ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน ศุกร์ที่ผ่านมา SET ปรับตัวลงแรง (05/03/61)


 Market summary

  เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา SET ปรับตัวลงแรงตามภูมิภาคจากแรงขายทำกำไรในหุ้นใหญ่นำโดย PTT group (PTT, PTTEP, PTTGC, IRPC)  และ AOT, BANPU ในขณะที่มีแรงขายทำกำไรต่อเนื่องในกลุ่มโรงไฟฟ้าและพลังงานทดแทนอย่าง GPSC,EA, BCPG,GULF ส่งผลให้ ณ.สิ้นวัน SET ปิดที่ระดับ 1,811.9 จุด (-18 จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขายราว 7.0 หมื่นล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับวานที่ผ่านมาที่ 7.69 หมื่นล้านบาท
  นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยที่ 3,583 ล้านบาท และเปิด Short  SET50 index future ที่ 20,235 สัญญา  

Investment theme
  สัปดาห์นี้มีปัจจัยจากทั้งต่างประเทศและในประเทศ ส่งผลต่อการลงทุน: สัปดาห์นี้มีหลายปัจจัยจากต่างประเทศและในประเทศกดดันตลาดหุ้น โดยในช่วงกลางสัปดาห์แนะนักลงทุนจับตา Trump พิจารณามาตราการภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมจากต่างประเทศ ซึ่งเรามองว่าประเด็นดังกล่าวอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการกีดกันทางการค้าของหลายประเทศทั่วโลก ( สงครามการค้า) และหากเกิดขึ้นจริงแนะจับตาการตอบโต้ของคู่ค้าหลักอย่างจีนและยุโรปผ่านสินค้าอื่นๆ เช่น สินค้าเกษตร , อาหารสัตว์แปรรูป , อาหารแช่แข็ง  สำหรับผลกระทบต่อประเทศไทย อาจทำให้ปริมาณเหล็ก,อลูมิเนียมจากฝั่งจีนไหลเข้ามายังภูมิภาคบ้านเรามากขึ้น ส่งผลกดดันต่อราคาเหล็กในประเทศ( เป็นบวกต่อกลุ่มก่อสร้าง ในขณะที่กลุ่มยานยนต์ใช้คุณภาพเหล็กที่สูงจากญี่ปุ่น) อย่างไรก็ตามหากสินค้าทะลักเข้ามามากเกินไปอาจส่งผลลบต่อผู้ประกอบการเหล็กในประเทศในการแย่งส่วนแบ่งการตลาด และสำหรับปัจจัยในประเทศมุ่งไปที่ 1) การขึ้นเครื่องหมาย XD ของหลายบริษัทขนาดใหญ่ในประเทศนำโดย  PTT, PTTGC , TU และอื่นๆอีกมาก อาจเป็นปัจจัยกดดัน SET และ2) แนะติดตามศาลฏีกาพิจารณาคดีหงสา (BANPU, BPP) ในวันที่ 6 มีนาคมนี้ 
  Investment Theme: สำหรับกลยุทธ์การลงทุนสัปดาห์นี้ จากปัจจัยที่กล่าวมา ในระยะสั้นคาด SET เผชิญกับแรงกดดัน โดยเรามองแนวรับบริเวณ 1,800 จุด แนะสะสมหุ้นที่คาดผลประกอบการ 1Q61 เติบโตดี นำโดย BH , CPN, BGRIM

Big issue
  เมื่อคืนที่ผ่านมา –  Poll ระบุอิตาลีมีโอกาสจัดตั้งรัฐบาลผสม / Dollar อ่อนตัวลงเล็กน้อยบริเวณ 89.9 /  
  บทวิเคราะห์วันนี้ :  TPIPP, BEM

Stock pick : BH
BH : ทยอยสะสมราคาเป้าหมายสู่ 230.0 บาท/หุ้น    
  บริษัทรายงานกำไร 4Q60 สูงกว่าที่เราและตลาดคาด 5-7% จากอัตรากำไรที่สูงขึ้น และคาด EBITDA margin (%) มีโอกาสทำสถิติสูงสุดต่อเนื่องใน 1Q61 ที่ประมาณ 35% (จาก 30% ใน 4Q60) ส่วนหนึ่งจากการปรับขึ้นค่ารักษาสูงกว่า 5% (เมื่อเทียบกับกลุ่ม) 
ในปี 2561 คาดปริมาณผู้ป่วยเพิ่มขึ้นต่อเนื่องประมาณ 5%โดยเฉพาะจากฝั่งเอเชียแปซิฟิก ฝั่งตะวันออกเริ่มทรงตัว ในขณะที่บริษัทเริ่มปรับแผนผังโรงพยาบาลเน้น Wellness ที่มี EBITDA margin(%) สูงกว่าระดับปกติประมาณ 5% ซึ่งเรามีมุมมองเชิงบวก และยังไม่รวมไว้ในประมาณการ
  ปัจจุบันบริษัทมีกระแสเงินสดสูงกว่า 2.0 พันล้านบาท เปิดโอกาสการขยายกิจการอีกมาก เราคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเหมาะสม 230.0 บาท/หุ้น
  Trading idea – – ทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานดีที่เป็นตัวแทนของแต่ละกลุ่ม : BJC, IRPC, ADVANC, BH, ERW, IVL, BGRIM, GOLD, LH, ATP30, JUBILE

Technical View

  หลุด 1820 คาดกลับลงไปสร้างฐานกรอบ 1790-1820: แรงขายจากหุ้น Big Cap. หลากหลายกลุ่ม ทำให้ดัชนีปรับตัวลงหลุดแนวรับสำคัญที่ 1820 ทำให้ระยะกลางเสียโมเมนตัมในการดีดกลับขึ้นทดสอบ High เดิม ทำให้ขณะนี้มองว่า ในระยะกลางดัชนีมีโอกาสแกว่งลงไปสร้างฐานในกรอบ 1790-1820 ซึ่งภาพระยะยาวหากดัชนีไม่หลุดแนวรับเส้น Uptrend ที่ 1790 ยังมองว่ายังคงเป็นการพักตัวในกรอบขาขึ้น โดยระหว่างวันมองแนวรับที่ 1800 และ 1790 ส่วนแนวต้านมองที่ 1820 และ 1825 กลยุทธ์การลงทุน 1) มีหุ้น: ต้องลดพอร์ตการลงทุน เนื่องจากหลุด 1820 หากยังมีหุ้นใช้ 1810 เป็นจุดขายทำกำไร 2) ไม่มีหุ้น: พิจารณาแรงขายตามแนวรับ หากเริ่มมีแรงซื้อกลับอาจใช้เป็นจุดทอยอสะสมหุ้น
  แนวรับ : 1800, 1790 แนวต้าน : 1820, 1825

Eyes on
  ปัจจัยต่างประเทศ : : ประชุม ECB 8 มี.ค. / ประชุม BoJ 9  มี.ค. 
  ปัจจัยในประเทศ : สนช.พิจารณา พ.ร.ป. การเลือกตั้งส.ส. และที่มา ส.ว. / ศาลพิจารณาคดีหงสา 6 มี.ค.

หุ้นเทคนิค:
  CPALL (B 83.00-84.00, Tp 87.00//89.00, Cut 82.50)
  BJC (B 59.00, Tp 62.50, Cut 58.00)


บันทึกโดย : วันที่ : 05 มี.ค. 2561 เวลา : 10:08:48

22-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 22, 2024, 2:36 am