Market Summary 05/03/2018
Close
|
1,808.89
|
Volume
|
Bt69,971M
|
Change
|
-3.09
|
P/E
|
18.62
|
%Change
|
-0.17%
|
P/BV
|
2.10
|
หุ้นแนะนำพิเศษ
BH (ราคาปิด 207 บาท Bloomberg Consensus 213.06 บาท)
- เริ่มเห็นการฟื้นตัวของจำนวนผู้ป่วยจากตะวันออกกลาง และยังได้ประโยชน์จากจำนวนนักท่องเที่ยวในประเทศไทยที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะจากประเทศจีนที่เข้ามาใช้บริการหลายแบบทั้งการรักษามะเร็ง และการใช้บริการชะลอความชรา นอกจากนี้ ศูนย์ Wellness Center “Vitallife” ยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องจากปี 60 ที่คิดเป็นสัดส่วนรายได้ราว 3.5% หลัง BH ยังมีแผนเพิ่มบริการทางการแพทย์ในศูนย์ดังกล่าวในปีนี้
- แม้ Bloomberg Consensus คาดกำไรปี 61 เติบโต 8.45%YoY ซึ่งอาจอยู่ในระดับค่าเฉลี่ยของกลุ่มฯ รวมถึง Valuation ยังอาจไม่จูงใจมากนักด้วย Forward PER ที่ 37 เท่า (เทียบเฉ,ยกลุ่มที่ 38 - 39 เท่า) อย่างไรก็ตาม BH ยังคงเป็น รพ.ระดับ High End ที่น่าจะสร้างการเติบโตอย่างมีเสถียรภาพไปได้อย่างต่อเนื่องตามความพึงพอใจของผู้ป่วยทั่วโลกได้อย่างต่อเนื่องจากความพยายามเพิ่มคุณภาพ และการรักษามาตรฐานของการให้บริการ
Market View : คลายกังวลสงครามการค้า
หุ้นแนะนำพิเศษ : BH
หุ้นมีข่าว : BANPU CGD SGP
Technical Insight : BR GOLD
ภาวะตลาดหุ้นไทยวานนี้อ่อนตัวในภาคเช้าก่อนจะมีการ Rebound ช่วงบ่าย ภายใต้ความกังวลเรื่องสงครามการค้าหลังสหรัฐฯขู่ขึ้นภาษีการนำเข้าเหล็กและอลูมีเนียม ขณะที่ราคาน้ำมันฟื่นตัว โดยรวม PETRO TRANS กดดันหลัก ชดเชยเพียงโดย COM ส่งผลให้ SET Index ปิดที่ 1,808.89 จุด (-3.09 จุด) Volume 6.97 หมื่นลบ.โดย Foreign Net -5,073.14 ลบ. TFEX Net -4,933 สัญญา ตราสารหนี้ -7,790.51 ลบ.
แนวโน้มตลาดหุ้นไทย
+ดาวโจนส์ปิดพุ่งเนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกเกี่ยวกับสงครามการค้า หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ส่งสัญญาณว่า สหรัฐอาจยกเลิกการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียม
+ดัชนีภาคการผลิต และภาคบริการขั้นสุดท้ายของสหรัฐ พุ่งขึ้นสู่ระดับ 55.8 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2558
+น้ำมันดิบปิดพุ่งขานรับ IEA ระบุว่า ความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลกจะยังคงขยายตัวต่อเนื่องจนถึงปี 2566 นอกจากนี้ ยังได้ผลบวกจากการปิดแหล่งน้ำมัน เอล ฟีล ในประเทศลิเบีย
+ยอดค้าปลีกในยูโรโซนเพิ่มขึ้นเกินคาดในเดือนม.ค. โดยปรับตัวขึ้น 2.3%
-ดัชนีภาคบริการของสหรัฐร่วงลงสู่ระดับ 59.5 ในเดือนก.พ.
