17 ในอัตรา 3.57 บาท/หุ้น คิดเป็น yield 2% ซึ่งจะขึ้น xd วันที่ 5 เม.ย.และจ่ายเงิน 26 เม.ย.
BH (TP 225*): Support: 196/192 Resistant: 200/205
- Theme: Laggard Play
- Earnings Outlook: ชื่อเสียงของรพ.ที่จะดึงดูดทั้ง ผู้ป่วยและแพทย์มือดี ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่รักษาความสามารถในการแข่งขันระยะยาว เป็นโอกาสต่อการปรับเพิ่มค่ารักษาต่อเนื่อง และยังมีราคาถูกกว่าการรักษาในต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าจีน ที่เป็นเป้าหมายช่วงจากนี้ โดยประเมินกำไรปีนี้ 2018F เพิ่มขึ้น 7% และระยะสั้นคาดกำไร 4Q17F 870 ลบ. (+6% y-y, -18% q-q)
- Valuation: ราคาหุ้นกลุ่มที่ถูก De-rating PER ลงมาตั้งแต่ต้นปี 2017 มองเป็นจุดที่มี Downside ต่ำ และมี PER 18F เหลือ 35x เทียบจุดที่เคยสูง 40x
- Catalyst: นักท่องเที่ยวต่างชาติยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่องโดย ธ.ค. 2017 สูง 3.5 ล้านคน +15.5% y-y เป็นตัวเลขสูงสุดรอบปี
Note: TP (Bloomberg Consensus) , *TP(CNS), **TP(Nomura)
ข่าวเด่น