ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
บล.เคจีไอ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน ไซด์เวย์ / ลงกรอบจำกัด (28/02/61)


 ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้               

ไซด์เวย์ / ลงกรอบจำกัด
  KGI คาด SET วันพุธไซด์เวย์/ปรับลดลง น่าจะมีแรงขายบ้างเพื่อลดความเสี่ยงก่อนสหรัฐฯ รายงานเงินเฟ้อ core PCE ม.ค. เย็นวันพฤหัสฯ (วันพฤหัสฯ ตลาดหุ้นไทยปิดทำการในวันมาฆบูชา – ขณะที่วานนี้ดัชนีฯ ขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดใหม่ที่ 1,852 ก่อนเผชิญแรงขายท้ายตลาด แย่กว่าคาดเล็กน้อย) ปัจจัยหลักในฝั่งต่างประเทศได้แก่การแถลงต่อวุฒิสภาสหรัฐฯ ของประธานเฟด เจโรม พาวเวล ซึ่งเขาส่งสัญญาณแข็งกร้าวกว่าที่ตลาดต้องการจะฟังอยู่บ้าง โดยเขามองว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ แข็งแกร่ง ค่าจ้างแรงงานกำลังเร่งตัว และเงินเฟ้อค่อยๆ กลับสู่เป้าหมายของเฟดที่ 2.0% นอกจากนี้ นายพาวเวลยังเปิดช่องขึ้นดอกเบี้ยเฟด 4 ครั้งในปีนี้ (นักเศรษฐศาสตร์ KGI และ consensus คาด 3 ครั้ง) ประเด็นดังกล่าวส่งผลให้บอนด์ยิลด์สหรัฐฯ ฟื้นตัว และราคาสินค้าโภคภัณฑ์โดยรวมลดลงเล็กน้อย ด้านปัจจัยภายใน นายกฯ เมื่อวานยืนยันจัดการเลือกตั้งทั่วไปภายใน ก.พ. 2562 ซึ่งน่าจะส่งผลดีต่อจิตวิทยาของหุ้นที่เชื่อมโยงการเลือกตั้ง (อิงสถิติในอดีต ได้แก่หุ้นแบงก์ ค้าปลีก และก่อสร้าง ดูเพิ่มในส่วนถัดไป) ซึ่งน่าจะช่วยจำกัดความเสี่ยงทางลงของ SET ได้ ทั้งนี้เรากำลังติดตามตัวเลขเงินเฟ้อ core PCE เพื่อกำหนดมุมมองตลาดอีกครั้ง (consensus คาด core PCE สหรัฐฯ +1.51% YoY ใน ม.ค.) 

หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน  
เก็งกำไร SGP*, SIMAT, TOA
  SGP* (ยังไม่มีเป้า Consensus) 1) ประเมินแนวรับ 29.5 บาท / แนวต้าน ±32 บาท (Trailing stop 27.75 บาท) 2) Valuation ไม่แพง Trailing PE เพียง 9.8 เท่า (ค่าเฉลี่ย PE ในอดีตอยู่ที่ 10.6 เท่า ... เราตัดข้อมูลปีที่รายงานผลขาดทุนสุทธิออกจากการคำนวณ) 3) ปันผล 1 บาท/หุ้น คิดเป็น Dividend yield 3.3% (XD 8 มี.ค.) และแตกพาร์จาก 1.0 บาท/หุ้น เป็น 0.5 บาท/หุ้น (ส่งสัญญาณบวกต่อแนวโน้มผลการดำเนินงานปีนี้ ตาม Signalling hypothesis ทั้งการปรับ Payout ratio ขึ้นเป็น 49% จากปีก่อนที่ 41% และการแตกพาร์)
  SIMAT (เป้าพื้นฐาน 5.1 บาท) 1) ประเมินราคาหุ้นเริ่มสร้างฐานที่แนวราคา ±3.5 บาท แนะนำ "เก็งกำไร" แนวรับ 3.46 บาท แนวต้านแรก 3.70 บาท และถัดไปที่ 4.10 บาท (Stop loss 3.30 บาท) 2) เราประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงาน 4Q60 จะยังไม่เด่น แต่คาดจะเริ่ม Turnaround ปีนี้ จาก i) ธุรกิจอินเตอร์เนตบรอดแบนด์ Break-even แล้ว ไม่เป็นตัวถ่วง ii) ธุรกิจ Label & Stamping คาดออเดอร์ iPhone X เริ่มเข้าที่ 1Q60 และกลางปีรับออเดอร์ iPhone ใหม่ เน้นปริมาณขาย เน้นราคาไม่แพงเกินไป (คาดใช้ชื่อ iPhone SE2) iii) คาดเตรียมประกาศซื้อกิจการใหม่เพิ่มเติมเร็วๆนี้  
  TOA (เป้าพื้นฐาน 40.5 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 34 บาท / แนวต้าน 35.5 บาท และถัดไปที่ 37 บาท (Trailing stop 33 บาท) 2) คาดผ่านจุดต่ำสุดใน 4Q60 ไปแล้ว โดยฝ่ายวิจัยฯคาด EPS ปีนี้จะกลับมาเติบโต +40% YoY จาก i) การปรับราคาขายสีขึ้น 5 - 8% ในเดือน ก.พ. ช่วยหนุนอัตรากำไรให้ฟื้นตัว (ปีก่อนอัตรากำไรขั้นต้นถูกกดดันจากต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับขึ้น) ii) การขยายกำลังการผลิตในต่างประเทศ (คาดเริ่มเดินเครื่องใน 2H61) iii) การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะภาคอสังหาฯที่กลับมาเปิดตัวโครงการใหม่จำนวนมากในปีนี้

