คำแนะนำ
เสี่ยงขายในบริเวณ 1,331-1,333 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ตัดขาดทุนหากยืนเหนือ 1,333 ดอลลาร์ต่อออนซ์) ทั้งนี้ควรพิจารณาการแกว่งตัวของราคาทองคำและการแกว่งตัวของค่าเงินบาทเพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุน
แนวรับ-แนวต้าน
แนวรับ 1,316 1,308 1,294
แนวต้าน 1,333 1,345 1,356
ปัจจัยพื้นฐาน
ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวลดลง 2.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์ ขณะที่สินทรัพย์เสี่ยงอย่างดัชนีดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้น 336.70 จุดเมื่อคืนนี้ หลังจากนักลงทุนบางส่วนคลายความวิตกเกี่ยวกับสงครามการค้าหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทวีตข้อความว่า สหรัฐอาจยกเลิกการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียม อย่างน้อยที่สุดสำหรับแคนาดาและเม็กซิโกหากมีการเจรจา NAFTA ที่เป็นธรรม นอกจากนี้ดอลลาร์ยังได้รับแรงหนุนเพิ่มจากการเปิดเผยดัชนี PMI รวมภาคการผลิตและภาคบริการของสหรัฐจากมาร์กิตที่พุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือนอีกด้วย อย่างไรก็ตามราคาทองคำปรับตัวลงค่อนข้างจำกัดเนื่องจากนักลงทุนส่วนหนึ่งยังคงวิตกเกี่ยวกับนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐ รวมถึงได้รับแรงหนุนจากความไม่แน่นอนทางการเมืองในอิตาลีหลังผลการนับคะแนนเลือกตั้งในช่วงแรกพบว่าไม่มีพรรคการเมืองหรือกลุ่มพรรคการเมืองใดครองเสียงข้างมาก ส่งผลให้มีแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยเข้ามาพยุงราคาทองคำไว้ สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยยอดสั่งซื้อภาคโรงงานและการสำรวจความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจจาก IBD/TIPP
ปัจจัยทางเทคนิค
หากราคาทองคำทดสอบแนวต้านที่ 1,331-1,333 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ถ้ายังไม่สามารถผ่านได้ ซึ่งนักลงทุนยังคงต้องระมัดระวังแรงขายทำกำไรเนื่องจากช่วงที่ผ่านมาเมื่อราคาทองคำมีการปรับตัวขึ้นยังคงมีแรงขายออกมาเช่นกัน อย่างไรก็ตามหากการอ่อนตัวลงของราคาไม่หลุดโซนแนวรับระยะสั้นอยู่ที่ 1,316 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ประเมินว่าเป็นการอ่อนตัวลงเพื่อสะสมแรงซื้ออีกครั้ง
กลยุทธ์การลงทุน GOLD SPOT & GOLD FUTURES
เสี่ยงเปิดสถานะขายในบริเวณ 1,331-1,333 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ลดพอร์ตการลงทุนสถานะขายหากราคายืนเหนือ 1,333 ดอลลาร์ต่อออนซ์) หากราคาอ่อนตัวลงให้พิจารณาในโซน 1,316 ดอลลาร์ต่อออนซ์เป็นจุดปิดสถานะขายเพื่อทำกำไร
ข่าวเด่น