-ดัชนีภาคการผลิตและบริการขั้นสุดท้ายของยูโรโซน อยู่ที่ 57.1 ในเดือนก.พ. ลดลงจากตัวเลขเบื้องต้น
-ผลการเลือกตั้งอิตาลีไม่มีฝ่ายใดได้เสียงข้างมากพอที่จะจัดตั้งรัฐบาล ได้โดยพันธมิตรพรรคฝ่ายขวามีแนวโน้มได้คะแนนเสียงมากที่สุด
+/- Fund Flow ต่างชาติขายติดต่อกันเป็นวันที่ 3 รวม 1.21 หมื่นล้านบาท (YTD ขาย 5.57 หมื่นล้านบาท) ขณะที่เงินบาทแข็งค่าสู่ 31.36 บาท/USD
**8 มี.ค. จับตาการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB)
**9 มี.ค. จับตาการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ)
ภาวะตลาดหุ้นไทยวันนี้ได้รับปัจจัยหนุนจากตลาดหุ้นทั่วโลกที่ดีดตัวหลังคลายกังวลสงครามการค้า ราคาน้ำมันดิบที่ปรับขึ้นหนุน sentiment เชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มพลังงานยกเว้น PTT ที่จะ XD ในวันนี้ ขณะที่ Fund Flow ยังผันผวน ดังนั้นคาด SET จะปรับตัวขึ้นได้ในกรอบกรอบ 1,797-1,819 จุด อย่างไรก็ตามการจ่ายปันผลของ PTT จะส่งผลลบต่อดัชนี 3 จุด
กลยุทธ์การลงทุน เก็งกำไรกลุ่มที่มีปัจจัยสนับสนุน
- PTTEP PTTGC IRPC ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นสู่ 62.57$/bbl
- TVO ราคากากถั่วเหลือง +25%QTD ขณะที่ราคาเมล็ดถั่วเหลืองปรับเพิ่มขึ้นเพียง 11%QTD และได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทแข็ง
- หุ้นปันผลเด่น ASEFA BAFS CPT CRD FTE GLOW KKP NYT PSH PTTGC SCB SF SIS SMPC SPRC TK TOP WHAUP TISCO QH
หุ้นมีข่าว
- BANPU (ราคาปิด 23.20 Bloomberg Consensus 25.83) ศาลฎีกาอ่านคำตัดสินเรื่องคดีความหงสาวันนี้เวลา 9.00 น. โดยเราประเมินว่าในแง่ร้ายที่สุดน่าจะกระทบกับราคาหุ้นราว 6 บาท (อิงตามค่าเสียหายตามศาลชั้นต้น 3.17 หมื่นล้านบาท) โดยเราประเมินผลกระทบต่อราคาหุ้น BANPU ว่าหากตัดสินให้จ่ายค่าเสียหายทุก ๆ 5 พันล้านบาทจะส่งผลลบต่อราคาหุ้น 1 บาท อย่างไรก็ตามหากศาลตัดสินแล้วในวันนี้เรามองเป็นจังหวะในการลงทุนเนื่องจากไม่มีปัจจัยกดดันต่อราคาหุ้นและผลประกอบการของบริษัทมีโอกาสเติบโตตามราคาถ่านหินที่ทรงตัวในระดับสูงเกิน 100 $/Ton โดย Bloomberg Consensus คาดว่าผลประกอบการปี 61 อยู่ที่ราว 1.24 หมื่นล้านบาท +57%YoY
- (+) CGD (ราคาปิด 1.57 ซื้อเก็งกำไร อยู่ระหว่างทบทวนราคาเหมาะสม จากเดิม 1.45 บาท) ผู้บริหารคาดผลการดำเนินงานปี 61 มีแนวโน้มเติบโตก้าวกระโดดจากการรับรู้รายได้โครงการเจ้าพระยาเอสเตทมูลค่า 3.2 หมื่นลบ.ซึ่งประกอบด้วยโรงแรม 2 แห่งและคอนโดฯซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปีนี้ตามแผน ส่งผลให้มีการรับรู้รายได้ในช่วงปลายปี ทำให้มีโอกาสเห็นผลการดำเนินงานพลิกกลับมีกำไรตั้งแต่ช่วงปลายปี นอกจากนี้บริษัทได้เข้าซื้อที่ดินบนถนนวงแหวนอุตสาหกรรมขนาดพื้นที่กว่า 23 ไร่ รวมมูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท เพื่อนำมาพัฒนาเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับไฮเอนด์ในอนาคต ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานปี 60 มีรายได้รวม 1,108 ล้านบาท +88% เนื่องจากมีการโอนอาคารชุดโครงการอิลีเมนท์ ศรีนครินทร์ มากกว่า 909 ล้านบาท +158% แต่ยังมีคชจ.สูงอยู่เนื่องจากโครงการเจ้าพระยาเอสเตทยังอยู่ระหว่างก่อสร้างส่งให้มีผลขาดทุนสุทธิ 193 ล้านบาท ลดลงจากขาดทุนสุทธิ 276 ล้านบาทในปี 59
