แนวโน้มยังดีต่อในสัปดาห์นี้

          กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : คาดการณ์กรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1,800-1,820 จุด ยังมีความคาดหวังว่าในช่วงสิ้นสัปดาห์นี้จะปิดที่ระดับ 1,820-1,830 จุด ไปได้ ปัจจัยสำคัญสัปดาห์นี้ คือช่วง 21-22 มี.ค.มีการประชุมเฟด ของสหรัฐฯ ซึ่งขณะนี้มีผู้คาดการณ์แล้ว 86% ว่าเฟดจะปรับขึ้น Fed Funds Rate ในรอบการประชุมนี้อีกราว 0.25% จาก 1.50% เป็น 1.75% เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาอยู่ในเกณฑ์ที่ดี วันที่ 28 มี.ค.มีการประชุม กนง. ของ ธปท.คาดว่ายังคงประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% เนื่องจากเงินเฟ้อไทยไม่สูงและเศรษฐกิจไทยยังเติบโตไม่แข็งแกร่งโดยเฉพาะการบริโภค และการลงทุนภาคเอกชนที่ยังเติบโตในระดับไม่สูงนัก  หุ้นแนะนำ TISCO, KKP, PTT และ IVL 
          Theme ลงทุน ในรอบสัปดาห์นี้ หุ้นเด่นสัปดาห์นี้เลือก PTT

• 1. หุ้นเด่นปันผลดี KKP, GIFT, ADVANC
• 2. หุ้นรับผลบวกราคาน้ำมัน และสเปรดปิโตรเคมีเป็นขาขึ้น PTT, PTTEP, PTTGC, IVL, AJ, PTL
• 3. หุ้นเด่นเดือน มี.ค.61 PTTGC, TTA, TMB

Stock           Comment
TISCO        Pick of the day
KKP           ปัจจัยพื้นฐานเด่น ปันผลดี ซื้อรับปันผล 3.00 บาท XD 2 พ.ค. 61
PTT            หลังการชี้แจงข้อกังวล CEO คนใหม่ คาดว่าจะทำให้หุ้นคลายความกดดัน และเดินหน้าต่อตามราคาน้ำมันที่ปรับตัวดีขึ้น 
IVL             (ปิด 55.25 บาท; ซื้อ; AWS TP 68 บาท) ประกาศเข้าซื้อกิจการ "M&G Polimeros Brazil S.A." ในบราซิล กำลังผลิต 5.5 แสนตัน/ปี เพื่อเสริมแกร่งธุรกิจ PET ซึ่งเป็นโรงงานใหญ่ที่สุดในบราซิล คาดการซื้อกิจการจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในไตรมาส 2/61

หุ้นเด่นวันนี้ : TISCO (ปิด 91.00 บาท; ซื้อ; AWS  TP: 103.00 บาท) 
           เราชื่นชอบ TISCO จากคุณภาพสินทรัพย์ที่แข็งแกร่ง ROE ที่สูงสุดในกลุ่มธนาคาร และอัตราตอบแทนเงินปันผลที่ค่อนข้างดี โดย ณ สิ้นปี 2560 อัตราส่วนการตั้งสำรองต่อสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Coverage ratio) อยู่ที่ระดับสูงถึง 197% บ่งบอกถึงแรงกดดันที่ลดลงในการตั้งสำรองในอนาคต นอกจากนี้ เราคาดธนาคารจะรายงาน ROE ปี 2561 สูงที่สุดในกลุ่มที่ 18.8% สูงกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ 12% เราประมาณการ EPS ของ TISCO จะเติบโต 12.3% ในปี 2561 และ 8.5% ในปี 2562 นอกเหนือจากนั้นแล้ว ธนาคารประกาศจ่ายเงินปันผลสำหรับผลประกอบการปี 2560 ที่ 5 บาท/หุ้น คิดเป็นอัตราตอบแทนเงินปันผลที่ 5.5% มีกำหนดขึ้น XD วันที่ 27 เม.ย. 61
           Price Pattern ของ TISCO มีความแข็งแกร่งอย่างมากในแนวโน้มหลักที่เป็นแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) จากการเกิดทั้ง Daily, Weekly, & Monthly Buy Signal เมื่อพิจารณา Price Pattern ของ TISCO ยังบ่งบอกว่าจะได้เห็นการทำ New High อีกด้วย โดยมีเป้าหมายถัดไปของการทำ New High อยู่ที่ 102 บาท ทั้งนี้ TISCO มีจุด Stop Loss ระยะสั้นอยู่ที่ 86.75 บาท (Resistance: 91.50, 92.00, 93.25; Support: 90.50, 90.00, 88.75)

