ราคาน้ำมันดีดขึ้น ขานรับเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่งและเจรจาเกาหลีเหนือที่มีความคืบหน้า
+ ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นราว 3% หลังเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีแนวโน้มเติบโตอย่างแข็งแกร่งและช่วยหนุนความต้องการใช้น้ำมันให้ปรับเพิ่มขึ้น สะท้อนจากการจ้างงานสหรัฐฯ ในเดือน ก.พ. 61 ที่เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 2 ปีกว่า ที่ 313,000 ตำแหน่ง นำโดยการจ้างงานในภาคก่อสร้างและอุตสาหกรรม
+ สถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และเกาหลีเหนือมีทิศทางที่ดีขึ้น โดยนาย โดนัลด์ ทรัมป์ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ตกลงที่จะพบนายคิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ ในเดือน พ.ค. นี้ หลังเกาหลีเหนือแสดงเจตจำนงในการปลดอาวุธนิวเคลียร์ในการประชุมหารือร่วมกับเกาหลีใต้ในสัปดาห์ที่ผ่านมา
+/- ผู้ผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐฯ ปรับลดการขุดเจาะน้ำมันดิบลงเล็กน้อยในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดย Baker Hughes รายงานจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบในสหรัฐฯ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 9 มี.ค. ลดลง 4 แท่นมาอยู่ที่ระดับ 796 แท่น อย่างไรก็ตาม ระดับดังกล่าวยังสูงกว่าปีก่อนหน้าที่ 617 แท่นและเป็นระดับที่สูงสุดในรอบ 3 ปี
+ สถานการณ์ความไม่สงบในประเทศลิเบียยังคงส่งผลกดดันต่อปริมาณการผลิตในประเทศอย่างต่อเนื่อง หลังแหล่งผลิตน้ำมันดิบ El Feel ซึ่งมีกำลังการผลิตราว 70,000 บาร์เรลต่อวัน ยังคงปิดดำเนินการ แม้ลิเบียจะสามารถบรรลุข้อตกลงกับกลุ่มก่อความไม่สงบในการเปิดดำเนินการแหล่งผลิตน้ำมันดิบดังกล่าวได้ตั้งแต่วันที่ 7 มี.ค. 61
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับแรงกดดันจากปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังที่สิงคโปร์ ที่ปรับตัวสูงขึ้นสูงสุดในรอบ 3 เดือน หลังเกาหลีใต้และจีนเพิ่มการส่งออกน้ำมันเบนซินมากขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวลดลงน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากอุปทานที่ปรับลดลงในช่วงการปิดซ่อมบำรุงของโรงกลั่น โดยเฉพาะที่อินเดีย อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดีเซลยังได้รับแรงกดดันจากอุปสงค์เพื่อทำความร้อนที่เริ่มปรับลดลง
ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 59-64 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 62-67 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ปัจจัยที่น่าจับตามอง
ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น จากความต้องการใช้น้ำมันดิบที่มีแนวโน้มปรับลดลงในช่วงฤดูกาลปิดซ่อมบำรุง ประกอบกับ ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยล่าสุด สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 2 มี.ค. 2560 ปรับเพิ่มขึ้น 2.4 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ระดับ 425.9 ล้านบาร์เรล
กำลังการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดย EIA คาดปริมาณการผลิตของสหรัฐฯ ในปี 2561 จะปรับเพิ่มขึ้นราว 1.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า สู่ระดับเฉลี่ยที่ 10.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน และขยายตัวสู่ระดับ 11.3 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2562 ซึ่งจะส่งผลให้สหรัฐฯ แซงหน้ารัสเซียกลายเป็นประเทศที่ผลิตน้ำมันดิบมากที่สุดในโลก
จับตาสถานการณ์ความไม่สงบภายในประเทศลิเบีย หลังแหล่งผลิตน้ำมันดิบ El Feel กำลังการผลิตอยู่ที่ 70,000 บาร์เรลต่อวัน ยังคงปิดดำเนินการ แม้ว่าแหล่งข่าวเผยว่าได้มีการเจรจาตกลงที่จะเปิดดำเนินการแหล่งน้ำมันดังกล่าวอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม แหล่งผลิตน้ำมันดิบ El Sharara กำลังการผลิต 340,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งหยุดดำเนินการชั่วคราวเนื่องจากได้รับผลกระทบจากการประท้วงเกี่ยวกับปัญหาทางด้านมลพิษ สามารถกลับมาดำเนินการผลิตได้ตามปกติแล้ว
ดัชนีและราคาที่สำคัญ
หมายเหตุ ปตท.-บางจาก ปรับลดราคาน้ำมันทุกชนิด 50 ส.ต./ลิตร ยกเว้น E85 ปรับลด 30 ส.ต./ลิตร มีผลตั้งแต่วันที่ 6 มี.ค. 61 ราคาน้ำมันเป็นราคาขายปลีก กทม. และปริมณฑล ที่ยังไม่รวมภาษีบำรุงท้องถิ่น
ข่าวเด่น