ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ ( รักพงศ์ ไชยศุภรากุล เลขทะเบียนฯ: 19838)
ขึ้นต่อ
KGI คาด SET วันศุกร์ปรับขึ้นต่อ แต่ภาพรวมการซื้อขายยังเบาบางช่วงตรุษจีน (วานนี้ดัชนีฯ ฟื้นตัวกลับมาที่ระดับจิตวิทยา 1,800 จุด ตามคาด) ปัจจัยภายนอกเป็นบวกมากขึ้นอีก ตลาดหุ้นสหรัฐฯ บวกต่อแข็งแกร่งแม้ว่าข้อมูลเงินเฟ้อผู้ผลิตพื้นฐาน (core PPI) เดือน ม.ค. +0.4% MoM, +2.2% YoY (มากกว่า consensus คาด) ซึ่งเป็นสัญญาณว่าตลาดการเงินลดระดับความกังวลต่อเงินเฟ้อสหรัฐฯ ขณะที่บอนด์ยิลด์ของสหรัฐฯ ทรงตัวใกล้เคียงกับวันก่อนหน้า ทั้งนี้สหรัฐฯ จะไม่มีการรายงานตัวเลขเงินเฟ้อใดๆ อีกจนถึงสิ้นเดือน เราจึงมองว่าแรงกดดันจากประเด็นเงินเฟ้อจะน้อยลงอีกในสัปดาห์หน้า เมื่อผนวกกับค่าเงินดอลล่าร์ฯ ที่อ่อนแรงต่อและค่าเงินบาทที่แข็งค่าที่ระดับ 31.25/ดอลล่าร์ฯ เช้านี้ คาดแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติจะลดลง ด้านปัจจัยภายใน เมื่อวานนี้ ประธาน สนช. ให้สัมภาษณ์สื่อว่ากำหนดการเลือกตั้งที่ล่าช้าที่สุดน่าจะเป็น มี.ค. 2562 ซึ่งน่าจะเป็นการให้ความชัดเจนต่อตลาดในระดับหนึ่ง ขณะที่ปัจจัยทางเศรษฐกิจนั้น สภาพัฒน์ฯ จะรายงานจีดีพีไทยไตรมาส 4/2560 ในวันจันทร์หน้า (เราคาด +4.7% YoY; ทั้งปี 2560 โต 4.0% อ่านรายละเอียดในบทวิเคราะห์เศรษฐกิจเช้าวันนี้)
หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน ( สุโชติ ถิรวรรณรัตน์ เลขทะเบียนฯ: 28668)
เก็งกำไร TOA, SIMAT
TOA (เป้า Consensus 36.2 บาท) 1) แนะนำ พิจารณาแนวต้านแรกที่ 35 บาท หากผ่านได้ แนะนำ "เก็งกำไรตาม" ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไปที่ ±37 บาท / แนวรับ 33.5 บาท (Stop loss 32.5 บาท) 2) ประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงานเป็นขาขึ้นตามการเติบโตของเศรษฐกิจ โดยฝ่ายวิจัยฯประเมินมูลค่าโครงการอสังหาฯที่จะเปิดใหม่ใน 1 - 2 ปีนี้จะกลับมาขยายตัวราว 10 - 15% ต่อปี เทียบกับปี 2560 ที่เติบโตเพียง 3 - 4% รวมทั้งโครงการ EEC ที่คาดจะทำให้ดีมานด์สีทาอาคาร เพิ่มขึ้นมากกว่าในอดีต ... Consensus คาดกำไรปี 2561โต 34.7% YoY 3) เริ่มทำการปรับราคาขาย 5 - 8% ในปีนี้แล้ว สะท้อนต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับขึ้น ตามราคาน้ำมัน ทำให้ลดความเสี่ยงเรื่องอัตรากำไร
