คำแนะนำ
พิจารณาโซน 1,331-1,333 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในการเปิดสถานะขาย ขณะที่การเปิดสถานะซื้อจำเป็นต้องรอการอ่อนตัวลงเข้าใกล้แนวรับซึ่งจะเป็นการเก็งกำไรระยะสั้นเท่านั้น
แนวรับ-แนวต้าน
แนวรับ 1,316 1,308 1,294
แนวต้าน 1,333 1,345 1,356
ปัจจัยพื้นฐาน
ราคาทองคำวันศุกร์ที่ผ่านมาปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 6.26 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยได้รับแรงหนุนจากความวิตกกังวลว่านโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐอาจนำไปสู่สงครามการค้าโลก หลังจากสหรัฐประกาศจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กในอัตรา 25% และอลูมิเนียม 10% ทำให้สหภาพยุโรปกำลังพิจารณาเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐเพิ่มขึ้นเพื่อให้เกิดความสมดุลทางการค้าระหว่างสหภาพยุโรปและสหรัฐ ด้านทางการจีนเตรียมดำเนินมาตรการตอบโต้หากการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมของสหรัฐกระทบต่อผลประโยชน์ของจีนเช่นกัน ทั้งนี้ การทำสงครามการค้าอาจกลับมาสร้างความเสียหายทั้งในด้านผู้ผลิตของสหรัฐที่ต้องเผชิญกับการตอบโต้จากบริษัทคู่แข่งต่างชาติ และทางด้านผู้บริโภคในสหรัฐที่อาจได้รับผลกระทบราคาสินค้าและการบริการปรับตัวสูงขึ้น และความวิตกดังกล่าวกดดันสกุลเงินดอลลาร์ให้อ่อนค่าและเป็นปัจจัยหนุนให้ราคาทองคำฟื้นตัวขึ้นจากจุดต่ำสุดในรอบ 2 เดือนอย่างต่อเนื่อง สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ อาทิ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการจากมาร์กิตและดัชนี PMI ภาคการผลิตจาก ISM
ปัจจัยทางเทคนิค
ระหว่างวันหากราคาทองคำไม่หลุด 1,316 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จะมีโอกาสดีดตัวขึ้นต่อ แต่กรอบแนวต้านด้านบนค่อนข้างจำกัด และการขยับขึ้นจะมีแนวต้านโซน 1,331-1,333 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากหลุดแนวรับแรก กรอบด้านล่างจะอยู่ที่ 1,308-1,302 ดอลลาร์ต่อออนซ์
กลยุทธ์การลงทุน GOLD SPOT & GOLD FUTURES
ราคาทองคำมีจุดเสี่ยงเปิดสถานะขายระยะสั้นในบริเวณ โซน 1,331-1,333 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ตัดขาดทุนหากยืนเหนือ 1,333 ดอลลาร์ต่อออนซ์) แต่หากราคาอ่อนตัวลงไปก่อนให้พิจารณาบริเวณ 1,316 ดอลลาร์ต่อออนซ์เป็นจุดเปิดสถานะซื้อ หากหลุดอาจชะลอการเข้าซื้อไปยังโซน 1,308-1,302 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ข่าวเด่น