ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
บล.โนมูระ พัฒนสิน : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน คาดตลาด 'Rebound' ต้าน 1797/1804จุด(12/02/61)


 “Investment Related Play” 

CNS Daily Strategy : คาดตลาด “Rebound” ต้าน 1797/1804จุด รับ 1777/1773จุด ราคาน้ำมันดิบ Brent ลงแรงกว่า -3.12% หลังจำนวนแท่นขุดเจาะเพิ่มขึ้น26แท่นทำจุดสูงสุดรอบเกือบ3ปี กดดันกลุ่มพลังงานถ่วงตลาด แต่ US Bond Yield 10ปี ที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง 2.86% ตอบรับรับโอกาสการขึ้นดอกเบี้ย 4 ครั้งไปราว 70% แล้ว ตลาดสหรัฐฯ อยู่ในช่วงท้ายของการปรับฐาน ขณะที่เศรษฐกิจโลกโดยรวมยังขยายตัว ผสานล่าสุดค่าเงินดอลล่าร์เริ่มพักฐาน กระตุ้นค่าเงินบาทแข็งค่า น่าจะทำให้สินทรัพย์เสี่ยงเอเซีย และไทยค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้นมา ผสานไทย-จีน บรรลุข้อตกลงสร้างรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพ-หนองคาย หนุนวงจรการลงทุนรอบใหม่ ดังนั้น  วันนี้เน้น Theme “Investment Related Play” : CK, STEC, TOA

Nomura : Key Factors

  • (-) OIL: ราคาน้ำมันดิบวานนี้ WTI -3.19% สู่ $59.20/bbl / BRT -3.12% สู่ $62.79/bbl
  • (-) OIL: จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันที่เพิ่มขึ้นกว่า 26 แท่น สู่ 791 แท่น สูงสุดในรอบเกือบ 3 ปี
  • (-) Fund Flow:ล่าสุดขายหุ้น-7,197ลบ,Short Future-1,671สัญญา,ขายBond-7,328ลบ.
  • (*) US: US Bond Yield 10ปี ปรับตัวขึ้น +2.7bps สู่ระดับ 2.85%
  • (*) US: แต่ณ ระดับปัจจุบัน US Bond Yield 10ปี ตอบรับโอกาสขึ้นดอก4ครั้งไปเกิน 70%
  • (+) TH: ไทย-จีน บรรลุข้อตกลงในการดำเนินโครงการรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพ-หนองคาย
  • (+) TH: คลังอนุมัติเพิ่มจุด Tax Refund ในห้าง+ปั้นภูเก็ตและพัทยาเป็นเมือง Duty Free

Nomura Daily Top Picks: CK, STEC, TOA

Equity Daily Outlook : คาดดัชนีวันนี้ “Rebound” แนวต้าน 1797/1804จุด รับ 1777/1773จุด ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับตัวลงแรงกว่า -3.12% สู่ระดับ 62.79เหรียญ/บาร์เรล ตอบรับจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันที่เพิ่มขึ้นกว่า 26 แท่น สู่ 791 แท่น สูงสุดในรอบเกือบ 3 ปี กดดันกลุ่มพลังงานถ่วงตลาด ประกอบกับตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯเติบโตต่อเนื่อง โดยความเชื่อมั่นผู้บริโภคของ U. of Mich ปรับตัวขึ้นสู่ 95.7 จุด มากกว่าคาดที่ 95.0 จุด ผสานกับ Factory Orders เดือนธค. เพิ่มขึ้น 1.7% มากกว่าคาดที่ 1.5% หนุนให้ US Bond Yield 10ปี ปรับตัวขึ้น +2.7bps สู่ระดับ 2.85% แต่อย่างไรก็ดี การศึกษาความสัมพันธ์ของ US Bond Yield 10ปี และ อัตราดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯ กรณีกลับไปที่ 2.0%-2.25% และ 2.25%-2.5% สะท้อนว่า US Bond Yield 10ปี ควรกลับไปที่ 3-3.25% ดังนั้นที่ US Bond Yield ปัจจุบันซึมซัยความเสี่ยงไปเกิน 70% แล้ว หนุนให้ทิศทางค่าเงินดอลล่าร์เริ่มพักฐานที่ระดับ 90.30 จุด ขณะที่ค่าเงินเอเชีย และค่าเงินบาทมีสัญญาณแข็งค่าขึ้น คาดเพิ่ม Sentiment บวกต่อการลงทุนในไทย นอกจากนี้ ไทย-จีน บรรลุข้อตกลงในการดำเนินโครงการรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพ-หนองคาย แล้ว เพิ่มแรงเก็งกำไรในกลุ่มรับเหมาได้ต่อเนื่อง ประกอบกับกระทรวงการคลังอนุมัติเพิ่มจุดบริการ Tax Refund ในศูนย์กลางค้ากลางเมือง รวมถึงเสนอแผนปั้นภูเก็ตและพัทยาเป็นเมือง Duty Free คาดจะกระตุ้นเม็ดเงินจากนักท่องเที่ยงเพิ่มเติมได้ หนุนเศรษฐกิจไทยเติบโตต่อเนื่อง