SIMAT (เป้าพื้นฐาน 5.1 บาท) 1) เราประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงานของ SIMAT จะเริ่มเห็นพัฒนาการที่ดีขึ้นแบบไตรมาสต่อไตรมาส โดยเริ่มจาก 1Q61 จาก i) ธุรกิจบรอดแบนด์ไม่เป็นตัวถ่วง ถึงจุดคุ้มทุนแล้ว EBITDA พลิกเป็นบวก และเตรียมรุกกลุ่มลูกค้าองก์กร ii) ธุรกิจ Label & Stamping parts รับออเดอร์ iPhone X ใน 1Q61 และ iPhone SE2 กลางปีนี้ iii) ธุรกิจ IT Solution มีโอกาสเติบโตอีกมากตาม เทรนด์ยุคดิจิตอล 2) ประเมินแนวรับ 3.7 บาท แนวต้านเทรนไลน์ 4.0 บาท หากผ่านแนวต้าน 4.0 บาทได้ ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 4.5 บาท (Trailing stop 3.64 บาท) ... คาดเตรียมประกาศซื้อกิจการเร็วๆนี้ (เรายังไม่รวมกำไรจากการซื้อกิจการใหม่ ในประมาณการฯ)
หุ้นในกระแส
SGP* (ยังไม่มีเป้า Consensus) ราคาหุ้นรีบาวด์หลัง Panic sell (เมื่อหลุด Trailing stop ที่เราประเมินไว้ที่ 28 บาท) ล่าสุดราคาน้ำมันดิบเริ่มยืนที่ >60 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรลแล้ว (วานนี้บวกต่ออีก +1.22%) คาดลดความกังวลราคาแก๊ส LPG ที่ปรับลงตามราคาน้ำมัน เรายังคงประเมินกำไร 4Q60 โตเด่น และ PE ตอนนี้ต่ำเพียง 8.7 เท่า สำหรับนักลงทุนที่ขายล๊อกกำไรที่จุด Trailing stop ไปแล้ว แนะนำ Wait & See รอยืนได้ที่ 28 บาท / สำหรับนักลงทุนที่ยังไม่ได้ขายล๊อกกำไร แนะนำ Wait & See หากรีบาวด์กลับไปยืนเหนือแนวต้าน 28 บาทได้ แนะนำ "ถือ"
สำหรับนักลงทุนที่เข้าซื้อหุ้นหลักของแต่ละกลุ่มที่แนวโน้มปีนี้ดี ตามที่เราแนะนำก่อนหน้า ที่บริเวณ SET index 1760 จุด แล้ว แนะนำ "ทยอยสะสมเพิ่ม" / "Let profit run" ต่อ สำหรับหุ้นกลุ่มหลักต่อไปนี้ และเพิ่มกลุ่มลีสซิ่ง (กนง ยืนยันนโยบายดอกเบี้ยไทยไม่ตามเฟด) โดยกำหนดจุด Trailing stop กรณี SET index ต่ำกว่า 1770 จุด
I. กลุ่มธนาคารพาณิชย์ (รับอานิสงส์เศรษฐกิจโต + ดอกเบี้ยขาขึ้น) เลือก BBL*
II. กลุ่มค้าปลีก (รับอานิสงส์เศรษฐกิจโต + ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ม.ค. สูงสุดรอบ 36 เดือน) เลือก COM7*, SF
III. กลุ่มสื่อ (รับอานิสงส์เศรษฐกิจโต + ผ่านจุดต่ำสุดใน 4Q60) เลือก MONO*, RS (รัฐเตรียมใช้ ม.44 ช่วยยืดเวลาจ่ายไลเซนส์ทีวีดิจิตอล)
IV. กลุ่มนิคมฯ (รับอานิสงส์โครงการ EEC) เลือก AMATA*
V. กลุ่มท่องเที่ยว (รับอานิสงส์การท่องเที่ยว) เลือก AOT*
