|
|
|
|
|
|
ทำไมตลาดหุ้นสหรัฐฯ ไม่กลัวเงินเฟ้อที่มากกว่าคาด? และเสี่ยงต่อหุ้นไทยหรือไม่?
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ม.ค. เพิ่มขึ้น 0.5% MoM (สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 0.3% MoM) ขณะที่เทียบรายปีอยู่ที่ 2.1% YoY (สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 1.9% YoY) ทั้งนี้การเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อที่เร็วกว่าคาดทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ 10 ปี เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็น 2.92% และทำให้ตลาดเริ่มมองโอกาสของการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดปีนี้เป็น 4-5 ครั้ง (จาก 3 ครั้ง) อย่างไรก็ตามโมเมนตัมของตัวเลขเศรษฐกิจและการรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งช่วยลดทอนความกังวลต่อเงินเฟ้อระยะสั้นและทำให้หุ้นสหรัฐฯ รวมถึงน้ำมันดิบปรับขึ้น
ทั้งนี้หากเราประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของ SET Index ด้วย Earnings Yield Gap (EYG) model โดยใช้สมมติฐานการขึ้นดอกเบี้ยที่ 3-4 ครั้ง จะได้แนวรับของหุ้นไทยที่ 1770 และ 1700 จุด นั่นคือการปรับลดลงในรอบที่ผ่านมาที่ 1758 จุด สะท้อนความน่าจะเป็นของการขึ้นดอกเบี้ยปีนี้ที่ 3 ครั้ง ไปแล้ว อย่างไรก็ตามหุ้นไทยอาจมีความเสี่ยงเคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับดังกล่าวได้ หากนักลงทุนมีมุมมองต่อการขึ้นดอกเบี้ยที่มากกว่าระดับดังกล่าว (3 ครั้ง) โดยกรณีแย่สุด (Worst case) ตลาดจะมี downside ของการขึ้นดอกเบี้ย 5 ครั้งที่ 1640 จุด ในเชิงกลยุทธ์ เราจึงแนะนำเลือกเก็งกำไรในช่วงพักฐาน ระหว่างรอจังหวะซื้อที่ดีเป็นรายตัว
Investment Theme กลุ่มธนาคาร – การที่ธปท.ส่งสัญญาณ NPL ผ่านจุดสูงสุด //หุ้นที่ได้ประโยชน์จากบอนด์ยีลที่ปรับขึ้น TIP*, THREL* // หุ้นพื้นฐานดีที่ Underperform & Under-owned ในช่วงที่ผ่านมา BDMS BCH THG*//ทยอยสะสมหุ้นกลุ่มเดินเรือที่คาดได้รับปัจจัยบวกจากค่าระวางเรือ (BDI) ขาขึ้นช่วงเดือน ก.พ.-มี.ค. ได้แก่ PSL TTA //
ภาพรวมกลยุทธ์: ปรับฐานในตลาดขาขึ้น แกว่งตัวออกข้าง คาดการฟื้นตัวยังจำกัดที่บริเวณ 1810 แนะนำเตรียมเงินสดราว 25-30% เพื่อเลือกซื้อในจังหวะปรับฐาน เน้นกลุ่มที่ราคายังขึ้นน้อย (underperform) หรือมีการถือครองน้อย (under-owned) ในช่วง 6-12 เดือนที่ผ่านมา อาทิ การแพทย์ อสังหาริมทรัพย์ สื่อสาร หรือเข้าสู่ฤดูผลประกอบการสูง อาทิ ท่องเที่ยว ได้แก่ BDMS, BH, BCH, THG*, VIH*, LH, QH, SC*, ADVANC, INTUCH, ERW, MINT นักลงทุนควรเพิ่มความระมัดระวังและกำหนดจุดตัดขาดทุนทุกครั้ง รวมถึงตั้งจุดขายล็อคกำไร (trailing stop) ในหุ้นที่ถือครอง // หุ้นแนะนำ SPRC, PSL*, VNT, BDMS
แนวรับ 1790 และ 1780/ แนวต้าน : 1810 จุด สัดส่วน : เงินสด 40% : พอร์ตหุ้น 60%
ประเด็นการลงทุน
กนง.ตรึงดอกเบี้ย – กนง.มีมติเป็นเอกฉันท์ คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาบที่ 1.5% โดยมองการผ่อนคลายนโยบายการเงินมีส่วนช่วยสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และเอให้อัตราเงินเฟ้อกลับสู่เป้าหมาย 1-4% ได้ในไตรมาส 2 ปีนี้
เป้าส่งออก – พาณิชย์เตรียมประชุมฑูตพาณิชย์ทั่วโลก เตรียมกำหนดเป้าส่งออกเติบโต 6.5-7.0% โดยเบื้องต้นยังยืนยันการส่งออกขยายตัวไม่ต่ำกว่า 6.0%
รายได้เกษตรกรปี 61 ยังโตต่อเนื่อง - สศก. วิเคราะห์ดัชนีรายได้เกษตรกรในปี 2560 พบว่า เพิ่มขึ้น 2.97% YoY จากดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 5.87% ขณะที่ดัชนีราคาสินค้าเกษตรลดลง 2.74% แต่รวมแล้วรายได้เกษตรกรยังเพิ่มขึ้น
JFIN Coin – ยอดจองซื้อ JFIN Coin (โดย JVenture ซึ่ง JMART ถือหุ้น 80%) วันแรก (pre-sale) สูงถึง 85% โดยเสนอขายทั้งหมด 100 ล้านโทเคน ที่ราคาขาย 6.60 บาท ทั้งนี้ JVenture จะนำเงินที่ได้ไปพัฒนาเหรียญฯ สำหรับเป็นตัวกลางแลกเปลี่ยน และระบบแพลตฟอร์ม รวมถึงปัญญาประดิษฐ์ สำหรับการปล่อยกู้แบบบุคคลทั่วไปให้ยืมแก่กัน (peer-to-peer) โดยไม่ผ่านธนาคาร
ประเด็นติดตาม: 19 ก.พ. TH – สภาพัฒน์รายงานตัวเลข GDP ไตรมาส 4/60
(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ) |
บันทึกโดย : วันที่ :
15 ก.พ. 2561 เวลา : 09:47:21
|
|
|
|
|
ข่าวเด่น