สภาวะตลาดวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2561 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,325.20-1,332.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 19,850 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาทรงตัวจากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,850 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFG18 อยู่ที่ 19,880 บาท โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 20 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,860 บาท
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 15.23 น. ของวันที่ 23/02/61)
แนวโน้มวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2561
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐถอยลงจากจุดสูงสุดรอบ 4 ปี จนกระตุ้นราคาทองคำให้ดีดตัวขึ้นได้ระยะสั้น แต่ความระมัดระวังเกี่ยวกับแนวโน้มที่รัฐบาลสหรัฐจะเพิ่มการออกตราสารหนี้และธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องในปีนี้ เป็นปัจจัยที่ส่งผลให้ผลตอบทนพันธบัตรอาจปรับตัวขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง แนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐที่สดใสขึ้นแสดงผ่านมาตรวัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจในอนาคตเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกันในเดือนม.ค. และตลาดแรงงานที่อยู่ในสภาวะแข็งแกร่งจะยังคงเป็นแรงหนุนการใช้จ่ายของผู้บริโภค หลังจากจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงาน ลดลงสู่ระดับต่ำสุดรอบเกือบ 45 ปีเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งกดดันการขยับขึ้นของราคาทองคำ ทั้งนี้ความชัดเจนของนโยบายการเงินของเฟด เป็นสิ่งที่นักลงทุนจับตา รวมทั้งการแถลงนโยบายการเงินของนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟดต่อคณะกรรมการทางการเงินของสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 28 ก.พ. จะเป็นสิ่งที่สะท้อนแนวโน้มการดำเนินนโยบายของเฟดได้ชัดเจนขึ้น อย่างไรก็ตามทองคำยังคงได้รับแรงหนุนจากรายงานการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ส่งสัญญาณว่าอัตราเงินเฟ้อเร่งตัวขึ้น ความคิดเห็นของคณะกรรมการมีแนวโน้มที่จะยุติมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งส่งผลเชิงบวกต่อสกุลเงินยูโรและราคาทองคำ ทั้งนี้ทองคำได้รับแรงหนุนเพิ่มในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย หลังสื่อต่างประเทศรายงานว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ เตรียมประกาศคว่ำบาตรเกาหลีเหนือรอบใหม่ เพื่อตอบโต้การที่เกาหลีเหนือยังไม่เลิกโครงการนิวเคลียร์ เบื้องต้นวายแอลจีประเมินว่าหากราคาทองคำสามารถยืนเหนือแนวต้าน 1,336 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ ราคาทองคำมีโอกาสจะดีดตัวขึ้นได้ โดยการดีดตัวประเมินแนวต้านที่บริเวณ 1,345 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากไม่สามารถผ่านไปได้จะเกิดแรงขายทำกำไรออกมา และเกิดการย่อตัวเพื่อลงมาสร้างฐานของราคาอีกครั้ง ทั้งนี้ประเมินแนวรับไว้ที่ 1,320-1,313 ดอลลาร์ต่อออนซ์
กลยุทธ์การลงทุน ทางวายแอลจีมีมุมมองว่า หากราคาทองคำทดสอบแนวต้านที่ 1,336 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ยังไม่สามารถผ่านได้ ซึ่งนักลงทุนยังคงต้องระมัดระวังแรงขายทำกำไรเนื่องจากช่วงที่ผ่านมาเมื่อราคาทองคำมีการปรับตัวขึ้นยังคงมีแรงขายออกมาเช่นกัน นักลงทุนที่สะสมทองคำไว้อาจมีการขายทำกำไรบางส่วนออกมาบ้าง สำหรับการทำกำไรให้ดูว่าราคาจะผ่านแนวต้านได้หรือไม่ ถ้าสามารถผ่านไปได้ให้แนะนำให้ถือต่อเพื่อไปขายทำกำไรที่แนวต้านถัดไปบริเวณ 1,345 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และหากราคาทองคำมีการปรับตัวลงมาไม่หลุดแนวรับ แนะนำนักลงทุนสามารถเข้าซื้อเก็งกำไรระยะสั้น ทั้งนี้ประเมินแนวรับไว้ที่ 1,320-1,313 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยมีแนวรับถัดไปอยู่ที่ 1,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,313 (19,500บาท) 1,300 (19,300บาท) 1,291 (19,200บาท)
แนวต้าน 1,336 (19,900บาท) 1,345 (20,050บาท) 1,352 (20,150บาท)
GOLD FUTURES (GFG18)
แนวรับ 1,313 (19,650บาท) 1,300 (19,450บาท) 1,291 (19,320บาท)
แนวต้าน 1,336 (20,000บาท) 1,345 (20,130บาท) 1,352 (20,240บาท)
ข่าวเด่น