VI. กลุ่มลีสซิ่ง (คาดที่ประชุม กนง คงดอกเบี้ยต่ำต่อเนื่อง) เลือก ECL
หุ้นมีข่าว
(- PTT*, PTTEP*) ชิง '2 แหล่งก๊าซฯ' เดือดทุนยักษ์ 'ยูเออี' โดดร่วม (กรุงเทพธุรกิจ) "มูบาดาลา" ยักษ์ปิโตรเลียมยูเออี รุกขยายลงทุนไทย ลั่นพร้อมชิงเค้ก 2 แหล่งก๊าซอ่าวไทย "เอราวัณ-บงกช" มั่นใจทุนหนา ชำนาญลงทุนทั่วโลก หวังยึดไทยฮับพลังงานอาเซียน แย้มสนใจลงทุนพลังงานทดแทน ด้าน "พลังงาน" เตรียมนำทีโออาร์ประมูล เสนอ กพช. 7 มี.ค.นี้ คาดรู้ผลผู้ชนะสิ้นปีนี้ ลงนามเดือนก.พ. ปีหน้า
(+) JMART* เร่ง ปรับสาขา รับยุคดิจิทัล (โพสต์ทูเดย์) เจมาร์ท โมบายปรับกลยุทธ์ให้เป็นดิจิทัล ใช้หลักออนไลน์และออฟไลน์เดินไปด้วยกัน ตั้งเป้าขยายสาขาสิ้นปีนี้ 300 แห่ง ใช้งบกว่า 300 ล้าน นายดุสิต สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท เจมาร์ท โมบาย เปิดเผยว่า เจมาร์ทยังคงเดินหน้าขยายสาขาและปรับปรุงบางสาขาให้ทันสมัยรับพฤติกรรมของผู้บริโภคยุคใหม่ให้มากขึ้น โดยในปีนี้จะเปิดสาขาใหม่อีก 75 สาขาให้ครบเป้าที่วางไว้ 300 สาขา จากปัจจุบันที่มีอยู่ 235 สาขา ผ่านงบ 300 ล้านบาท ที่ใช้ทั้งในเรื่องของการขยายสาขาและแคมเปญการตลาด
(-) STEC* ขอเจ็บครั้งเดียวจบ CK* ชี้เอาอยู่ไม่มีตั้งสำรอง (ทันหุ้น) ไฟลามทุ่งหุ้นกลุ่มรับเหมา หลัง STEC* แจ้งงบปี 2560 ขาดทุน 610 ล้านบาท เหตุโครงการรัฐสภาล่าช้า โบรกชี้เป็นการตั้งสำรองครั้งเดียว อนาคตปี 2561 ยังสวยมีงานรอกว่าแสนล้าน ขณะที่ "ประเสริฐ มริตตนะพร" ผู้บริหาร CK* ยันไม่มีการตั้งสำรอง คุมต้นทุนอยู่หมัดปัญหาค่าแรงไม่กระทบ
(+) DDD จับมือ 'ซีโน-แปซิฟิค’ ส่งสินค้าซองบุกตลาดโชห่วย (ข่าวหุ้น) DDD ผนึก “ซีโน-แปซิฟิคฯ” ลุยนำสินค้าประเภทซองรุกตลาดร้านค้าดั้งเดิมทั่วประเทศ หนุนรายได้ปี 61 โตแกร่ง เล็งคลอดสินค้าขนาดซองใหม่เร็วๆ นี้ หวังชิงมาร์เก็ตแชร์ตลาดสินค้าซอง
(+) SF วางเป้ารายได้ปี 61 โต 6% จ่อขายที่ดินบางใหญ่ 2 พันล้าน (ข่าวหุ้น) SF ลั่นปี 61 รายได้โต 5-6% หลังปรับขึ้นค่าเช่า-เพิ่มพื้นที่เช่า กางแผน 3 ปี ทุ่มงบ 3,550 ล้านบาท เล็งขายที่ดินบางใหญ่มูลค่าราว 2,000 ล้านบาท พร้อมพัฒนาโรงแรม-ออฟฟิศให้เช่า บนพื้นที่ 100 ไร่ หลังศูนย์การค้าเมกะบางนา
หุ้นที่แนะนำก่อนหน้า
ECL (เป้าพื้นฐาน 4.1 บาท) ประเมินแนวรับ 3.56 บาท แนวต้านเทรนไลน์ที่ 3.66 บาท และถัดไปที่ 3.9 บาท (Stop loss 3.4 บาท)
