เน้นหุ้นจ่ายปันผล

          กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : ช่วงนี้เป็นฤดูกาล XD วันนี้หุ้น PTT ขึ้นเครื่องหมาย XD 12 บาท ซึ่ง XD ของ PTT อาจจะถ่วง SET ในวันพรุ่งนี้ แต่เราแนะนำซื้อ PTT ในวันนี้เพื่อรับเงินปันผล และถือลงทุนยาวถึงราคาเป้าหมายใหม่ 664 บาท เนื่องจากภาพรวมธุรกิจพลังงานและปิโตรเคมีในปี 2561 ยังคงสดใสต่อเนื่องจาก 2H60 ที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีหุ้นกลุ่มธุรกิจไฟฟ้าอีกหลายตัวที่น่าสนใจเช่น BGRIM และ SSP ซึ่งทยอยเพิ่มกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง กรอบดัชนีวันนี้ 1,796-1,826 จุด หุ้นแนะนำ PTT, BGRIM, และ SSP

Stock           Comment
PTT               เลือกเป็น Pick of the day
BGRIM      ขยายธุรกิจไฟฟ้าต่อเนื่อง ปี 2561 มีกำลังผลิตเพิ่มอีก 400 MW โดย BGRIM ประกาศกำไรสุทธิ 2,126 ล้านบาทเติบโต 54% YoY ปันผล 0.30 บาท XD 20 มี.ค. 61 แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 33 บาท
SSP             เริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์โครงการฮิดะกะ ซึ่งเป็นโครงการโซลาร์ฟาร์มขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 21 MW ตั้งอยู่ ณ เมืองฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งทาง SSP ลงทุนในสัดส่วน 86.9% นอกจากนี้คาดปี 2561 จะรับผลบวกจากค่าเงินบาทอ่อนลงเมื่อเทียบกับค่าเงินเยน ที่เริ่มกลับมาแข็งค่าขึ้นในช่วงนี้ แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 10.70 บาท

หุ้นเด่นวันนี้ : PTT (ปิด 556.บาท; ซื้อ; AWS TP 664.00 บาท)
           แนวโน้มธุรกิจพลังงานและปิโตรเคมีในปี 2561 สดใส คาดรับรู้กำไรเพิ่มจาก PTTEP PTTGC และ IRPC รอรับปันผล 12 บาทต่อหุ้น XD 6 มี.ค.61 (โอกาสซื้อวันนี้วันสุดท้ายเพื่อรอรับปันผล) รับผลบวกทาง Sentiment จากการแตกพาร์ ประเมินราคาเป้าหมายใหม่ 664 บาท Upside 21% (รวม Dividend Yield รอบนี้ 2.16%) เรามีบทวิเคราะห์วันนี้ 
           หุ้นเด่นประจำเดือน มี.ค.61: PTTGC(TP 116 บาท) TTA  (TP 10.70 บาท) TMB (TP 3.40 บาท) PTT (TP 664 บาท)

ปัจจัยในประเทศ :

• อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือน ก.พ. 2561 เพิ่มขึ้น 0.42% YoY อยู่ที่ 101.21 หนุนโดยดัชนีราคาหมวดอื่นๆ ที่ไม่ใช่อาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งหมวดยาสูบและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ขณะที่เงินเฟ้อ 2 เดือนแรกเพิ่มขึ้น 0.56% YoY นอกจากนี้ เงินเฟ้อพื้นฐานเดือน ก.พ. เพิ่มขึ้น 0.63% YoY อยู่ที่ 101.71 ส่งผลให้เงินเฟ้อเฉลี่ยพื้นฐาน 2 เดือนแรกเพิ่มขึ้น 0.61% YoY (บางกอกโพสต์) ความเห็น: เงินเฟ้อดังกล่าวยังต่ำกว่าคาดการณ์เงินเฟ้อปี 2561 ของกระทรวงพาณิชย์ที่ 0.7-1.7% และ ธปท. ที่ 1.1% บ่งบอกว่าธนาคารกลางจะยังมีแนวโน้มคงนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อไป 
• สภาผู้ส่งออกฯ ยืนเป้าส่งออกปี 61 ขยายตัว 5.5% แม้ส่งออกเดือน ม.ค.จะปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งถึง 17.6% เนื่องจากผู้ส่งออกยังกังวลในเรื่องความผันผวนของค่าเงิน มาตรการกีดกันทางการค้าสหรัฐ และความเป็นไปได้ของมาตรการตอบโต้ของประเทศคู่ค้าสหรัฐ (บางกอกโพสต์)
• สนช.โหวต 2 กฎหมายลูก 8 มี.ค.นี้  วันนี้ (5 มี.ค.) จะมีการประชุมร่วมวิป 3 ฝ่ายกับรัฐบาล ซึ่งจะมีการหารือกันในรายละเอียดเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. และ ร่าง พ.ร.ป. ว่าด้วยการเลือกตั้ง แล้วก็จะนำเรื่องเข้าที่ประชุม สนช. ในวันที่ 8 มี.ค.ต่อไป   (Bangkokbiznews) ความเห็น: หากกฎหมายดังกล่าวผ่านการพิจาณาได้ตามกำหนดในวันที่ 8 มี.ค. 61 จะช่วยให้กำหนดการเลือกตั้งภายในเดือน ก.พ. 62 มีความเป็นไปได้มากขึ้น ส่งผลบวกต่อ Sentiment การลงทุน
• SIRI (ปิด 1.94 บาท; HOLD; AWS TP 2.09 บาท) SIRI รายงานกำไรสุทธิที่ใรปี 2560 ที่ 2,825 ล้านบาท ลดลงถึง 16.4% YoY ต่ำกว่าที่เราและตลาดคาดเนื่องจากมี SG&A ใน 4Q60 สูงถึง 2,035 ล้านบาท ซึ่งใช้ไปกับการเปิดโครงการและการลงทุนในต่างประเทศ ทั้งนี้ SIRI เตรียมเปิดโครงการในแนวราบซึ่งมีมูลค่ารวมถึง 29,715 ล้านบาท โตขึ้น 229% YoY และโครงการคอนโดมิเนียม 12 โครงการมูลค่ารวม 33,500 ล้านบาท เราคาดว่าปีนี้จะเป็นปีที่ลำบากสำหรับ SIRI ในเรื่องของยอด Backlog ปัจจุบันที่อยู่ในระดับต่ำซึ่งอาจจะเป็นปัจจับที่จะกระทบกับเป้ารายได้ เราคงแนะนำ "ถือ" และปรับราคาเป้าหมายจาก 2.16 บาทเป็น 2.08 เพื่อสะท้อนค่าใช้จ่ายในการเปิดตัวโครงการต่างๆของแสนสิริที่คาดว่าจะสูงมากในปีนี้

ตลาดต่างประเทศ :

• ตลาดหุ้นสหรัฐฯ : ดาวโจนส์ปิดลบ 70.92 จุด ปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นวันที่ 4 จากการที่นักลงทุนยังคงมีความวิตกเกี่ยวกับการเกิดสงครามการค้า หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศว่า สหรัฐฯ จะเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็ก ในอัตรา 25% และอลูมิเนียม ในอัตรา 10% ซึ่งต้องติดตามผลในสัปดาห์นี้ นักลงทุนและนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับมาตรการดังกล่าวของทรัมป์ อย่างไรก็ดี ดัชนี S&P500 และดัชนี Nasdaq ปิดตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากนักลงทุนมองว่า ปฏิกิริยาตอบกลับที่ตลาดมีต่อการประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมนั้นเลยเถิดเกินไป
• หุ้นยุโรป-อังกฤษ : ปิดร่วง เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับการที่สหรัฐฯ อาจจะเปิดศึกการค้า

สินค้าโภคภัณฑ์ :

• ราคาทองคำ : ปิดบวกเพิ่มขึ้น 18.2 ดอลลาร์ หรือ 1.39% ปิดที่ 1323.40 ดอลลาร์/ออนซ์ จากแรงซื้อหลังนักลงทุนวิตกสงครามการค้า โดยนักลงทุนเข้าซื้อทองในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความวิตกที่ว่าสหรัฐฯ จะจุดปะทุการทำสงครามการค้า หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศว่า สหรัฐฯ จะเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมในสัปดาห์นี้ นอกจากนี้ การอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ จากความวิตกเดียวกันนี้ ช่วยหนุนราคาทองคำ
• ราคาน้ำมัน : ปิดบวกเล็กน้อย WTI เพิ่มขึ้น 26 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 61.25 ดอลลาร์/บาร์เรล; เบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 54 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 64.37 ดอลลาร์/บาร์เรล ราคาน้ำมันดิบฟื้นตัวขึ้นหลังปรับตัวลดลงติดต่อกันถึง 3 วัน ขณะที่แท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐฯ มีจำนวนสูงสุดสู่ระดับ 800 แท่น ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบเกือบ 3 ปี นับตั้งแต่เดือน เม.ย. 2558
• ดัชนีค่าระวางเรือ BDI : ปิดวันทำการล่าสุดที่ 1,207 จุด เพิ่มขึ้น 11 จุด
• ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ : ดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลงมาอยู่ที่ 89.977 จุด หลังจากแข็งค่าขึ้นไปถึง 90.932 จุด ในรอบนี้ เนื่องจากความวิตกเกี่ยวกับการทำสงครามการค้า หลังทรัมป์ประกาศว่า สหรัฐฯ จะเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียม