กลยุทธ์วันนี้ >> ทำกำไรระยะสั้นบางส่วนแถว High เดิม
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET ปรับตัวขึ้นดีกว่าภูมิภาคและที่เราประเมิน โดยสามารถทะลุขึ้นมายืนเหนือระดับ 1,830 จุดได้ นำโดยหุ้นขนาดใหญ่โดยเฉพาะกลุ่มพลังงาน สถาบันในประเทศยังเป็นฝ่ายซื้อสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 ติดต่อกันอีกถึง 4.2 พันลบ. (และยังซื้อตราสารหนี้หนาแน่นติดต่อกันเป็นวันที่ 8 อีก 1.5 หมื่นลบ.) ขณะที่นักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิบางๆ
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET จะยังสามารถแกว่งตัวบวกได้ต่อเนื่องจากสัญญาณทางเทคนิคที่ดีขึ้นรวมถึงบรรยากาศการลงทุนในภาพรวมที่ยังดี อย่างไรก็ตามเนื่องจากตลาดปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างแรงและเร็วในช่วง 2 วันล่าสุด ทำให้ระยะสั้นมองว่าน่าจะยังไม่สามารถทะลุผ่านจุดสูงเดิมบริเวณ 1850 จุดได้ รวมถึงยังมีปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามคืนนี้คือการแถลงต่อหน้าสภาคองเกรสของนายเจอโรม พาวเวลครั้งแรกซึ่งจะมีผลต่อทิศทาง Bond Yield
กลยุทธ์ : ทำกำไรระยะสั้นบางส่วนแถว High เดิมและรอซื้อกลับในช่วงอ่อนตัว
หุ้นเด่นเดือน ก.พ. : AMATA, BBL, BCH, MGT, SAPPE
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$237ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกจากเกาหลีใต้ US$141ล้าน ขณะที่ไหลเข้าไทย US$4ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาค ตลาดติดตามการแถลงการณ์นโยบายการเงินของประธาน Fed คนใหม่ต่อสภาคองเกรสเริ่มวันนี้เพื่อติดตามแนวทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> PTTEP <<
- ราคาน้ำมันปีนี้ที่ยังยืนในระดับสูงกว่า US$60/บาร์เรล (YTD) สูงกว่าราคาเฉลี่ยใน 4Q17 14% และสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 19% หนุนกำไร 1Q18 สดใสต่อเนื่อง
- การประมูลแหล่งสัมปทานในอ่าวไทยที่น่าจะเกิดขึ้นในเดือน มี.ค. และรู้ผลปลายปีนี้ยังเป็นประเด็นหนุนการเก็งกำไรของ PTTEP
- การเพิ่มสัดส่วนถือหุ้นในโครงการบงกชเป็น 66.7% จาก 22.2% (คาดแล้วเสร็จ 2Q18) เป็นบวกอย่างมากต่อ PTTEP เพราะเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ 2H18 และทำให้ปริมาณผลผลิตเพิ่มราว 50% เมื่อผลิตเต็มปี เราแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 125 บาท
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) EKH กำไร 4Q17 แกร่งกว่าคาด -41% Q-Q, +29% Y-Y เป็น 22 ลบ. จากรายได้ที่โตดีและค่าใช้จ่ายขายและบริหารต่ำกว่าคาด ทำให้กำไรทั้งปี 2017 จบที่ 84 ลบ. +11% Y-Y เป็นสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โมเมนตัมยังดีต่อในปี 2018 โดยเฉพาะ 1Q18 ที่ได้อานิสงส์จากโรคท้องร่วงระบาด ระยะกลาง-ยาวได้ประโยชน์จากการเริ่มเปิดศูนย์ผู้มีบุตรยาก (EKH ถือหุ้น 57%) เรายังคงแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 7 บาท
(+) VIBHA กำไรเป็นไปตามคาด โดย 4Q17 ทำได้ 229 ลบ. -23% Q-Q, +13% Y-Y ทำให้กำไรทั้งปีเป็น 869 ลบ. +28% Y-Y หลักๆยังเกิดจาก CMR ที่ได้อานิสงส์จากการปรับเพิ่มการจ่ายเงินของสำนักงานประกันสังคม เราคงประมาณการกำไรปีนี้ที่ 972 ลบ. +12% Y-Y ปัจจัยขับเคลื่อนยังมาจาก CMR คงราคาเป้าหมายที่ 3 บาท แนะนำซื้อ
(+) SVOA หากไม่รวมกำไรพิเศษขาย LIT จะเป็นกำไรปกติ 30 ลบ. ทำให้กำไรทั้งปี 2017 เป็น 189 ลบ. +159% Y-Y ดีกว่าคาดทั้งธุรกิจหลักและลูกๆ แนวโน้มปีนี้สดใสต่อเนื่องจากการรับงานกลุ่มแบงก์ ยังแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 3.50 บาท
