|
|
|
|
|
|
ปรับฐานในตลาดขาขึ้น ระวังแรงทำกำไรหุ้นใหญ่ เก็งกำไรหุ้นได้ประโยชน์น้ำมันลง
หุ้นสหรัฐฯ ยังคงปรับลดลงแรงราว 4% ซึ่งการปรับฐานจากราคาที่เคลื่อนไหวเร็วกว่าผลกำไรจน Earnings Yield ลดต่ำลงมากๆ จะทำให้หุ้นสหรัฐฯ มีความอ่อนไหวค่อนข้างมากต่อการเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond yield) ซึ่งปรับขึ้นสูงสุดในรอบ 4 ปี จากการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯที่แข็งแกร่งหนุนคาดการณ์เงินเฟ้อปรับเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ดัชนีความผันผวน (VIX Index) ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องกดดันต่อสินทรัพย์เสี่ยงอื่น ประกอบกับการแข็งค่าของเงินเหรียญสหรัฐฯ ที่กดดันราคาสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น ทองคำ น้ำมันดิบ ส่งผลให้หุ้นกลุ่มพลังงานยังเสี่ยงต่อแรงขายทำกำไร หุ้นตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) รวมถึงไทย ยังคงเผชิญความเสี่ยงจากเงินทุนระยะสั้นไหลออก จากการอ่อนตัวของค่าเงินในภูมิภาค
Investment Theme หุ้นไทยยังอยู่ในช่วงของการปรับฐาน โดยมี downside ในระดับ 1760 และ 1730 จุด ทั้งนี้ราคาโภคภัณฑ์และการแข็งค่าของเงินสหรัฐฯ คาดจะสร้างแรงกดดันต่อเนื่องในหุ้นใหญ่ที่ปรับขึ้นมามาก ขณะที่หุ้นกลาง-เล็กที่ Underperform ในช่วงที่ผ่านมา และมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว รวมถึงหุ้นใหญ่ที่เน้นบริโภคในประเทศ อาทิ ธนาคาร สื่อสาร หรือมีการถือครองน้อย (Under-owned) อย่างการแพทย์ มีตวามเสี่ยงต่ำกว่า// อิเล็กทรอนิกส์ คาดเป็นเพียง technical rebound จากบาทอ่อน แต่มีแนวโน้มถูกปรับประมาณการกำไรลง//ปิโตรเคมี ระวัง PET spread ลดลง 20.4% WoW อาจทำให้มีแรงทำกำไร IVL //หุ้นที่ได้ประโยชน์จากบอนด์ยีลที่ปรับขึ้น TIP*, THREL* // หุ้นพื้นฐานดีที่ Underperform & Under-owned ในช่วงที่ผ่านมา BDMS BCH THG*//ทยอยสะสมหุ้นกลุ่มเดินเรือที่คาดได้รับปัจจัยบวกจากค่าระวางเรือ (BDI) ขาขึ้นช่วงเดือน ก.พ.-มี.ค. ได้แก่ PSL TTA // ***เก็งกำไรหุ้นได้ประโยชน์จากน้ำมันลดลง WICE*, ATP30*, PSL*, TTA*, AAV* (ตัดขาดทุน 3-5%1)
ภาพรวมกลยุทธ์: ปรับฐานในตลาดขาขึ้น และเรามองเป็นโอกาสหาจังหวะซื้อ แนะนำเตรียมเงินสดราว 25-30% เพื่อเลือกซื้อในจังหวะปรับฐาน เน้นกลุ่มที่ราคายังขึ้นน้อย (underperform) หรือมีการถือครองน้อย (under-owned) ในช่วง 6-12 เดือนที่ผ่านมา อาทิ การแพทย์ อสังหาริมทรัพย์ สื่อสาร หรือเข้าสู่ฤดูผลประกอบการสูง อาทิ ท่องเที่ยว ได้แก่ BDMS, BH, BCH, THG*, VIH*, LH, QH, SC*, ADVANC, INTUCH, ERW, MINT นักลงทุนควรเพิ่มความระมัดระวังและกำหนดจุดตัดขาดทุนทุกครั้ง รวมถึงตั้งจุดขายล็อคกำไร (trailing stop) ในหุ้นที่ถือครอง // หุ้นแนะนำ MAJOR, BDMS, PSL*, ATP30*
แนวรับ 1760 และ 1730/ แนวต้าน : 1790 จุด สัดส่วน : เงินสด 40% : พอร์ตหุ้น 60%
ประเด็นการลงทุน
BOE คงอัตราดอกเบี้ย พร้อมส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด - ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.50% ในการประชุมวานนี้ พร้อมส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วและถี่กว่าที่คาด หากเศรษฐกิจปรับตัวสอดคล้องกับการคาดการณ์ของ BoE
ยอดนำเข้าจีนเพิ่มขึ้นสูงกว่าคาด – ยอดส่งออกเดือน ม.ค. ขยายตัว 6% yoy ขณะที่นำเข้าขยายตัว 30.2% yoy สะท้อนอุปสงค์ภายในจีนที่เติบโต
จำนวนผู้ขอสวัสดิการว่างงานสหรัฐฯ ต่ำสุดในรอบ 45 ปี - กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 9,000 ราย สู่ระดับ 221,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 45 ปี สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 232,000 ราย
EEC - สนช. มีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.EEC เมื่อคืนนี้ พร้อมปรับแก้อำนาจ สนง.EEC เกี่ยวกับการได้มาซึ่งที่ดินหรืออสังหาฯ ในมาตรา 34 โดยตัดเรื่องการถมทะเลออก ขณะที่อำนาจคณะกรรมการมีอำนาจอนุมัติ อนุญาตให้สิทธิสัมปทาน โดยไม่ต้องผ่านความเห็นชอบบวกต่อ AMATA, ATP30*. STEC
ประเด็นติดตาม: 09 ก.พ. CN – อัตราเงินเฟ้อ เดือน ม.ค., 14 ก.พ. TH – ประชุมนโยบายการเงิน (กนง.)
(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ) |
บันทึกโดย : Adminวันที่ :
09 ก.พ. 2561 เวลา : 10:38:24
|
|
|
|
|
ข่าวเด่น