หุ้นในกระแส
  นายกฯ กำหนดกรอบเวลาเลือกตั้งชัดเจนไม่เกิน ก.พ. 62 เราประเมินจะเป็น Sentiment บวกมาที่หุ้นในกลุ่ม Domestic play ที่คาดจะได้อานิสงส์จากการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย 
i) กลุ่มธนาคารพาณิชย์ (รับอานิสงส์เศรษฐกิจโต + ดอกเบี้ยขาขึ้น) เลือก BBL*, KBANK*
ii) กลุ่มค้าปลีก (รับอานิสงส์เศรษฐกิจโต + ความเชื่อมั่นผู้บริโภคฟื้นต่อเนื่อง) เลือก COM7*, CPALL*, MAKRO
iii) กลุ่มสื่อ (รับอานิสงส์เศรษฐกิจโต + ผ่านจุดต่ำสุดใน 4Q60) เลือก MONO*, RS, PLANB
iv) กลุ่มนิคมฯ (รับอานิสงส์โครงการ EEC) เลือก AMATA*, WHA*
v) กลุ่มลีสซิ่ง (รับอานิสงส์เศรษฐกิจโต  + คาดแบงก์ชาติไทยคงดอกเบี้ยต่ำต่อเนื่อง) เลือก ECL

