“Investment Related Play”
CNS Daily Strategy : คาดตลาด “Sideway สร้างฐาน” ต้าน 1793/1804จุด รับ 1777/1771จุด ประธาน FED สาขาชิคาโกสนับสนุนการขึ้นดอกเบี้ย 3-4 ครั้งในปีนี้ พร้อมมองเงินเฟ้อฟื้นตัวต่อเนื่อง ทำให้ US Bond Yield 10ปี ปรับตัวขึ้นสู่ 2.82% และค่าเงินดอลล่าร์แข็งค่า กดดันราคาน้ำมันดิบปรับฐาน (Brent -2.02% สู่ 65.51เหรียญ/บาร์เรล) กดดันกลุ่มพลังงานถ่วงตลาด แต่ความคืบหน้าในประเทศคาดช่วยจำกัด downside โดยพรบ.EECเข้าบอร์ดขั้นสุดท้ายวันนี้ ถือเป็นการปลดล็อคการลงทุนรอบใหม่ หนุนกลุ่มอิงการลงทุนเด่นต่อเนื่อง ดังนั้น วันนี้เน้น Theme “Investment Related Play” : CK, STEC, TOA
Nomura : Key Factors
- (*) US: ประธาน FED สาชาชิคาโก ให้น้ำหนักที่ FED จะขึ้นดอกเบี้ย 3-4 ครั้งในปีนี้
- (-) US: อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯระยะ 10 ปี ปรับตัวขึ้น 2.3 bps สู่ระดับ 2.82%
- (-) Currency: ค่าเงินดอลล่าร์แข็งค่าสู่ 90.26 จุด เป็นปัจจัยกดดันสินทรัพย์เสี่ยงโลก
- (-) OIL: ราคาน้ำมันดิบวานนี้ WTI -2.52% สู่ $61.79/bbl / BRT -2.02% สู่ $65.51/bbl
- (-) Fund Flow:ล่าสุดขายหุ้น-3,536ลบ.,Short Future-4,153สัญญา,ขายBond-3,350ลบ.
- (+) US: สส.ผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราว ซึ่งจะช่วยให้รัฐบาลมีงบถึง 23 มี.ค.
- (+) TH: วันนี้พรบ. EEC จะพิจารณาวาระสุดท้าย ปลดล้อคการลงทุนรอบใหญ่รอบใหม่
- (+) TH: คมนาคมเตรียมเสนอโครงการรถไฟไทย-ญี่ปุ่น เฟสแรก เข้าครม.ช่วงมี.ค.นี้
Nomura Daily Top Picks: CK, STEC, TOA
Equity Daily Outlook : คาดดัชนีวันนี้ “Sideway” แนวต้าน 1793/1804จุด รับ 1777/1771จุด ประธาน FED สาชาชิคาโก มองอัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯจะเติบโตสู่ระดับเป้าหมายที่ 2% ได้ภายในปี 2019 และให้น้ำหนักที่ FED จะขึ้นดอกเบี้ย 3-4 ครั้งในปีนี้(Consensus คาด 3รอบ) ซึ่งมุมมองที่ค่อนข้าง Bullish ส่งผลให้ตลาดยังคงกังวลว่า FED จะปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด หนุนให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯระยะ 10 ปี ปรับตัวขึ้น 2.3 bps สู่ระดับ 2.82% กระตุ้นค่าเงินดอลล่าร์แข็งค่าสู่ 90.26 จุด เป็นปัจจัยกดดันสินทรัพย์เสี่ยงโลก และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ โดยราคาน้ำมันดิบ WTI -2.52% สู่ 61.79 เหรียญ/บาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent -2.02% สู่ระดับ 65.51 เหรียญ/บาร์เรล ส่งผลให้กลุ่มพลังงานถ่วงดัชนีได้ แต่อย่างไรก็ดี ความเสี่ยงเรื่องเพดานหนี้สหรัฐฯเริ่มผ่อนคลายลง หลังสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราว ซึ่งจะช่วยให้รัฐบาลสหรัฐมีงบประมาณในการดำเนินงานต่อไปได้อีก 6 สัปดาห์ หรือจนถึง 23 มี.ค. โดยวุฒิสภาจะทำการลงมติเป็นลำดับถัดไป คาดช่วยจำกัด downside ตลาดได้ ประกอบกับความคืบหน้าในประเทศ โดยวันนี้พรบ. EEC จะเข้าสู่การพิจารณาวาระสุดท้าย ซึ่งหลังจากผ่านแล้ว จะเป็นการปลดล้อคการลงทุนรอบใหญ่รอบใหม่ ผสานกระทรวงคมนาคมเตรียมเสนอโครงการรถไฟไทย-ญี่ปุ่น เฟสแรก ช่วงกรุงเทพ-พิษณุโลก เข้าครม.ช่วงมีค.นี้ ซึ่งมาตรการภาครัฐฯที่ต่อเนื่องนี้ ถือเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยอย่างมีนัยสำคัญ หนุนกลุ่มอิงการลงทุน Outperform ได้
