กลยุทธ์วันนี้ >> ลงแต่ Downside จำกัด เน้นสะสมหุ้นใหญ่
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET แกว่งตัว Sideways โดยระหว่างวันปรับตัวบวกได้สูงสุดราว 10 จุดซึ่งดีกว่าที่เราประเมิน อย่างไรก็ตามมีแรงขายออกมาในช่วงปิดตลาดและทำให้ดัชนีย้อนลงมาปิดลบเล็กน้อย ณ สิ้นวัน นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหนาแน่นถึง 3.941 พันลบ.และรายย่อยเป็นฝ่ายซื้อในมูลค่าใกล้เคียงกัน ส่วนสถาบันในประเทศพลิกมาขายสุทธิเช่นกันราว 500 ลบ. (และยังซื้อตราสารหนี้ติดต่อกันเป็นวันที่ 10 อีก 9.7 พันลบ.)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : SET ยังมีความเสี่ยงที่จะพลิกกลับมาพักตัวลงระยะสั้น ซึ่งแรงขายหุ้นใหญ่ในกลุ่มพลังงานเริ่มชัดเจนมากขึ้น ตามราคาน้ำมันดิบที่ทรุดตัวลงต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 (รวม 3 วันลง 7%) ขณะที่ ต่างชาติขายหุ้นไทยเร่งตัวขึ้น พร้อมกับ Net Short ใน Index Futures 8.3 พันสัญญา 1.7 พันลบ. นอกจากนี้ บรรยากาศการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกเช้านี้ยังเป็นลบราว 1-2% อย่างไรก็ตาม เรามองว่า Downside ของ SET สำหรับรอบการพักตัวยังจำกัด เพราะเศรษฐกิจภาพรวมแข็งแกร่ง และกำไรของบริษัทจดทะเบียนขยายตัวดี จังหวะการพักตัวยังมองเป็นโอกาสสะสมหุ้นใหญ่
หุ้นเด่นเดือน มี.ค. : ADVANC, MINT, MTLS, PTTEP, SC
Fund Flow 2 วันที่ผ่านมากระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาครวม US$288ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกจากไทย US$125ล้าน ขณะที่ไหลเข้าเกาหลีใต้ US$95ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาคจากความกังวลต่อมาตรการการกีดกันทางการค้ารอบใหม่ของสหรัฐฯซึ่งล่าสุดประธานาธิบดีระบุจะเสนอมาตรการการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียม ขณะที่ความกังวลต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ Fed ยังคงอยู่
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> ADVANC <<
- NVDR ซื้อ ADVANC หนักสุดในรอบ 6 เดือน ในงวด ก.พ. 18 ที่ 1.9 พันลบ. ทำให้ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีสูงถึง 2.7 พันลบ. คิดเป็น 49% ของยอดซื้อสะสมทั้งปีก่อนที่ 5.4 พันลบ อีกทั้งยอด Short Sales ยังต่ำสุดในรอบ 8 เดือนที่ 412 ลบ. คิดเป็นครึ่งหนึ่งของค่าเฉลี่ยรายเดือนช่วง 1 ปีที่ผ่านมา
- น่าสนใจสุดในกลุ่มเพราะมีคลื่นความถี่พร้อม จึงไม่ต้องกังวลกับความไม่แน่นอนในการประมุลคลื่นขณะเดียวกัน การแข่งขันที่เริ่มลดลงยังส่งผลดีต่ออุตสาหกรรม และเอื้อต่อการทำกำไรมากขึ้นด้วย
- คาดกำไรปีนี้ +9% Y-Y อยู่ที่ 3.3 หมื่นลบ. โตครั้งแรกในรอบ 3 ปี แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 220