หุ้นมีข่าว
  (+) PACE ซุ่มคุย คิงเพาเวอร์ขายคอนโด (โพสต์ทูเดย์) เพซ ย่องเจรจา คิง เพาเวอร์ ขายโครงการนิมิต หลังสวน 7 พันล้าน หลังปิดดีล แสนสิริไม่สำเร็จ แหล่งข่าวจากวงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า เมื่อต้นเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา บริษัท เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น ได้เจรจาเพื่อขายโครงการนิมิต หลังสวน ซึ่งพัฒนาเป็นคอนโดมิเนียม มูลค่า 7,000 ล้านบาท ให้กับบริษัท คิง เพาเวอร์ ผู้ดำเนินธุรกิจสินค้าปลอดอากร เนื่องจากนายวิชัย ศรีวัฒนประภา ประธาน กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เป็นลูกค้า รายใหญ่ของคอนโดแห่งนี้ โดยได้ซื้อห้องชุดในโครงการนี้ทั้งชั้นและ ห้องชุด 3-4 ยูนิตในโครงการ ไนน์ตี้เอท ไวร์เลส ของบริษัท แสนสิริ ที่ล่าสุดสร้างการขายปิดสถิติราคา 8 แสนบาท/ตร.ม.
  (+) โฆษณาปี'61ลุ้นพลิกโต 4% หลังเชื่อเศรษฐกิจฟื้น (โพสต์ทูเดย์) สมาคมมีเดียเอเยนซี่ฯ มั่นใจภาพรวมอุตสาหกรรมโฆษณาปีนี้พลิกโต 4% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่ติดลบ 4% นายไตรลุจน์ นวะมะรัตน์ นายกสมาคมมีเดียเอเยนซี่และธุรกิจสื่อแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า จากสภาพเศรษฐกิจที่เริ่มขยายตัวดีขึ้นตามการส่งออกและการท่องเที่ยว ส่งผลให้คาดการณ์ว่าภาพรวมอุตสาหกรรมโฆษณาในปี 2561 นี้ น่าจะกลับมาเติบโตได้ที่ประมาณ 4% เนื่องจากปัจจุบันนักการตลาดเริ่มมีการวางแผนการตลาดที่เข้าใจและเข้าถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคมากขึ้น หากไม่มีปัจจัยลบมาส่งผลกระทบมั่นใจว่าภาพรวมอุตสาหกรรมโฆษณาจะกลับมาเติบโตได้ตามที่คาดการณ์ไว้อย่างแน่นอน
  (+) ออร์เดอร์ทูน่าฟื้น ลุ้นปีนี้ 9 หมื่นล้าน (ฐานเศรษฐกิจ) ส่งออกทูน่าส่งสัญญาณฟื้น หลังวัตถุดิบไม่ขาดแคลน และราคาลดลง สมาคมทูน่าฯฟันธงปีนี้กำไรดีกว่าปี 60 ระบุ 25 บริษัทสมาชิกออร์เดอร์เต็มกำลังผลิตยาวถึงกลางปีแล้ว คาดปีนี้ฟัน 9 หมื่นล้าน ห่วงบาทแข็งตัวถ่วง
  (+) TKN* รุกอเมริกา ชี้ธุรกิจสาหร่ายโตเลขสองหลักแถมคู่แข่งน้อยบุกต่อประเทศจีน (โพสต์ทูเดย์) เถ้าแก่น้อยเร่งเครื่องลุยตลาดสาหร่ายอเมริกา วางเป้า 18 เดือน โกยรายได้กว่า 300 ล้าน นายอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ด แอนด์มาร์เก็ตติ้ง หรือ TKN เปิดเผยว่า หลังจากบริษัทได้เข้าซื้อกิจการ จิม แฟคทอรี่ อิ้งค์ (GIM Factory Inc.) ซึ่งเป็นโรงงานผลิตสาหร่ายในสหรัฐอเมริกา คิดเป็นมูลค่า 2.015 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 68.65 ล้านบาท เพื่อทำการผลิตสาหร่ายนั้น ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการวางแผนลงทุนเครื่องจักร ทีมงาน และระบบขนส่งก่อนที่จะเริ่มทำการผลิตสินค้าเพื่อเน้นทำตลาดภายในประเทศเป็นหลัก
  (+) KTC* ผนึก'วีซ่า'ใช้คิวอาร์โค้ดทั่วโลก (กรุงเทพธุรกิจ) "เคทีซี" จับมือ "วีซ่า" เปิดบริการรับชำระเงินผ่านบัตรเครดิตด้วย "คิวอาร์โค้ด" ได้ทั่วโลก อัดโปรโมชั่น คิดค่าธรรมเนียมแลกเปลี่ยนเงินไม่เกิน 2% พร้อมรับเครดิตเงินคืน 1% เริ่ม 1 ก.พ.-31 พ.ค.นี้
  (+) SKE ลุยโรงไฟฟ้าชีวมวล 9.9 MW จ่ายไฟกลางปี 62 รายได้ 280 ล้าน (ข่าวหุ้น) บอร์ด SKE อนุมัติลงทุนโรงไฟฟ้าชีวมวล 9.9 เมกะวัตต์ เริ่มจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบกลางปี 2562 คาดบุ๊ครายได้ปีละ 280 ล้านบาท ดันงบปี 2562 รายได้-กำไรโตก้าวกระโดด
  (+) GPSC มั่นใจปี 61 ผลงานนิวไฮ เล็งเสนอบอร์ดขยายกำลังผลิต 1,000 MW (ข่าวหุ้น) GPSC วางเป้าผลงานปี 61 ทำนิวไฮ รับอานิสงส์ IRPC-CP Phase 2 และBIC 2 จ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเต็มปี เล็งเสนอบอร์ดขยายกำลังการผลิตอีก 1,000 MW หวังรองรับการลงทุน EEC คาดสรุปแผนภายในปี 61