Asset allocation : ถือหุ้น 65% และเงินสด 17.5% ทองคำ 12.5% ตลาดบอนด์ 5%
Daily Strategy : ถือหุ้น 65% หลังซื้อเพิ่มมา 5% ช่วง SET ปรับฐานในกรอบ 1770-1760จุด ช่วงวันอังคารที่ผ่านมา วันนี้ยังแนะนำเลี่ยงกลุ่มโรงกลั่น กลุ่มน้ำมัน โรงไฟฟ้า SPP กลุ่มชินส่วนฯ และกลุ่มนิคมฯให้ระวัง Sell on Fact รับ EEC เข้าบอร์ดวันนี้ และให้มาซื้อสะสมหุ้นในประเทศ อิงการลงทุนรอบใหม่ปลดล็อค รับ EEC เดินหน้า ผสานกลุ่มปิโตรเคมี และกลุ่ม SET 100 พื้นฐานดีที่ลงแรงกว่าตลาด วันนี้เน้น “Theme Investment Related Play”
EEC เข้าบอร์ดขั้นสุดท้ายพรุ่งนี้ คาดหนุนหุ้นอิงวงจรการลงทุนรอบใหม่ กลุ่ม BANK เน้น KBANK, BBL, TMB และกลุ่มรับเหมาฯ คาดกระแสเงินจะเวียนจากกลุ่มนิคมที่ราคาตอบรับล่วงหน้าแล้ว มากลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน CK, STEC, TASCO, TOA เด่น
Rebound Play : หุ้น SET100 ที่ลงแรงกว่าตลาดตั้งแต่ 24 มค ถึงปัจจุบัน(SET -3%) พื้นฐานดี แนะนำ กลุ่มที่ลดลง 10% คือ GLOBAL, MONO และกลุ่มที่ลดลง 8-6% ได้แก่ LH, IVL, ROBINS, HMPRO, SIRI, SPALI, TASCO, TVO, STEC, CK
ครม เตรียมนำรถไฟทางคู่เฟส 2 กว่า 3 แสนลบ เข้าพิจารณา ผสานดร. สมคิด เตรียมเสนอแผนรถไฟเชื่อมต่อเมืองรอง 14 สายใหม่ วงเงิน 5แสนล้านบาท หนุน CK, STEC
Dividend Play : หุ้นที่คาดว่าจะจ่ายปันผล 2H17F สูงกว่า 3.0% และผลประกอบการมีแนวโน้มเติบโตดี แนะนำซื้อก่อนขึ้น XD 2เดือน มักให้ผลตอบแทนเด่น 5.3-9.6% Dividend Play ได้แก่ KKP(Interim Yield 4.83%), NYT(Interim Yield 4.6%), TISCO(Interim Yield 4.53%), BLAND(Interim Yield 4.57%), PM(Interim Yield 3.46%), SC(Interim Yield 3.41%), IRPC(Interim Yield 3.27%)
FEB 2018 Top picks : CK STEC TOA BH PM NYT
Investment Theme:
1H18F : Domestic - Infrastructure Related Play : STEC, CK, HMPRO, TOA, KBANK, AOT, MONO, PTTEP, IRPC, FN
1) Investment Related : STEC, CK, HMPRO, TOA, KBANK
2) Tourism & Consumer : AOT, MONO, FN
3) Global Play : PTTEP, IRPC
Fundamental & Tactical Daily Top Picks :
CK (TP 40*): Support 25.0/24.7 Resistant 26.5/27.5
- Theme: Infrastructure Spending
- Earnings Outlook: คาดกำไร 4Q17F เติบโต y-y ตามรายได้ก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นจากงานใหม่ในปี 2017 ที่เข้ามาหนุนและแนวโน้ม GPM ที่ดีขึ้น ต่อเนื่องในปี 2018F คาดกำไรสุทธิโตโดดเด่น +70.5%y-y สู่ระดับ 2.48 พันลบ.