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) มุมมองตลาดหุ้นเดือน มี.ค. สถิติในช่วง 7 ปีชี้ว่าตลาดหุ้นเดือน มี.ค. สดใสและต่อเนื่องไปถึง เม.ย. โดยเดือน มี.ค. SET เฉลี่ย +2.3% M-M นักลงทุนต่างชาติเป็นผู้ซื้อหลักและเป็นเดือนที่ซื้อมากที่สุดใน 1Q สวนทางสถาบันในประเทศที่ชะลอการซื้อ เราเชื่อว่าสถิติมีโอกาสซ้ำรอยเพราะเศรษฐกิจในประเทศฟื้นชัดเจน กำไรบจ.อยู่ในทิศทางที่ดี ราคาน้ำมันดิบทรงตัวในระดับสูง ต่างชาติไม่ได้สะสมหุ้นไทยอยู่แล้วตั้งแต่ต้นปี และถ้าเฟดขึ้นดอกเบี้ยตามคาด หุ้นโลกน่าจะปรับขึ้นเพราะถือว่ามีความชัดเจน SET Target ของเราที่ 1,900 จุดมีโอกาสได้เห็นในระยะ 2 เดือนนี้ การอ่อนตัวเป็นโอกาสสะสม เดือนนี้แนะนำ ADVANC, MINT, MTLS, PTTEP, SC
(+) เศรษฐกิจเดือน ม.ค. ขยายตัวต่อเนื่อง ตามการส่งออกที่ขยายตัวสูง และภาคท่องเที่ยวโตดี การจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้นทุกหมวดสินค้า ส่วนการลงทุนภาคเอกชนขยายตัวเล็กน้อย แนวโน้ม GDP 1Q18 สดใส
(+) กำไรปกติปี 2017 +8% ใกล้เคียงคาด กำไรสุทธิ 4Q17 ของบริษัทใน FSS Coverage (78% ของ Market cap.) +15% Q-Q, +20% Y-Y หากตัดรายการพิเศษออก เป็นกำไรปกติ 1.88 แสนลบ. -2% Q-Q ตามฤดูกาลและ +6% Y-Y ทำให้กำไรปกติทั้งปี +8% Y-Y เป็น 7.49 แสนลบ. ใกล้เคียงคาด เป็นการฟื้นตัวใกล้เคียงปีก่อนหน้าซึ่งถือว่าดีเพราะการจับจ่ายเพิ่งฟื้นในช่วงครึ่งปีหลัง เราคาด EPS growth ของตลาดปีนี้เร่งตัวขึ้น +12% Y-Y และ +11% ปี 2019
(+) THMUI งบ 4Q17 ที่ออกมาผิดหวังเพราะรายการพิเศษที่เกิดครั้งเดียว ขณะที่ กำไรปีนี้จะเร่งตัวตั้งแต่ 1Q18 จากการใช้ลวดสลิงในงานก่อสร้างและท่าเรือ และคาดว่าจะได้รับงานขายท่อปะปาอีกราว 100 ลบ. มากกว่ารอบก่อนเป็นเท่าตัว คาดกำไรปีนี้ +147% Y-Y ที่ 53 ลบ. ราคาปัจจุบันคิดเป็น PE2018 เพียง 13 เท่า และคิดเป็น PEG 0.6 เท่า แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 3.10 บาท
(-) SAPPE กำไรสุทธิ 4Q17 อยู่ที่ 78 ลบ. ต่ำกว่าคาด 12% จากอัตรากำไรขั้นต้นที่ต่ำคาด ภาพรวมยังไม่เห็นการฟื้นตัวเพราะรายได้และอัตรากำไรยังลดลงทั้ง Q-Q และ Y-Y อยู่ระหว่างปรับลดกำไรและราคาเป้าหมายจากเดิมที่ให้ไว้ 38 บาท
(+) TVO กำไรสุทธิ 4Q17 อยู่ที่ 513 ลบ. (+49.6% Q-Q, +19.3% Y-Y) ส่วนกำไรปกติอยู่ที่ 534 ลบ. (+53% Q-Q, +26.8% Y-Y) จากอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้น เพราะราคาถั่วเหลืองในตลาดโลกเริ่มฟื้น และการแข่งขันที่เริ่มลดลง แต่ด้วยกำไร 9M17 ที่ไม่สดใส ทำให้กำไรทั้งปี 2017 -52% Y-Y เราอยู่ระหว่างทบทวนกำไรและราคาเป้าหมายหลังประชุมนวค.จันทร์นี้
(0) HANA กำไรสุทธิ 4Q17 อยู่ที่ 625 ลบ. (-19% Q-Q, -1.7% Y-Y) ส่วนกำไรปกติอยู่ที่ 512 ลบ. (-21% Q-Q, -33% Y-Y) เพราะเป็น Low Season ของธุรกิจ และบาทแข็งค่า รวมถึงมีค่าใช้จ่ายเร่งตัวขึ้นมาก กำไรสุทธิทั้งปี 2017 เท่ากับ 2,888 ลบ. (+37.2% Y-Y) แต่ด้วยแนวโน้มค่าเงินบาทที่แข็งค่ากว่าประมาณการ เราอยู่ระหว่างทบทวนประมาณการและปรับลดราคาเป้าหมายจากเดิมที่ให้ไว้ 58 บาท
