“Laggard Play”
CNS Daily Strategy : คาดตลาด “Sideway Up” ต้าน 1806/1813จุด รับ 1792/1786จุด นายเจอโรม พาวเวล ประธาน FED แถลงย้ำ FED จะขึนดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป กดดันค่าเงินดอลล่าร์อ่อนค่าลงสู่ 89.7 จุด กระตุ้นค่าเงินเอเชียแข็ง และสินทรัพย์เสี่ยงฟื้นตัว ประกอบกับแรงหนุนในประเทศ ล่าสุด บอร์ด EEC สั่งศึกษาโครงการไฮสปีด ระยอง-จันทบุรี-ตราด เพิ่มเติม หนุนกลุ่มอิงการลงทุนต่อเนื่อง ส่วนปัจจัยที่น่าติดตาม 1)การประชุมกนง. คาดคงดอกเบี้ย 2) CPI สหรัฐฯเดือนมค. คาดที่ 1.9% โตลดลงจาดเดือนก่อน สำหรับวันนี้เน้น Theme “Laggard Play” : BH, SNC, IVL
Nomura : Key Factors
- (+) US: ประธาน FED แถลงย้ำว่า FED จะปรับขึนอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป
- (+) Currency: ค่าเงินดอลล่าร์อ่อนค่าแรงสู่ระดับ 89.7 จุด กระตุ้นค่าเงินเอเชียแข็งค่าเด่น
- (+) TH: EEC เห็นชอบให้ศึกษาโครงการรถไฟความเร็วสูง ระยอง-จันทบุรี-ตราด
- (+) TH: EPS ตลาดปี 2018 และ 2019 ขึ้นต่อเนื่องสู่ระดับ 110.54 และ 121.76 บาท/หุ้น
- (*) OIL: ราคาน้ำมันดิบวานนี้ WTI -0.17% สู่ $59.19/bbl / BRT +0.21% สู่ $62.72/bbl
- (*) Fund Flow:ล่าสุดขายหุ้น-2,471ลบ,Long Future+9,578สัญญา,ซื้อBond+7,912ลบ.
Nomura Daily Top Picks: BH, SNC, IVL
Equity Daily Outlook : คาดดัชนีวันนี้ “Sideway Up” แนวต้าน 1806/1813จุด รับ 1792/1786จุด นายเจอโรม พาวเวล ประธาน FED แถลงย้ำว่า FED จะปรับขึนอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป พร้อมกับจับตาความเสี่ยงที่อาจจะกระทบต่อเสถียรภาพของตลาดเงิน ส่งผลให้ค่าเงินดอลล่าร์อ่อนค่าแรงสู่ระดับ 89.7 จุด กระตุ้นค่าเงินเอเชียแข็งค่าเด่น โดยค่าเงินบาทเช้านี้แข็งค่าสู่ 31.44 บาท/เหรียญ เพิ่ม Sentiment บวกต่อตลาดสินทรัพย์เสี่ยงไทย ส่วนปัจจัยในประเทศ ผู้ว่าการรถไฟกล่าวว่า ที่ประชุม EEC เห็นชอบให้ศึกษาโครงการพัฒนารถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 ท่าอากาศยาน ระยอง-จันทบุรี-ตราด ซึ่งความคืบหน้าโครงการลงทุนจากภาครัฐฯต่างๆ เพิ่มแรงเก็งกำไรในกลุ่มอิงการลงทุนต่อเนื่อง โดยแนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่แสดงสัญญาณการฟื้นตัวเด่น หนุนนักวิเคราะห์ปรับคาดการณ์ EPS ตลาดปี 2018 และ 2019 ขึ้นอย่างต่อเนื่องสู่ระดับ 110.54 และ 121.76 บาท/หุ้น ตามลำดับ เพิ่มความน่าสนใจในการลงทุนในไทย ส่วนปัจจัยอื่นๆที่น่าติดตามวันนี้ คือ 1)การประชุมกนง. Nomura คาดคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับเดิม 2) ตัวเลข CPI สหรัฐฯ เดือนมค. Consensus คาดที่ 1.9% เติบโตลดลงจากเดือนก่อนที่ 2.1%
Asset allocation : ถือหุ้น 65% และเงินสด 17.5% ทองคำ 12.5% ตลาดบอนด์ 5%
Daily Strategy : วันนี้ยังแนะนำเลี่ยงกลุ่มโรงกลั่น(SPRC รายงานงบต่ำกว่าตลาดคาด เป็นสัญญาณลบต่อกลุ่มฯ) กลุ่มน้ำมัน(ราคาน้ำมันยังปรับฐานกดดัน) โรงไฟฟ้า SPP(Valuation ตึงตัว) กลุ่มชินส่วนฯ(ค่าเงินบาทแข็งค่ากดดัน) และกลุ่มนิคมฯ(ระวัง Sell on Fact หลังสนช.ผ่านร่างพรบ. EEC ไปแล้ว) และให้มาซื้อสะสมหุ้นในประเทศ อิงการลงทุนรอบใหม่ปลดล็อค ผสานกลุ่มปิโตรเคมี วันนี้เน้น “Theme MSCI Add Weight Play”
MSCI Add Weight : MINT(เพิ่ม 0.106%ของ MSCI Thailand), IVL(เพิ่ม 0.04%) แต่ลดน้ำหนัก TMB(ลด -0.15%) แนะนำซื้อเก็งกำไร MINT & IVL
EEC ผ่านบอร์ด สนช. แล้ว คาดหนุนหุ้นอิงวงจรการลงทุนรอบใหม่ กลุ่ม BANK เน้น KBANK, BBL และกลุ่มรับเหมาฯ คาดกระแสเงินจะเวียนจากกลุ่มนิคมที่ราคาตอบรับล่วงหน้าแล้ว มากลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน หนุน CK, STEC, TASCO, TOA เด่น
ค้าปลีก-ห้างสรรพสินค้าบวก รับกระทรวงการคลัง ไฟเขียวเพิ่มจุดบริการ tax refund ช่วงเทศกาลสงกรานต์เดือน เม.ย.นี้ นำร่องในศูนย์การค้ากลางเมือง 5 แห่ง “พารากอน-เซ็นทรัลเวิลด์-เกษร-เอ็มบาสซี-เอ็มควอเทียร์ หนุน PM, TKN, BEAUTY
ครม เตรียมนำรถไฟทางคู่เฟส 2 กว่า 3 แสนลบ เข้าพิจารณา ผสานดร. สมคิด เตรียมเสนอแผนรถไฟเชื่อมต่อเมืองรอง 14 สายใหม่ วงเงิน 5แสนล้านบาท หนุน CK, STEC
Dividend Play : หุ้นที่คาดว่าจะจ่ายปันผล 2H17F สูงกว่า 3.0% และผลประกอบการมีแนวโน้มเติบโตดี แนะนำซื้อก่อนขึ้น XD 2เดือน มักให้ผลตอบแทนเด่น 5.3-9.6% Dividend Play ได้แก่ KKP(Interim Yield 4.83%), NYT(Interim Yield 4.6%), TISCO(Interim Yield 4.53%), BLAND(Interim Yield 4.57%), PM(Interim Yield 3.46%), SC(Interim Yield 3.41%), IRPC(Interim Yield 3.27%), SNC(Interim Yield 3.5%)
FEB 2018 Top picks : CK STEC TOA BH PM NYT
Investment Theme:
1H18F : Domestic - Infrastructure Related Play : STEC, CK, HMPRO, TOA, KBANK, AOT, MONO, PTTEP, IRPC, FN
1) Investment Related : STEC, CK, HMPRO, TOA, KBANK
2) Tourism & Consumer : AOT, MONO, FN
3) Global Play : PTTEP, IRPC
Fundamental & Tactical Daily Top Picks :
BH (TP 225*): Support: 196.5/194.5 Resistant: 201/204
- Theme: Laggard Play
- Earnings Outlook: ชื่อเสียงของรพ.ที่จะดึงดูดทั้ง ผู้ป่วยและแพทย์มือดี ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่รักษาความสามารถในการแข่งขันระยะยาว เป็นโอกาสต่อการปรับเพิ่มค่ารักษาต่อเนื่อง และยังมีราคาถูกกว่าการรักษาในต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าจีน ที่เป็นเป้าหมายช่วงจากนี้ โดยประเมินกำไรปีนี้ 2018F เพิ่มขึ้น 7% และระยะสั้นคาดกำไร 4Q17F 870 ลบ. (+6% y-y, -18% q-q)
- Valuation: ราคาหุ้น Laggard โดยตั้งแต่ 31ม.ค. ราคา BDMS ปรับตัวขึ้น +3.2% ในขณะที่ BH +1.5% นอกจากนี้ราคาหุ้นกลุ่มที่ถูก De-rating PER ลงมาตั้งแต่ต้นปี 2017 มองเป็นจุดที่มี Downside ต่ำ และมี PER 18F เหลือ 35x เทียบจุดที่เคยสูง 40x
- Catalyst: นักท่องเที่ยวต่างชาติยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่องโดย ธ.ค. 2017 สูง 3.5 ล้านคน +15.5% y-y เป็นตัวเลขสูงสุดรอบปี
SNC (TP 20.6*): Support: 14.3/14.0 Resistant: 15.0/15.4
- Theme: Laggard Play
- Earnings Outlook: ถึงรอบธุรกิจเริ่มเติบโตและเริ่มเห็นผลหลังการปรับปรุงโครงสร้าง (ย้ายโรงงานมารวมศูนย์ตั้งแต่ปลาย 2016 + ลดผลขาดทุนจากธุรกิจอื่น หันมาเน้นธุรกิจหลัก) ประเมินกำไร 2018F +10% จากสมมติฐาน Conservative รายได้ทรงตัว แต่ Margin ดีขึ้น จากการลดต้นทุนเข้มข้นและลดขาดทุนธุรกิจอื่น โดยกำไร 1Q18F จะเป็น Peak ของปี และเพิ่ม y-y ด้วยอัตราสูงสุดในรอบปี จากช่วงฤดูกาลหน้าร้อน ซึ่งปีนี้ผู้ผลิตแอร์ตั้งเป้าจะทำตลาดเข้มข้น หลังปีก่อนรับผลจากฝนตกบ่อย
- Valuation: เป็น Timing ที่ดีอีกครั้ง หลังราคา Sideway แคบๆนานกว่า 9 เดือน จากแนวโน้มกำไรที่ดีขึ้น และราคามี Downside จำกัด ทั้งจากประมาณการ Consensus + Valuation ดึงดูดทั้งมิติ PER 9.8x, P/CFO 5.4x, Div yield 6.6%, ROE 15%, Net cash
- Catalyst: รับปันผล 2H17 ที่ 0.5 บาท/หุ้น (Yield 3.4%)(XD 20 ก.พ.) + Consensus มีโอกาสปรับประมาณการขึ้นครั้งแรกในรอบ 2 ปี + กำลังจะเข้าสู่ช่วง Summer + พรุ่งนี้มี SNC Oppday
IVL (TP 66*): Support: 52.25/51.5 Resistant: 54.0/55.0
- Theme: Earnings Play
- Earnings Outlook: แนวโน้มกำไร 4Q17F ต่อเนื่องถึง 2018F (+33% y-y) ยังเป็นจุดที่ดีมาก ปัจจัยผลักดัน นอกเหนือจากที่คล้ายๆปี 2017 คือ ด้านของปริมาณผลิตและอัตรากำไรที่ดีจากการขยายธุรกิจไปกลุ่ม HVA เพิ่มขึ้นแล้ว ยังมีปัจจัยเสริมด้าน Spread ที่ดีขึ้นของ PTA-PET จากทั้ง Demand ยังดีตามเศรษฐกิจโลกฟื้น บวกกับ Supply ขาดแคลนจากผู้เล่นรายใหญ่ M&G, JBF ประสบปัญหาการเงิน โดย 4Q17F คาดกำไร 4.5 พันลบ. (+51% y-y, +27% q-q) จากปริมาณขายทรงตัวสูง และสเปรด PET + PTA เพิ่มขึ้น
- Valuation: แนวโน้มกำไรดีต่อเนื่อง ยังเป็น Cycle ขาขึ้นในช่วง 2 ปีนี้ โดยราคาหุ้นคิดเป็นระดับ PER ปี 2018F ราว 15.3x ยังต่ำกว่า Cycle ขาขึ้นรอบ 20x
- Catalyst: ถูกเพิ่มน้ำหนักในดัชนี MSCI มีผล 1 มี.ค. + ราคาหุ้นรอบที่ผ่านมาปรับลงมาแรงกว่าตลาดรวม ตั้งแต่ 24 ม.ค. – ปัจจุบัน IVL -7.8% vs SET -2.1%
Note: TP (Bloomberg Consensus) , *TP(CNS), **TP(Nomura)
ข่าวเด่น