Asset allocation : ถือหุ้น 65% และเงินสด 17.5% ทองคำ 12.5% ตลาดบอนด์ 5%

Daily Strategy :  ถือหุ้น 65% และให้ซื้อเพิ่มอีก 5% หากเกิดกรณี SET ลงมาต่ำกว่า 1740จุด+/- วันนี้ยังแนะนำเลี่ยงกลุ่มโรงกลั่น กลุ่มน้ำมัน โรงไฟฟ้า SPP กลุ่มชินส่วนฯ และกลุ่มนิคมฯให้ระวัง Sell on Fact หลังสนช.ผ่านร่างพรบ. EEC ไปแล้ว และให้มาซื้อสะสมหุ้นในประเทศ อิงการลงทุนรอบใหม่ปลดล็อค ผสานกลุ่มปิโตรเคมี วันนี้เน้น “Theme Investment Play”

    EEC ผ่านบอร์ด สนช. แล้ว คาดหนุนหุ้นอิงวงจรการลงทุนรอบใหม่ กลุ่ม BANK เน้น KBANK, BBL, TMB และกลุ่มรับเหมาฯ  คาดกระแสเงินจะเวียนจากกลุ่มนิคมที่ราคาตอบรับล่วงหน้าแล้ว มากลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน ผสานรัฐบาลไทยจะประกาศ TOR โครงการรถไฟความเร็วสูงภายในเดือนมีนาคมนี้ และจะเปิดประมูลในอีก 2-3 เดือน หนุน CK, STEC, TASCO, TOA เด่น
    ค้าปลีก-ห้างสรรพสินค้าตีปีก กระทรวงการคลัง ไฟเขียวเพิ่มจุดบริการ tax refund ช่วงเทศกาลสงกรานต์เดือน เม.ย.นี้ นำร่องในศูนย์การค้ากลางเมือง 5 แห่ง “พารากอน-เซ็นทรัลเวิลด์-เกษร-เอ็มบาสซี-เอ็มควอเทียร์ หนุน PM, TKN, BEAUTY
    ครม เตรียมนำรถไฟทางคู่เฟส 2 กว่า 3 แสนลบ เข้าพิจารณา ผสานดร. สมคิด เตรียมเสนอแผนรถไฟเชื่อมต่อเมืองรอง 14 สายใหม่ วงเงิน 5แสนล้านบาท หนุน CK, STEC
    Dividend Play : หุ้นที่คาดว่าจะจ่ายปันผล 2H17F สูงกว่า 3.0%   และผลประกอบการมีแนวโน้มเติบโตดี แนะนำซื้อก่อนขึ้น XD 2เดือน มักให้ผลตอบแทนเด่น 5.3-9.6% Dividend Play ได้แก่ KKP(Interim Yield 4.83%), NYT(Interim Yield 4.6%), TISCO(Interim Yield 4.53%), BLAND(Interim Yield 4.57%), PM(Interim Yield 3.46%), SC(Interim Yield 3.41%), IRPC(Interim Yield 3.27%), SNC(Interim Yield 3.5%)
    FEB 2018 Top picks  : CK STEC TOA BH PM NYT

Investment Theme:

1H18F :  Domestic - Infrastructure Related Play :  STEC, CK, HMPRO, TOA, KBANK, AOT, MONO, PTTEP, IRPC, FN
1) Investment Related :  STEC, CK, HMPRO, TOA, KBANK
2) Tourism & Consumer :  AOT, MONO, FN
3) Global Play :  PTTEP, IRPC

Fundamental & Tactical Daily Top Picks :

CK (TP 40*):   Support: 25.0/24.0 Resistant: 26.25/27.0

  • Theme:  Infrastructure Spending
  • Earnings Outlook: คาดกำไร 4Q17F เติบโต y-y ตามรายได้ก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นจากงานใหม่ในปี 2017 ที่เข้ามาหนุนและแนวโน้ม GPM ที่ดีขึ้น ต่อเนื่องในปี 2018F คาดกำไรสุทธิโตโดดเด่น +70.5%y-y สู่ระดับ 2.48 พันลบ.
  • Valuation: ปัจจุบันซื้อขายที่ PBV18F 1.8 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มฯที่ 2.1 เท่า  + upside สูงถึง 55% ขณะที่มีแนวโน้มเป็นผู้ ได้รับงานรัฐมากที่สุดในกลุ่ม + มีการกระจายความเสี่ยงที่ดีในหลายธุรกิจ
  • Catalyst: ราคาหุ้นปรับตัวลงแรงกว่าตลาดจาก วันที่ 24 ม.ค. (peak ที่ผ่านมา) โดย CK -4.63% vs SET -2.86% +เป็นหนึ่งในผู้รับเหมาฯที่ได้ประโยชน์สูงจากการเปิดประมูลงานรัฐใน 2018-19F ที่คาดมีมูลค่ารวมกว่า 1 ล้านล้านบาท (Vs. 2016-17F ที่ราว 3.6 แสนล้านบาท) โดยคาดบริษัทมีแนวโน้มเป็นผู้ได้รับงานรัฐมากที่สุดในกลุ่ม

