Market summary
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา SET แกว่งตัวในกรอบแคบ โดยมีแรงซื้อสลับกันในหุ้นใหญ่ โดยระหว่างชั่วโมงการซื้อขายมีแรงซื้อเด่นใน PTTGC, CPF, CPALL และ ADVANC ในขณะที่สลับขายใน PTT, SCC โดย ANAN ปรับตัวลงแรง จากการประชุมนักวิเคราะห์ที่มีสัญญาณการเลื่อนการรับรู้รายได้โครงการใหญ่ และ มีแรงขายทำกำไรใน BEC และ RS ณ.สิ้นวัน SET ปิดที่ระดับ 1,811.7 จุด (-4.3 จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขายราว 7.5 หมื่นล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับวานที่ผ่านมา 6.1 หมื่นล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติกลับมาขายอีกครั้งที่ 1,442 ล้านบาท และเปิด Long SET50 index future ต่อเนื่องอีก 556 สัญญา
Investment theme
สัปดาห์นี้ปัจจัยต่างประเทศ และในประเทศเข้มข้น แนะนักลงทุนชะลอการลงทุน: ในวันที่ 20-21 มีนาคมจะมีการประชุม FOMC ธนาคารกลางสหรัฐเพื่อพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็น 1.50-1.75% โดย Bloomberg ให้โอกาสการปรับขึ้นครั้งนี้สูงกว่า 84% หรือเรียกได้ว่า สภาวะตลาดทุนได้สะท้อนการปรับขึ้นครั้งนี้ไปไม่มากก็น้อยแล้ว อย่างไรก็ตามเราแนะนักลงทุนติดตามรายละเอียดในส่วนของ การจ้างงาน, กรอบอัตราเงินเฟ้อโดยคุณ Powell ในขณะที่ปัจจัยการเมืองต่างประเทศทวีความรุนแรงขึ้นภายหลัง Trump ลงนามสัญญา Taiwan Travel Act สร้างแรงกดดันต่อความสัมพันธ์จีนที่เริ่มลดลงเรื่อยๆ พร้อมทั้งเตรียมออกกฎหมายเพิ่มกำแพงภาษีในสินค้าชนิดอื่นๆจากประเทศจีน กลับมาทีปัจจัยการเมืองในประเทศ ในวันที่ 19-20 มี.ค.นี้แนะนักลงทุนติดตามสนช.อาจยื่นร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งส.ว.ให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ซึ่งหากศาลตีความเป็นบางเฉพาะบทกาล (บางมาตรา) ในขณะที่มาตราหลักยังคงอยู่ เราคาดการเลือกตั้งยังอยู่ใน Roadmap เดือนก.พ. 62
Investment Theme: สัปดาห์นี้คาด SET แกว่งตัวในกรอบ 1,800-1,820 จุด แนะชะลอการลงทุนเพื่อรอดูหลายๆปัจจัยที่กล่าวมา และหากตลาดหุ้นปรับฐานแนะทยอยสะสมหุ้นใหญ่อย่าง SCC, ADVANC และ BH
Big issue
เมื่อคืนที่ผ่านมา – ญี่ปุ่นมีมติรับรอง คุโรดะนั่งผู้ว่า BoJ อีกสมัย / Brent ปรับตัวขึ้นต่อที่ 66.2 เหรียญ / เริ่มเห็นสัญญาณหลายบริษัทชื่อดังในอังกฤษเช่น Uniliver, HSBC และอื่นๆ ประกาศย้ายสำนักงาน, ฐานการผลิตออกจากประเทศอังกฤษ ภายหลังยังไม่เห็นสัญญาณความคืบหน้าของการพูดคุย (กำหนดการ 1Q62) / Trump ลงนามบังคับใช้กฏหมาย Taiwan Travel Act เปิดทางให้สหรัฐสามารถส่งเจ้าหนี้ไปเข้าไต้หวัน สร้างความตึงเครียมต่อความสัมพันธ์สหรัฐ-จีน
บทวิเคราะห์ : ANAN (Downgrade) , TACC , PTTGC (Upgrade)
Stock pick : PTTEP
PTTEP: ทยอยสะสมราคาเป้าหมาย 125.0 บาท
ในระยะสั้นคาดราคาน้ำมันมีโอกาสฟื้นตัว ภายหลังเกิดความกังวลต่อแผนการบริหารภายใต้การดำเนินงานของ Trump อย่างต่อเนื่องส่งผลทางอ้อมกดดันค่าเงินดอลลาร์ สะท้อนการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันดิบอีกครั้ง ส่งผลให้ระยะสั้นเราคาดเกิด Technical rebound ในราคาน้ำมันดิบ (brent) ที่บริเวณ 65-67 เหรียญ/บาร์เรล
เราปรับประมาณการกำไรปี61/62ขึ้น 5.2-9.8% เป็น 3.31 และ 3.46 หมื่นล้านบาท จากการปรับสมมติฐานราคาน้ำมันดิบขึ้นเป็น 60 เหรียญต่อบาร์เรล ในขณะที่เชิงพื้นฐานคาดกำไร 1Q61 มีแนวโน้มเติบโต QoQ จากราคาขายที่ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น และต้นทุนต่อหน่วยที่คาดลดลง
Trading idea – – หลีกเลียงการซื้อขาย ANAN , ทยอยสะสม PTTGC (เราปรับราคาเหมาะสมขึ้นเป็น 116.0 บาท)
Technical View
แกว่งตัวในกรอบ 1800-1820 ลุ้นการ Break 1820: แรงซื้อจากกลุ่มสื่อสาร และกลุ่มปิโตรเคมี ช่วยให้ดัชนีปรับตัวขึ้นปะทะแนวต้าน 1820 อีกครั้ง แต่ยังคงไม่สามารถผ่านได้ ทำให้ขณะนี้ดัชนีแกว่งในกรอบ 1800-1820 ระยะสั้นหากไม่หลุด 1800 ยังคงลุ้นการผ่านแนวต้าน 1820 เพื่อกลับไปแกว่งกรอบบนช่วง 1820-1840 ส่วนระยะยาวหาก Break โซนแนวต้าน 1840-1850 จะถือเป็นการเริ่มกลับตัวขึ้นแบบ Double Bottom ภายในวันยังมองว่าจังหวะอ่อนตัวเป็นโอกาสสะสมหุ้นตามแนวรับ กลยุทธ์การลงทุน 1) มีหุ้น: ระยะสั้น เล่น Trading ในกรอบ 1800-1820, ระยะกลาง หาก Break 1820 แนะนำถือต่อ 2) ไม่มีหุ้น: จังหวะอ่อนตัวระหว่างวันสู่แนวรับ มองเป็นโอกาสสะสมหุ้น ทั้งเพื่อ Trading และลงทุน
แนวรับ : 1805, 1800 แนวต้าน : 1820, 1840
ปัจจัยต่างประเทศ : สหรัฐรายงาน PMI ภาคผลิตและบริการ 22 มี.ค.
ปัจจัยในประเทศ : จับตาสนช.เตรียมพิจารณาส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยหุ้นเทคนิค:
PTTEP (B 115.00-116.00, Tp 120.00//123.50, Cut 113.50)
CPALL (B 86.50, Tp 91.00, Cut 85.50)
ข่าวเด่น