- Valuation: ปัจจุบันซื้อขายที่ PBV18F 1.8 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มฯที่ 2.1 เท่า + upside สูงถึง 55% ขณะที่มีแนวโน้มเป็นผู้ ได้รับงานรัฐมากที่สุดในกลุ่ม + มีการกระจายความเสี่ยงที่ดีในหลายธุรกิจ
- Catalyst: ราคาหุ้นปรับตัวลงแรงกว่าตลาดจาก วันที่ 24 ม.ค. (peak ที่ผ่านมา) โดย CK -4.63% vs SET -2.91% + เตรียมยื่นร่างพรบ. EEC เข้าพิจารณาวาระสุดท้ายต่อ สนช.ในวันนี้ หนุน sentiment วงจรการลงทุนรอบใหญ่
STEC (TP 33.5*): Support: 23.0/22.6 Resistant: 24.0/24.5
- Theme: Infrastructure Spending
- Earnings Outlook: คาดกำไรปกติ 4Q17F เติบโตทั้ง y-y และ q-q จากรายได้ก่อสร้างงานภาครัฐส่งมอบมากขึ้น ชดเชยงานเก่า ประกอบกับ คาดกำไรปี 2018F เพิ่มขึ้นจากฐานต่ำในปีนี้ จากเริ่มรับรู้รายได้งานก่อสร้างและอัตรากำไรที่ปรับตัวดีขึ้น หนุนแตะระดับ 1.8 พันลบ. +97% y-y โดย Backlog สูงระดับแสนลบ. เป็นจุดสูงสุดในประวัติการณ์ และ Secured รายได้ 3-4 ปีข้างหน้า
- Valuation: ปัจจุบันซื้อขาย P/BV18F 2.9 เท่า มองเป็นจุดน่าซื้อสะสมรับการลงทุนรอบใหม่ แม้สูงกว่าค่าเฉลี่ยในกลุ่มฯ (2.1 เท่า) แต่ยังเหมาะสมจากการได้งานถึงปัจจุบัน (รวมงานรอลงนามฯ) เป็นไปตามคาดดีที่สุดในกลุ่ม, ความสามารถในการทำกำไรสูง, ฐานะการเงินแข็งแกร่ง, รวมถึงเป็นผู้ได้รับประโยชน์ลำดับต้นๆจากการรับงานลงทุนรอบใหญ่ในช่วงถัดไป
- Catalyst: ราคาหุ้นปรับตัวลงแรงกว่าตลาดจาก วันที่ 24 ม.ค. (peak ที่ผ่านมา) โดย STEC -6.02% vs SET -2.91% + เตรียมยื่นร่างพรบ. EEC เข้าพิจารณาวาระสุดท้ายต่อ สนช.ในวันนี้ หนุน sentiment วงจรการลงทุนรอบใหญ่
TOA (TP 40*): Support: 30.0/29.0 Resistant: 32.5/33.0
- Theme: Investment Related
- Earnings Outlook: เป็นผู้นำอุตสาหกรรมสีในไทยด้วย Market share กว่า 48% และมีการเปิดตลาดต่างประเทศมานาน (CLMV + Indonesia + Malay) จะเติบโตไปตาม การเพิ่มจำนวนร้านค้าและเพิ่มสินค้า High margin โดยคาดกำไร 2018F จะกลับมาโตแรง 34% จากการปรับราคาครั้งแรกรอบ 3 ปี ราว 4% และจากการเพิ่มกำลังการผลิต 16% ใน 2H18F (อินโดนีเซีย, กัมพูชา, ลาว) โดยระยะสั้นคาดกำไร 4Q17F 464 ลบ. (+32% q-q, -12% y-y) ซึ่งเห็นการฟื้นตัวของรายได้ y-y ครั้งแรกในรอบปี
- Valuation: เป็นอุตสาหกรรมที่ดี Margin สูง, ลงทุนต่ำ, ROE สูง 24% จึงมี Premium กว่ากลุ่มวัสดุก่อสร้างทั่วไป โดยมี 18F PER 27.4x แต่ยังต่ำกว่าผู้ประกอบการในต่างประเทศเล็กน้อย ที่ซื้อขายเฉลี่ยสูง 31.5x
- Catalyst: ประโยชน์เงินบาทแข็งค่า (เป็น Net import $ 3% ของต้นทุนผลิต) + ประกาศปรับราคาสินค้าตั้งแต่ม.ค. - ก.พ. + ตลาดต่างประเทศมีขนาดใหญ่กว่าไทยถึง 3 เท่าตัวรายได้ ช่วยผลักดัน Growth ต่อผลประกอบการในระยะกลาง-ยาวสูง
Note: TP (Bloomberg Consensus) , *TP(CNS), **TP(Nomura)
ข่าวเด่น