COM7* (เป้า Consensus 20.25 บาท) แนะนำ "ซื้อ" แนวรับ 16.4 บาท / แนวต้าน 17.5 บาท และ 17.9 บาท (Trailing stop 16 บาท)
SF (เป้า Consensus 9.8 บาท) แนะนำ "Let profit run" โดยกำหนด Trailing stop 9.15 บาท
ECF (ยังไม่มีเป้า Consensus) แนะนำ “Let profit run” โดยกำหนด Trailing stop 7.2 บาท
Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้
TWPC แนะนำ "ซื้อ" เป้าพื้นฐาน 10.5 บาท ฝ่ายวิจัยฯคาด กำไรสุทธิ 4Q60 = 120 ล้านบาท (-44% YoY แต่ +11% QoQ) เพิ่มขึ้น QoQ จากราคาขายแป้งมันเพิ่มขึ้นประมาณ 30% ใน 4Q60 และสถานการณ์ขาดแคลนมันสำปะหลังที่คลี่คลายลงไปเนื่องจากเข้าสู่ฤดูเก็บเกี่ยว แนวโน้มที่ดีขึ้นจากการเข้าซื้อกิจการ อาจจะทำให้มี upside ทั้งในแง่กำไรและราคาเป้าหมาย ฝ่ายวิจัยฯจะอัพเดตข้อมูลอีกครั้งหลังจากที่บริษัทประกาศงบ 4Q60 และได้เข้าร่วมประชุมนักวิเคราะห์แล้ว
STEC* แนะนำ "ขาย" เป้าพื้นฐาน 17.8 บาท รายงานผลขาดทุนสุทธิ 4Q60 = -1.32 พันล้านบาท (-709.2% QoQ, -295.7% YoY) แย่กว่า Consensus คาด 618% เป็นผลจากการตั้งสำรองฯ โครงการรัฐสภาใหม่ และ สนามบินภูเก็ต การส่งมอบโครงการถูกเลื่อนไปเป็นปี 2562 ซึ่งมีแนวโน้มที่จะกดดันอัตรากำไรในอนาคต ฝ่ายวิจัยฯจึงปรับลดประมาณการฯปี 2561 - 62 ลง และทำการปรับลดเป้าหมาย PE ลงเป็น 30 เท่า (+1 Sd ของค่าเฉลี่ยในอดีต)
PLANB แนะนำ "ซื้อ" เป้าพื้นฐาน 7.7 บาท วานนี้ราคาหุ้นปรับลงแรง จากความกังวลต่อ Dilution effect ที่จะเกิดขึ้นจากการเพิ่มทุน ซึ่งฝ่ายวิจัยฯประเมินว่าผลกระทบยังไม่เกิดขึ้นในระยะสั้น เพราะเป็นเพียงการเตรียมการในอนาคตเท่านั้น (ยังไม่ประกาศเพิ่มทุน ตอนนี้) และบริษัทยังสามารถใช้แหล่งเงินทุนจากการกู้ยืมได้อีกมาก (DE ยังต่ำเพียง 0.17 เท่า) ราคาหุ้นที่ปรับลงจึงมองเป็นโอกาสซื้อ
Market strategy Thailand
จิตวิทยาตลาดวันนี้: --- แนวรับ 1797 จุด
วันนี้ หากดัชนี SET ดีดขึ้นหรือปิดเหนือนัยรับ 1797 จุดนั้น อาจทรงราคาขึ้นในกรอบ 1797-1814 จุด แต่หากวันนี้ ดัชนี SET ลดลงปิดต่ำกว่านัยรับ 1797 จุดนั้น อาจกดราคาลงในกรอบ 1797-1782 จุด
แนวรับวันนี้: 1797/1785 แนวต้านวันนี้: 1806/1812
หมายเหตุ: (1) ระยะสั้นคือ 1-5 วันทำการ; (2) ระยะกลาง คือ 14-30 วันทำการ; (3) ระยะยาวคือมากกว่า 30 วันทำการ
ข่าวเด่น