Market summary
เมื่อวานที่ผ่านมาเป็นอีกหนึ่งวันที่ SET ผันผวนสูงโดยในช่วงเช้ามีแรงซื้อเด่นในหุ้นขนาดใหญ่นำโดย ADVANC, CPF, SCC และ PTTEP อย่างไรก็ตามในช่วงบ่ายเกิด Sell on fact ภายหลังศาลตัดสินคดีหงสา BANPU (ถูกเก็งกำไรขึ้นมากว่าหนึ่งเดือน) และมีแรงขายทำกำไรต่อเนื่องในกลุ่มโรงไฟฟ้าอย่าง EA, BCPG, GULF ประกอบกับการขึ้นเครื่องหมาย XD ของ PTT, CPN เป็นอีกปัจจัยกดดัน ส่งผลให้ณ.สิ้นวัน SET ปิดที่ระดับ 1,799.0 จุด (-9.8 จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขายราว 7.9 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับวานที่ผ่านมาที่ 6.9 หมื่นล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อหุ้นไทยอีกครั้งที่ 1,165 ล้านบาท และกลับมาเปิด Long SET50 index future ที่ 3,060 สัญญา
Investment theme
หลีกเลี่ยงหุ้น SMID , Story หันทยอยสะสมหุ้นใหญ่พื้นฐานดี, Gary Cohn ลาออกที่ปรึกษาเศรษฐกิจสหรัฐ สร้างความกดดันต่อตลาดหุ้น : ภายหลังการรายงานผลประกอบการ 4Q60 และการรายงาน GDP ที่ผ่านมา สะท้อนภาพในลักษณะคล้ายกันคือ กำลังซื้อของกลุ่มคนกำลังซื้อต่ำยังฟื้นตัวช้า ในขณะที่ภาค SME ยังคงฟื้นตัวช้ากว่าคาด เป็นหนึ่งในเหตุเราแนะนักลงทุนหลีกเลี่ยงการลงทุนในหุ้นที่ถูกขนาดกลางและเล็กที่ถูกเก็งกำไรบนความคาดหวังที่สูงแต่เริ่มเห็นสัญญาณทำกำไรที่ลดลง ทั้งในส่วนของอัตรากำไร (margin%), ส่วนแบ่งการตลาดที่ลดลง (ถูกแย่ง Market share) และความสามารถในการจ่ายดอกเบี้ยลดลง ในขณะที่ปัจจัยต่างประเทศเริ่มกลับมากดดันตลาดอีกครั้งภายหลัง Gary Cohn ประกาศลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว ภายหลัง Trump ยังคงเดินหน้าแผนภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียม ส่งผลให้ล่าสุด DJ-future ปรับลงกว่า 400 จุด ในขณะที่ Dollar กลับมาอ่อนค่าอีกครั้งที่ 89.5
Investment Theme: สำหรับกลยุทธ์การลงทุนวันนี้ คงมุมมอง SET แกว่งตัวผันผวนกรอบ 1,790 จุด +/- แนะสะสมหุ้นที่คาดผลประกอบการ 1Q61 เติบโตดี นำโดย BH , CPN, BGRIM และมีมุมมองเชิงบวกต่อ VGI, BTS
Big issue
เมื่อคืนที่ผ่านมา – ศาลฏีกาตัดสินให้ BANPU และบริษัทในเครือจ่ายค่าเสียหายคดีหงสาเป็นเงินรวมดอกเบี้ยประมาณ 2,700 ล้านบาท / Cohn ลาออกจากที่ปรึกษาเศรษฐกิจสหรัฐ สร้างความวิตกต่อการใช้ภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียม
บทวิเคราะห์วันนี้ : BH (@1.70), CBG (@0.50) ขึ้น XD วันนี้
Stock pick : PTTEP
PTTEP: เก็งกำไรกรอบราคา 115.0-120.0 บาท
- ในระยะสั้นคาดราคาน้ำมันมีโอกาสฟื้นตัว ภายหลังเกิดความกังวลต่อแผนการบริหารภายใต้การดำเนินงานของ Trump อย่างต่อเนื่องส่งผลทางอ้อมกดดันค่าเงินดอลลาร์ สะท้อนการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันดิบอีกครั้ง ส่งผลให้ระยะสั้นเราคาดเกิด Technical rebound ในราคาน้ำมันดิบ (brent) ที่บริเวณ 65-67 เหรียญ/บาร์เรล
- ราคาหุ้นมีหลาย Catalyst ที่ยังไม่ถูกรวมในประมาณการนำโดยการเข้าซื้อสัดส่วน 22% ในโครงการบงกช (+4.0 บาท/หุ้น), สมมติฐานราคาน้ำมันดิบมี Upside (ทุกๆ 1 เหรียญส่งผลต่อราคาเป้าหมาย 2.0 บาท/หุ้น) ในขณะที่เชิงพื้นฐานคาดกำไร 1Q61 มีแนวโน้มเติบโต QoQ จากราคาขายที่ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น และต้นทุนต่อหน่วยที่คาดลดลง
Trading idea – – ทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานดีที่เป็นตัวแทนของแต่ละกลุ่ม : BJC, IRPC, ADVANC, BH, ERW, IVL, BGRIM,
Technical View
สัญญาณกลับตัวยังไม่คอนเฟิร์ม อาจแกว่งพักฐานสักระยะ : ตลอดทั้งวันดัชนีพยายามยืนเหนือแนวต้าน 1810 เพื่อคอนเฟิร์มสัญญาณ Hammer แต่หลัง 15.30 เกิดแรงขายจาก EA และ AMATA กดดันดัชนีให้ปรับตัวลงหลุดแนวรับจิตวิทยา 1800 ทำให้ขณะนี้สัญญาณกลับตัวขึ้นยังไม่ถูกคอนเฟิร์ม และระยะสั้นดัชนีอาจแกว่งพักฐาน แต่ไม่ควรหลุดแนวรับกรอบ Uptrend บริเวณ 1785-1790 เพื่อรักษาแนวโน้มการดีดตัวกลับตามแนวโน้มหลัก กลยุทธ์การลงทุน 1) มีหุ้น: หากไม่หลุด 1785 แนะนำถือหุ้นต่อ เนื่องจากยังอยู่ในกรอบขาขึ้น 2) ไม่มีหุ้น: พิจารณาแนวรับ 1785-1790 หากต้านแรงขายได้ อาจใช้เป็นจุดทยอยสะสม
แนวรับ : 1790, 1785 แนวต้าน : 1810, 1820
Eyes on
ปัจจัยต่างประเทศ : ประชุม ECB 8 มี.ค. / ประชุม BoJ 9 มี.ค.
ปัจจัยในประเทศ : สนช.พิจารณา พ.ร.ป. การเลือกตั้งส.ส. และที่มา ส.ว. หุ้นเทคนิค:
ADVANC (B 195.00-198.00, Tp 205.00//212.00, Cut 194.00)
PTTGC (B 95.00, Tp 98.50, Cut 94.00)
ข่าวเด่น