ปัจจัยในประเทศ :

• กระทรวงพาณิชย์คงแผนกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น ลดค่าครองชีพ เพิ่มการส่งออก และรักษาเสถียรภาพราคาพืชผลทางการเกษตร ซึ่งแผนเหล่านี้จะเป็นแผนงานหลักของกระทรวงฯ ในปี 2561 (บางกอกโพสต์) ความเห็น: เรามองว่าแผนงานดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งในความพยายามของรัฐบาลที่จะหนุนเศรษฐกิจไทยให้ฟื้นตัวเป็นวงกว้างมากขึ้น
• TACC (ปิด 4.70 บาท; NR; IAA Consensus 5.95 บาท) ปี 2560 TACC มีรายได้ 1,281 ล้านบาท (+8.9% YoY) กำไรสุทธิเท่ากับ 112.47 ล้านบาท (+10.45% YoY) เนื่องจากควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานได้ดี และรายได้เติบโตขึ้น บริษัทตั้งเป้าสัดส่วนรายได้ระหว่างธุรกิจที่ร่วมมือกับ 7-11 และธุรกิจอื่น ๆ ภายในปี 2563 จะเป็น 65%:35% เทียบกับ 84%:16% ในปี 2560 เพื่อลดการพึ่งพา 7-11 โดยจะเพิ่มสัดส่วนรายได้จากธุรกิจอื่น เช่นธุรกิจเครื่องดื่ม และ Agent License ความเห็น: เราคาดว่า ภาวะธุรกิจ TACC มีการแข่งขันสูงและพึ่งพา 7-11 มาก อีกทั้งค่า PER สูงถึง 25.44 เท่า ขณะที่การเติบโตของกำไรมีเพียง 10% เท่านั้น จึงมองว่าหุ้นมี Outlook ที่ไม่สดใสมากนัก
• PTT (ปิด 548 บาท; ซื้อ; AWS TP 664 บาท) บอร์ด PTT เห็นชอบ"ชาญศิลป์ ตรีนุชกร" นั่ง CEO ต่อจาก"เทวินทร์ วงศ์วานิช" มีผล 31 ส.ค.นี้ นายชาญศิลป์ ชี้แจงว่า ตนไม่ได้ถูก ปตท.ฟ้องร้องในกรณีการลงทุนธุรกิจปาล์มในอินโดนีเซียตามที่มีกระแสข่าวแต่อย่างใด เพราะหากถูกฟ้องร้องก็คงไม่ผ่านคุณสมบัติจากคณะกรรมการสรรหาประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท.  ซึ่งตามข้อเท็จจริง นายชาญศิลป์ได้เข้ารับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ บริษัท ปตท.กรีน เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (PTTGE) ซึ่งทำธุรกิจปาล์มในอินโดนีเซีย เมื่อช่วงเดือน ส.ค.51 -พ.ค.52 หลังจากที่เกิดปัญหาการลงทุนในธุรกิจดังกล่าวแล้ว ซึ่งเป็นการฟ้องบุคคลอื่น ไม่ได้ฟ้องตน โดยที่ผ่านมา ป.ป.ช. ได้เชิญตนเองไปให้ข้อมูล ในฐานะที่เคยบริหารงานเท่านั้น  ความเห็น: หุ้น PTT ปรับตัวลดลง 10 บาท หรือ 1.79% ในวันศุกร์ที่ผ่านมา เนื่องจากความเข้าใจคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับผู้ดำรงตำแหน่ง CEO คนใหม่ ซึ่งเมื่อมีการชี้แจงดังกล่าวแล้วคาดว่า นักลงทุนจะคลายความวิตกกังวล และราคาหุ้นจะปรับตัวกลับขึ้นไปตามปัจจัยพื้นฐานที่ควรจะเป็น
• ANAN (ปิด 4.26 บาท; ถือ; AWS TP 5.05 บาท) ณ ขณะนี้มีโจทก์ฟ้องร้อง รฟม. และ กทม. สำหรับโครงการ Ashton Asoke ในบริเวณพื้นที่จอดรถของตัวอาคารซึ่งเดิมเป็นพื้นที่เวนคืนเพื่อประโยชน์ส่วนรวมบริเวณทางเข้าออกฝั่งถนนอโศก โดยล่าสุดทาง ANAN ได้ออกเอกสารอย่างเป็นทางการถึงเรื่องการแจ้งขยายระยะเวลาแล้วเสร็จของโครงการ Ashton Asoke ออกไปถึงวันที่ 26 มีนาคม 2562 เพราะยังมีคดีความอยู่ในชั้นศาลปกครองเพื่อรอการตัดสิน ซึ่งคาดว่าจะจบภายใน 4Q18 อย่างไรก็ตามหากฝ่ายไหนแพ้ก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะยื่นอุทธรณ์ต่อไปยังศาลชั้นสูงสุดซึ่งจะส่งผลให้คดีความยืดเยื้อออกไปนานขึ้นอีก โดยเราแนะนำ "ถือ" โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 5.05 บาท อ้างอิง PER ที่ 9.4x จากกำไรสุทธิในปี 2561

