Market summary
เมื่อวานที่ผ่านมา SET แกว่งตัวในกรอบแคบ โดยมีแรงซื้อสลับกันระหว่างหุ้นใหญ่ นำโดย AOT, SCC, ADVANC ในขณะที่มีแรงขายในกลุ่มพลังงานอย่าง PTTEP, EA, BANPU และมีแรงเก็งกำไรระหว่างวันในหุ้นขนาดกลางนำโดย JKN, UV, BIG, TOA ณ. สิ้นวัน SET ปิดที่ระดับ 1,800.0 จุด (+0.5 จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขายราว 5.3 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับวันก่อนที่ 5.1 หมื่นล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,471 ล้านบาท แต่กลับมาเปิด Long SET50 index future สูงถึง 9,578 สัญญา
Investment theme
คาด SET แกว่งตัว รอปัจจัยสนับสนุนใหม่ : หากนับตั้งแต่ช่วงที่ตลาดปรับตัวขึ้นทะลุ 1,600 จุดในช่วงต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน พบว่านักลงทุนสถาบันมียอดซื้อสะสมสุทธิสูงกว่า 5.7 หมื่นล้านบาท และถือว่าเป็นกลุ่มที่มีบทบาทในการขับเคลื่อนดัชนีอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตามหากนับเฉพาะในเดือนกุมภาพันธ์พบว่า สัดส่วนการซื้อสุทธิเพื่อผลักดันตลาดหุ้นถูกเปลี่ยนจากนักลงทุนสถาบันมาเป็นนักลงทุนรายย่อย โดยซื้อสุทธิสูงกว่า 2.3หมื่นล้าน สวนทางกับนักลงทุนต่างประเทศที่ทยอยขายต่อเนื่องกว่า 2.9 หมื่นล้านบาท ในขณะที่สัดส่วนการซื้อของนักลงทุนสถาบันเริ่มชะลออย่างเห็นได้ชัด และหากนำประเด็นดังกล่าวมาวิเคราะห์กับสถานการณ์การเงินโลกพบว่า เริ่มมีปัจจัยกังวลต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกเพิ่มมากขึ้น ภายหลังเริ่มเห็นต้นทุนอย่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ปรับตัวขึ้นในอัตราเร่ง ส่งผลให้เรามองว่า SET เริ่มเข้าสู่ช่วงการพักฐาน และแกว่งตัวเพื่อรอปัจจัยสนับสนุนใหม่ และคาดส่งผลให้มูลค่าการซื้อขายเบาบางลง
Investment theme: สัปดาห์นี้คาด SET เข้าสู่ช่วงการปรับฐาน แกว่งตัวบริเวณ 1,780 – 1,800 จุด เพื่อรอดูผลประกอบการรายปี ในขณะที่แนะนักลงทุนจับตาการรายงานตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐ (Core CPI) และยอดค้าปลีก ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ซึ่งอาจออกมาสูงกว่าที่ตลาดคาดที่ 1.7% อาจสร้างความกังวลต่อโอกาสการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ FED ได้ ซึ่งถือเป็นปัจจัยกดดันการลงทุนในสถานการณ์ปัจจุบัน
Big issue
เมื่อคืนที่ผ่านมา –Dollar Index ปรับตัวลงเล็กน้อยที่ 89.6 / Brent ย่อตัวที่ 62.7 เหรียญ อังกฤษรายงานตัวเลขเงินเฟ้อสูงกว่าคาดที่ 3.0%
GOLD รายงานผลประกอบการเด่น All time high / PLAT รายงาน Inline / IRPC ดีกว่าคาดเล็กน้อย
Stock pick : BH
BH : ทยอยสะสม 230.00 บาท/หุ้น
หากนับ YTD performance เริ่มเห็น Sector rotate ของ MSCI EM มายังกลุ่ม Health care และ การเงิน
ราคาหุ้นยัง Underperform ตลาดอยู่มาก ส่วนหนึ่งเกิดจากการปรับปรุงตึก เพื่อรองรับคนไข้ Inpatient Department (IPD) ที่มากขึ้น คาดว่าจะเสร็จในช่วง 2H61 ในขณะที่คาด EBITDA margin(%) ใน 1Q61 จะเติบโตสูงสุดเป็นประวัติการณ์กว่า 35% จากการปรับขึ้นของค่ารักษาพยาบาลประมาณ 5% และด้วยจำนวนคนไข้อินโด-จีนที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สามารถทดแทนคนไข้จากตะวันออกกลางที่ลดลงได้บางส่วน
เราคาดกำไรปี 2561 เติบโตประมาณ 10% ที่ 4.4พันล้านบาท โดยปัจจุบันราคาหุ้น BH ลงมาซื้อขายในระดับ -1S.D. ย้อนหลัง 3ปี ทำให้เรามองว่า Downside จำกัด แนะนำซื้อด้วยราคาเหมาะสม 230.0 บาท/หุ้น
Trading idea – – ทยอยสะสม BGRIM (เป้าหมาย 34.00) / ระมัดระวังการลงทุนในกลุ่ม TV digital/ทยอยสะสม GOLD (12.00)
Technical View
พักตัวไม่หลุด 1790 ยังลุ้นการ Break Neckline ได้: ดัชนีเปิดโดดและแกว่ง Sideway Down โดยมีแรงซื้อหลักจากหุ้นกลุ่มสื่อสาร ระหว่างวันดัชนีปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้าน 1805 ซึ่งเป็น Neckline ของ Double Bottom และยังคงไม่สามารถผ่านขึ้นไปได้ แต่จาก Modified Stochastic และ RSI ที่เพิ่งเริ่ม Rebound จากแนวรับ จึงมองว่าระหว่างวันหากอ่อนตัวไม่หลุด 1790 ยังคงลุ้น Break Neckline ได้ มองแนวต้านถัดไปที่ 1813 และ 1825 แต่หากหลุด 1790 ระยะกลางจะกลับไปมีแนวโน้มพักกฐานเช่นเดิม
กลยุทธ์การลงทุน 1) มีหุ้น: ลงทุนระยะสั้น-ระยะกลาง หากหลุด 1790 แนะนำ Lock Profit บางส่วน แต่หากยืน 1800 ได้ แนะนำ ถือหุ้นต่อ แต่ 2) ไม่มีหุ้น: Trading กรอบ 1790-1813
แนวรับ : 1790, 1786 แนวต้าน : 1805, 1813
Eyes on
ปัจจัยต่างประเทศ : ญี่ปุ่นรายงาน GDP, 14 ก.พ. สหรัฐรายงานตัวเลขเงินเฟ้อ
ปัจจัยในประเทศ : ประชุมกนง. 14 ก.พ.
หุ้นเทคนิค:
CPALL (B 78.00-78.50, Tp 81.00//83.00, Cut 77.00)
AOT (B 68.00, Tp 71.00, Cut 67.00)
ข่าวเด่น