STEC (TP 33.5*):   Support: 23.4/23.0 Resistant: 24.5/25.0

  • Theme: Infrastructure Spending
  • Earnings Outlook: คาดกำไรปกติ 4Q17F เติบโตทั้ง y-y และ q-q จากรายได้ก่อสร้างงานภาครัฐส่งมอบมากขึ้น ชดเชยงานเก่า ประกอบกับ คาดกำไรปี 2018F เพิ่มขึ้นจากฐานต่ำในปีนี้ จากเริ่มรับรู้รายได้งานก่อสร้างและอัตรากำไรที่ปรับตัวดีขึ้น หนุนแตะระดับ 1.8 พันลบ. +97% y-y โดย Backlog สูงระดับแสนลบ. เป็นจุดสูงสุดในประวัติการณ์ และ Secured รายได้ 3-4 ปีข้างหน้า
  • Valuation: ปัจจุบันซื้อขาย P/BV18F 2.9 เท่า มองเป็นจุดน่าซื้อสะสมรับการลงทุนรอบใหม่ แม้สูงกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่ม (2.1 เท่า) แต่ยังเหมาะสมจากการได้งานถึงปัจจุบัน (รวมงานรอลงนามฯ) เป็นไปตามคาดดีสุดในกลุ่ม, ความสามารถในการทำกำไรสูง, ฐานะการเงินแข็งแกร่ง, รวมถึงเป็นผู้ได้รับประโยชน์ต้นๆจากการรับงานลงทุนรอบใหญ่ในช่วงถัดไป
  • Catalyst: ราคาหุ้นปรับตัวลงแรงกว่าตลาดจาก วันที่ 24 ม.ค. (peak ที่ผ่านมา) โดย STEC -4.02% vs SET -2.86% + เป็นหนึ่งในผู้รับเหมาฯที่ได้ประโยชน์สูงจากการเปิดประมูลงานรัฐใน 2018-19F ที่คาดมีมูลค่ารวมกว่า 1 ล้านล้านบาท (Vs. 2016-17F ที่ราว 3.6 แสนล้านบาท)+ มี Hidden assets จากถือหุ้น GULF 40 ล้านหุ้น ผลตอบแทนรวม 970 ลบ.

TOA (TP 40*):   Support: 32.5/31.75 Resistant: 34.5/35.0

  • Theme: Investment Related
  • Earnings Outlook: เป็นผู้นำอุตสาหกรรมสีในไทยด้วย Market share กว่า 48% และมีการเปิดตลาดต่างประเทศมานาน (CLMV + Indonesia + Malay) จะเติบโตไปตาม การเพิ่มจำนวนร้านค้าและเพิ่มสินค้า High margin โดยคาดกำไร 2018F จะกลับมาโตแรง 34% จากการปรับราคาครั้งแรกรอบ 3 ปี ราว 4% และจากการเพิ่มกำลังการผลิต 16% ใน 2H18F (อินโดนีเซีย, กัมพูชา, ลาว) โดยระยะสั้นคาดกำไร 4Q17F 464 ลบ. (+32% q-q, -12% y-y) ซึ่งเห็นการฟื้นตัวของรายได้ y-y ครั้งแรกในรอบปี
  • Valuation: เป็นอุตสาหกรรมที่ดี Margin สูง, ลงทุนต่ำ, ROE สูง 24% จึงมี Premium กว่ากลุ่มวัสดุก่อสร้างทั่วไป โดยมี 18F PER 29.2x แต่ยังต่ำกว่าผู้ประกอบการในต่างประเทศเล็กน้อย ที่ซื้อขายเฉลี่ยสูง 31.5x
  • Catalyst: ประโยชน์เงินบาทแข็งค่า (เป็น Net import $ 3% ของต้นทุนผลิต) + ประกาศปรับราคาสินค้าตั้งแต่ม.ค. - ก.พ. + ตลาดต่างประเทศมีขนาดใหญ่กว่าไทยถึง 3 เท่าตัวรายได้ ช่วยผลักดัน Growth ต่อผลประกอบการในระยะกลาง-ยาวสูง

Note: TP (Bloomberg Consensus) , *TP(CNS), **TP(Nomura)


บันทึกโดย : วันที่ : 12 ก.พ. 2561 เวลา : 10:49:05

22-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 22, 2024, 2:16 am