ตลาดต่างประเทศ :

• ตลาดหุ้นสหรัฐฯ: ปิดบวกโดยได้ปัจจัยหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐฯ รวมถึงการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.พ.ที่ขยายตัวแข็งแกร่งสุดในรอบ 4 เดือน อย่างไรก็ตาม ความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในสหรัฐฯ และผลกระทบของสงครามการค้า ยังคงสร้างแรงกดดันต่อบรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ต่อไป
• ดอลลาร์สหรัฐฯ : แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่น DXYO อยู่ที่ 90.19 จุด หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ซึ่งรวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมี.ค.ที่ทำสถิติสูงสุดในรอบ 14 ปี และดัชนีภาคการผลิตที่ขยายตัวได้ดีเกินคาดในเดือน ก.พ.

สินค้าโภคภัณฑ์ :

• ราคาน้ำมัน : ราคาน้ำมันดิบปิดพุ่งขึ้น 1.15 ดอลลาร์ หรือ 1.9% ปิดที่ 62.34 ดอลลาร์/บาร์เรล; เบรนท์ เพิ่มขึ้น 1.09 ดอลลาร์ หรือ 1.7% ปิดที่ 66.21 ดอลลาร์/บาร์เรล ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน มี.ค.ของสหรัฐฯ พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสูดในรอบ 14 ปี นอกจากนี้ การดีดตัวขึ้นของตลาดหุ้นยังเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยกระตุ้นแรงซื้อในตลาดน้ำมัน รายงานล่าสุดจากเบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐ ระบุว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐที่มีการใช้งาน มีจำนวนเพิ่มขึ้น 4 แท่น สู่ระดับ 800 แท่นในสัปดาห์นี้ โดยแท่นขุดเจาะน้ำมันยังคงมีจำนวนมากกว่าระดับ 631 แท่นในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
• ราคาทองคำ : ปิดลบ 5.50 ดอลลาร์ หรือ 0.42% ปิดที่ 1312.30 ดอลลาร์/ออนซ์ และตลอดทั้งสัปดาห์ สัญญาทองคำปรับตัวลงราว 0.9% เนื่องจากการแข็งค่าอย่างต่อเนื่องของสกุลเงินดอลลาร์ยังคงสร้างแรงกดดันต่อตลาดทองคำ และส่งผลให้สัญญาทองคำปิดร่วงลงติดต่อกันเป็นวันที่ 3 นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ยังทำให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย