สภาวะตลาดวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2561 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,328.70-1,337.00 ดอลลาร์ต่อออนซ์  ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 19,850 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาทรงตัวจากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,850 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFG18 อยู่ที่ 19,920 บาท โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 20 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,900 บาท

  (หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 15.30 น. ของวันที่ 14/02/61)

แนวโน้มวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2561
  นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) บรรเทาความวิตกเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของเฟดต่อแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าที่เฟดเคยส่งสัญญาณไว้ ในพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานเฟด โดยเขายืนยันว่า เฟดจะยังคงจับตาความเสี่ยงที่อาจจะกระทบต่อเสถียรภาพของตลาดการเงินและสร้างความมั่นใจว่านโยบายของเฟดจะมีประสิทธิภาพมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ถ้อยแถลงของนายพาวเวลล์ กดดันดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับกลุ่มสกุลเงินสำคัญ 6 สกุล ให้อ่อนค่าลงจนกลับมาเคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับ 90.00 อีกครั้ง ปัจจัยดังกล่าวหนุนราคาทองคำให้ขยับขึ้น นอกจากนี้ทองคำได้รับแรงหนุนเพิ่มจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับลดลงจากระดับสูงสุดในรอบ 4 ปีที่ 2.9020% ในช่วงต้นสัปดาห์ ส่งผลให้แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในตลาดเงินลดลงตามจนลดแรงกดดันต่อราคาทองคำ อย่างไรก็ตามทัศนะของนายพาวเวลล์จะชัดเจนขึ้น เมื่อเขาแถลงต่อสมาชิกสภานิติบัญญัติในสภาครองเกรสในช่วงวันที่ 28 ก.พ. และเขาจะแถลงข่าวครั้งแรกในฐานะประธานเฟด หลังการประชุมกำหนดนโยบายการเงินของเฟดในวันที่ 20-21 มี.ค. ซึ่งก่อนหน้านี้ คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของเฟด ส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในการประชุมในเดือนมี.ค.นี้ ทำให้ราคาทองคำขยับขึ้นไปได้ไม่ไกล ขณะที่สินทรัพย์เสี่ยงก็ฟื้นตัวขึ้นเช่นกันจนทองคำขาดแรงหนุนเพิ่ม ทั้งนี้ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทปรับตัวเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นรอบที่ 3 ของการซื้อขายในวันอังคาร ขณะที่ดัชนีความผันผวน CBOE Volatility อยู่ที่ 25.3 จุด ลดลงครึ่งหนึ่งจากระดับ 50 ในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยความผันผวนในตลาดหุ้นวอลล์สตรีทที่ปรับตัวลดลงส่งผลให้ความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยลดลงเช่นกัน ประกอบกับ หลายประเทศจะเริ่มเข้าสู่ช่วงวันหยุดเทศกาลตรุษจีนในสัปดาห์นี้ ซึ่งตลาดเงินและตลาดทุนของจีนจะปิดทำการยาวหลายวันในช่วงวันที่ 15 -21 กุมภาพันธ์นี้ ดังนั้นปริมาณการซื้อขายทองคำในภูมิภาคเอเชียอาจเบาบางลง นักลงทุนควรวางแผนการลงทุนอย่างรอบครอบ
 
กลยุทธ์การลงทุน ทางวายแอลจีมีมุมมองว่าหากราคาทองคำขึ้นทดสอบแนวต้านที่ 1,337 ดอลลาร์ต่อออนซ์ นักลงทุนที่สะสมทองคำไว้อาจมีการขายทำกำไรบางส่วนออกมาบ้าง เพราะในช่วงที่ผ่านมาเมื่อราคาทองคำมีการปรับตัวขึ้นยังคงมีแรงขายออกมาอย่างต่อเนื่อง สำหรับการทำกำไรให้ดูว่าราคาจะผ่านแนวต้านได้หรือไม่ ถ้าสามารถผ่านไปได้ให้แนะนำให้ถือต่อไป เพื่อขายทำกำไรที่แนวต้านถัดไป และหากราคาทองคำมีการปรับตัวลดลงมาไม่หลุดแนวรับ แนะนำนักลงทุนสามารถทำการเข้าซื้อเก็งกำไรระยะสั้น ทั้งนี้ประเมินแนวรับไว้ที่ 1,319 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และมีแนวรับถัดไปอยู่ที่ 1,306 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ทองคำแท่ง (96.50%) 
แนวรับ            1,319 (19,600บาท) 1,306 (19,400บาท)        1,300 (19,300บาท)
แนวต้าน          1,337 (19,900บาท)  1,346 (20,050บาท)        1,355 (20,150บาท)             
  
GOLD FUTURES (GFG18)
แนวรับ            1,319 (19,720บาท) 1,306 (19,530บาท)        1,300 (19,440บาท)
แนวต้าน          1,337 (20,000บาท)  1,346 (20,130บาท)      1,355 (20,270บาท)