(+) BDMS กำไรปกติ 4Q17 อยู่ที่ 2 พันลบ. -15.8% Q-Q, +2.9% Y-Y และทำให้กำไรปกติปี 2017 จบที่ 8 พันลบ. หดตัวเพียง 2% Y-Y ซึ่งดีกว่าที่เราคาด จากทั้งรายได้และ Margin ที่ขยายตัวดีกว่าคาด ทำให้ประมาณการกำไรปกติ 2018 ของเรามี Upside ราว 5% เราอยู่ระหว่างทบทวนประมาณการ โดยจะเข้ารับฟังข้อมูลเพิ่มเติมจากการประชุมนักวิเคราะห์วันที่ 7 มี.ค. ทั้งในส่วน Guidance ปีนี้ รวมถึงความคืบหน้าของ Wellness Clinic คงราคาเป้าหมายที่ 23 บาท แนะนำซื้อเก็งกำไร
(0) TRUE กำไรสุทธิ 4Q17 อยู่ที่ 5.4 พันลบ. แต่หากตัดกำไรพิเศษจากการขายสินทรัพย์เข้า DIF 6.5 พันลบ. จะพลิกมามีขาดทุนปกติราว 1 พันลบ. ใกล้เคียงกับช่วง 3Q17 ส่งผลให้ปี 2017 มีผลขาดทุนปกติราว 6.1 พันลบ. สูงขึ้นจากปีก่อนเล็กน้อย เรายังคงประมาณการขาดทุนปกติปี 2018 ที่ 4 พันลบ. เนื่องจากค่าเช่าสินทรัพย์จาก DIF เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะ แต่เริ่มเห็นพัฒนาการดีขึ้นในแง่การควบคุมต้นทุนซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการแข่งขันที่เริ่มลดความรุนแรง คงคำแนะนำซื้อเก็งกำไร ราคาเป้าหมาย 6.50 บาท
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
2 มี.ค.
|
- ไทย: อัตราเงินเฟ้อ (ก.พ.)
|
5 มี.ค.
|
- จีน: Caixin China PMI Composite (ก.พ.)
- ยูโรโซน: Markit Eurozone Composite PMI (ก.พ.)
|
6 มี.ค.
|
- ศาลฎีกาตัดสินคดีความหงสากระทบ BANPU-BPP
|
7 มี.ค.
|
- ยูโรโซน: 4Q17 GDP
|
- (-) ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลดลงในช่วงสองวันที่ผ่านมาเฉลี่ยวันละ 1-1.5% หลังตลาดมีความกังวลเรื่องสงครามทางการค้า เนื่องจากแนวคิดเรื่องการขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมของปธ.ทรัมป์
- (-) ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลงหลังจากผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ รวมไปถึงตลาดยังจับตาการแถลงการเรื่องข้อตกลงกับสหภาพยุโรปของนายกรัฐมนตรีของอังกฤษในวันศุกร์
- (0) ตลาดหุ้นญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ปรับตัวลงตามตลาดหุ้นสหรัฐ อย่างไรก็ตามตลาดฮ่องกงและจีนยังคงปรับตัวขึ้นเล็กน้อย
- ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นในช่วงก่อนหน้า ก่อนจะปรับตัวลงมาหลังความกังวลเรื่องภาษีนำเข้า ล่าสุดอยู่ในกรอบ 31.50 บาท/ดอลลาร์
- (-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. ปรับลดลงมาอยู่ที่ 61.38 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังตัวเลขการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐที่ปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงการคาดการณ์เรื่องสต็อคน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสหรัฐที่อาจเพิ่มขึ้นเช่นกัน
- ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. ปรับตัวลดลงเล็กน้อย มาอยู่ที่ 1,315.57 ดอลลาร์/ออนซ์
ข่าวเด่น