- ความเห็น ผลการดำเนินงานปี 60 ขาดทุนน้อยกว่าคาดการณ์ของฝ่ายวิจัยที่คาดว่าจะขาดทุน 238 ล้านบาท ทั้งนี้การเริ่มโอนโครงการเจ้าพระยาเอสเตทในช่วงปลายปีนี้ทำให้ผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้มีโอกาสพลิกทำกำไรจากที่มีผลขาดทุนมาตลอด 3 ปีในปี 58 – 60 ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยอยู่ระหว่างทบทวนประมาณการกำไรปี 61 ที่ระดับเดิม 421 ล้านบาทและราคาเหมาะสมเดิมที่ 1.45 บาท แนะนำซื้อเก็งกำไรผลการดำเนินงานที่มีแนวโน้ม turnaround ในปีนี้
- (+/-) SGP (ราคาปิด 31.25 บาท) ผู้บริหารยังคงมองหาโอกาสลงทุนธุรกิจ LNG ในจีน ชัดเจนในปี 61 ส่วน LPG จากปัจจุบันครองตลาดในพื้นที่ตอนใต้ของจีน มีแผนขยายไปทางภาคเหนือมากขึ้น โดยตั้งเป้ามียอดขายปี 61 อยู่ที่ 1.5 ล้านตัน เทียบกับปี 60 ที่ราว 1.3 ล้านตัน โดยในอนาคตมีแผนนำบริษัทในจีนเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกง ทั้งนี้ เป็นผลให้ภาพรวมยอดขายปี 61 คาดเติบโต 10%YoY ส่วนประเทศในกลุ่ม ASEAN มีแผนขยายท่าเรือ 2 ประเทศ คือ มาเลเซีย และเมียนม ราวปลายปี 61 – ต้นปี 62 ส่วนธุรกิจ รฟฟ.มี COD อยู่แล้ว 230 MW (ถือหุ้น 36.1%) และเตรียม COD อีก 1 แห่ง 10 MW ก่อนสงกรานต์ ส่วนธุรกิจ LNG ในไทย ต้องรอ TOR จาก EGAT คาดชัดเจนในปี 61 เรื่องการจัดหา LNG 1.5 ล้านตัน ก่อนเข้าร่วมประมูล (ที่มา : หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้น)
- ความเห็น การขยายไป LNG และการขยายตลาดสู่ภาคเหนือของ LPG ในประเทศจีน คาดเป็นปัจจัยสำคัญต่อ Volume ของ SGP มากสุด เนื่องจากนโยบายของภาครัฐฯจีนที่สนับสนุนให้เพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานจากแหล่งอื่น อาทิ ก๊าซธรรมชาติในระยะ 20 ปี ข้างหน้า เบื้องต้น คาดว่า SGP น่าจะพิจารณาการเข้า Take over ผู้ประกอบการที่มี Asset เพียบพร้อมอยู่แล้ว เช่นเดียวกับการไปเริ่มบุกตลาดจีนเมื่อ 7 – 8 ปีก่อน โดยการ Take over ท่าเรือและคลังแก๊สจาก Chevron มา Renovate อย่างไรก็ตาม ราคาก๊าซธรรมชาติปัจจุบันอ่อนตัวลงจากต้นปีกว่า 16% มาอยูที่ 480 เหรียญฯต่อตัน อาจกดดันผลกำไรจาก Stock gain งวด 1Q61 เมื่อเทียบกับงวดก่อนหน้า
- (+) BIZ (ราคาปิด 3.60 ลงทุนระยะยาว 4.80) เซ็นสัญญาขายเครื่องฉายรังสีพลังงานสูงให้ รพ.มหาราชนครราชสีมา มูลค่า 129.10 ลบ.
- (+) PTTEP (ราคาปิด 111.50 Bloomberg Consensus 124.22) เผยข่าวดี รัฐบาลโมซัมบิกอนุมัติแผนพัฒนา “แหล่งโกลฟินโญ-อาตุม” แล้ว เตรียมเข้าสู่ขั้นตอนตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้าย ฟากบริษัทร่วมทุนเซ็นสัญญาซื้อขายก๊าซ LNG กับผู้ผลิตไฟฟ้าฝรั่งเศส 15 ปี ปริมาณ 1.2 ล้านตัน/ปี (ที่มาข่าวหุ้น)
- (+) STEC (ราคาปิด 19.60 Bloomberg Consensus 24.61) เซ็นสร้างโครงสร้างทางวิ่งเดี่ยว สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู-สายสีเหลือง มูลค่ารวม 7.83 พันลบ.
ข่าวเด่น