หุ้นที่แนะนำก่อนหน้า
  COM7* (เป้า Consensus 20.2 บาท) ราคาหุ้นปรับขึ้นแรงต่อเนื่องตั้งแต่เราแนะนำให้ซื้อ คาดระยะสั้นมีโอกาสพักฐาน เป็นโอกาสซื้อ ประเมินแนวรับ 18.7 บาท และ 18.5 บาท / แนวต้าน 20 บาท (Trailing stop 17.7 บาท) 
  ECL (เป้าพื้นฐาน 4.1 บาท) ประเมินแนวรับ 3.40 บาท / แนะนำพิจารณาแนวต้าน 3.56 บาท หากผ่านได้แนะนำ Follow buy ประเมินฟื้นตัวจากแนวโน้มขาลง (Stop loss 3.3 บาท)  
  TVD (ยังไม่มีเป้า Consensus) ประเมินแนวรับ 2.02 บาท แนวต้าน 2.30 บาท และถัดไปที่ 2.60 บาท (Stop loss 2.0 บาท) ... แจก TVD-W2 อัตราส่วน 4 หุ้นเดิม ต่อ 1 Warrant และล้างขาดทุนสะสม (ส่งสัญญาณผลการดำเนินงานฟื้นตัวปีนี้ พร้อมจ่ายปันผล)

Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้
  CPALL* แนะนำ "ซื้อ" เป้าพื้นฐาน 92 บาท จากที่ประชุมนักวิเคราะห์ มุมมองเป็นบวก ฝ่ายวิจัยฯประเมินกำไรปี 2561 โต +19.4% YoY จากสมมติฐาน i) SSSG +4.5%, ii) เปิดสาขาใหม่ +700 สาขา, และ iii) คาดอัตรากำไรขั้นต้น 22.5%
  AP* แนะนำ "ถือ" เป้าพื้นฐาน 9.6 บาท รายงานกำไร 4Q60 = 1.36 พันล้านบาท (+7.4% YoY, +113.4% QoQ) ดีกว่าคาด 25% และดีกว่า Consensus คาด 8% อย่างไรก็ดีจากประมาณการฯของฝ่ายวิจัยฯที่คาดอัตราการเติบโตของกำไรที่ชะลอตัวลงเหลือ < 10% ต่อปี ทำให้ความน่าสนใจลงทุนลดลง ฝ่ายวิจัยฯจึงปรับเป้าหมาย PE ลง จาก 10 เท่าเป็น 9 เท่า และแนะนำเพียง "ถือ"
  DELTA แนะนำ "ถือ" เป้าพื้นฐาน 72 บาท จาก Opportunity day ฝ่ายวิจัยฯ คาดกำไรของ DELTA ในปี 2561 จะไม่เด่น เนื่องจากอัตราการเติบโตของยอดขายจะถูกฉุดโดยปัญหาในด้านการผลิต และอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลง ในขณะที่การเติบโตจากการทำดีล M&A ยังต้องใช้เวลา และปันผลที่น่าผิดหวังก็อาจจะกดดันราคาหุ้น จากแนวโน้มกำไรที่ไม่เด่นชัด ฝ่ายวิจัยฯจึงปรับเป้าหมาย PE ลงจาก 18.5 เท่า เป็น 15.5 เท่า

Market strategy      Thailand

  จิตวิทยาตลาดวันนี้:  ---   นัยรับ 1828 จุด
   วันนี้ หากดัชนี SET ดีดขึ้นหรือปิดเหนือนัยรับ 1828 จุดนั้น อาจทรงราคาขึ้นในกรอบ 1828-1849 จุด แต่หากวันนี้ ดัชนี SET ลดลงปิดต่ำกว่านัยรับ 1828 จุดนั้น อาจสะสมแรงกดราคาลงในกรอบ 1828-1803 จุด
  แนวรับวันนี้:          1828/1808                    แนวต้านวันนี้:          1837/1847

หมายเหตุ: (1) ระยะสั้นคือ 1-5 วันทำการ; (2) ระยะกลาง คือ 14-30 วันทำการ; (3) ระยะยาวคือมากกว่า 30 วันทำการ


บันทึกโดย : Adminวันที่ : 28 ก.พ. 2561 เวลา : 10:01:56

17-06-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ June 17, 2024, 7:47 pm