(-) CPF ผลประกอบการ 4Q17 พลิกเป็นขาดทุน 888 ลบ. เพราะราคาเนื้อสัตว์โดยเฉพาะหมูในไทยและเวียดนามที่ต่ำกว่าต้นทุนการเลี้ยง ส่วนราคาไก่ใกล้เคียงต้นทุน แนวโน้มกำไรยังไม่สดใสไปอีก 1-2 ไตรมาสเพราะราคาเนื้อสัตว์ยังไม่ฟื้น ราคาหมูในประเทศยังตกต่ำ ส่วนหมูในเวียดนามน่าจะขาดทุนต่อใน 1Q18 เราปรับกำไรปีนี้ลง 11% เหลือ 1.42 หมื่นล้านบาท -7% Y-Y ปรับราคาเป้าหมายลงเหลือ 28 บาท แม้มี upside แต่ยังไม่แนะนำซื้อเพราะไม่มีการเติบโตใน 1H18
(0) SYNEX กำไร 4Q17 ต่ำกว่าคาด ทำได้ 164 ลบ. โตเพียง 3% Q-Q ทั้งที่เป็น high season และ +39% Y-Y ทำให้กำไรทั้งปีจบที่ 624 ลบ. โตเพียง 53% Y-Y ต่ำกว่าที่เราคาดว่า +57% Y-Y เหตุเพราะค่าใช้จ่ายขายและบริหาร รวมทั้งค่าการตลาดที่สูงขึ้นในช่วงปลายปีเพื่อรองรับการขายในปีนี้ เราจึงไม่มองเป็นลบ ยังคงคาดกำไรปี 2018 +12% เป็น 696 ลบ. คงราคาเป้าหมาย 20 บาท แนะนำซื้อ
(0) ABM เริ่มซื้อขายวันนี้ เราประเมินราคาเป้าหมายปีนี้ 2.26 บาท อิง PE 19 เท่าใกล้เคียงค่าเฉลี่ยของบริษัทที่มีธุรกิจใกล้เคียงกัน ABM เป็นผู้จัดหา ขนส่ง และจำหน่ายเชื้อเพลิงชีวมวลประเภทกะลาปาล์ม ไม้สับ ขี้กบ และชีวมวลอัดแท่ง รายได้ของ ABM โตตามความต้องการผลิตภัณฑ์เชื้อเพลิงชีวมวลเพื่อใช้ในพลังงานทดแทน เราคาดกำไรปกติในปี 2018 โตสูง 82% เป็น 36 ลบ.จากความต้องการกะลาปาล์มของลูกค้าโรงไฟฟ้าชีวมวลในประเทศญี่ปุ่น และปริมาณการขายที่เพิ่มหลังจากปีก่อนถูกกระทบจากปรากฏการณ์เอลนีโญ (FSS เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายหุ้น IPO ของ ABM)
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
27 ก.พ.
|
- สหรัฐฯ: ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ม.ค. 18)
|
28 ก.พ.
|
- ไทย: ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจเดือน ม.ค.
- สหรัฐฯ: 4Q17 GDP (ครั้งที่ 2)??
- ยูโรโซน: อัตราเงินเฟ้อ (ก.พ.)
- จีน: PMI ภาคการผลิต (ก.พ.)
|
1 มี.ค.
|
- จีน: Caixin China PMI ภาคการผลิต (ก.พ.)
- สหรัฐฯ: ISM ภาคการผลิต (ก.พ.), ดัชนีเงินเฟ้อ PCE (ม.ค.)
|
2 มี.ค.
|
- ไทย: อัตราเงินเฟ้อ (ก.พ.)
|
4 มี.ค.
|
- อิตาลี: เลือกตั้งทั่วไป
|
- (+) ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน หลังผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐเริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น และแรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นอย่างโดดเด่นของหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี ในขณะเดียวกันควรจับตาดูการแถลงการณ์ของประธานเฟดคนใหม่
- (+) ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นตามการเพิ่มขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐ โดยเฉพาะในอังกฤษที่มีข่าวว่า ฝ่ายค้านได้สนันสนับให้มีการเจรจากับทางสหภาพยุโรปหลัง Brexit ทำให้นักลงทุนคลายความกังวลลง
- (+) ตลาดเอเชียเช้านี้เพิ่มขึ้นตามแรงหนุนจากตลาดหุ้นอื่นๆทั่วโลก
- () เงินดอลลาร์อ่อนค่าลง ในขณะที่นักลงทุนยังคงรอดูท่าทีของประธานเฟดคนใหม่ ล่าสุดอยู่ที่ 31.20 – 31.30 บาท/ดอลลาร์
- (+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. เพิ่มขึ้น 0.36 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 63.91 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังรัฐบาลซาอุออกมาให้สัญญาว่าจะยังคงปรับลดกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง
- ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. เพิ่มขึ้น 2.50 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,332.80 ดอลลาร์/ออนซ์ จากการอ่อนค่าของดอลลาร์ได้เพิ่มความน่าสนใจให้กับสัญญาทองคำ
ข่าวเด่น