ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่ม หลังตลาดหุ้นสหรัฐฯ แข็งแกร่งขึ้น
+ ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 2 สัปดาห์ เนื่องจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้นจากตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ปรับตัวดีขึ้น โดยตัวเลขกำลังการผลิตด้านอุตสาหกรรมสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น 1.1% ในเดือน ก.พ. 61 และตัวเลขคาดการณ์ของดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวสูงขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์มาอยู่ที่ระดับ 102 จุด
+ นักลงทุนเก็งกำไรราคาน้ำมันดิบในระยะสั้น เนื่องจากจะมีการออกอากาศของรายการ 60 minutes ในวันอาทิตย์ที่ 18 มี.ค. 61 ซึ่งเป็นการสัมภาษณ์โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารของซาอุฯ โดยมีเนื้อหาว่าซาอุฯ จะรีบมีอาวุธนิวเคลียร์ไว้ในครอบครองอย่างรวดเร็ว ถ้าอิหร่านประสบความสำเร็จในการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของตัวเอง ถือเป็นสัญญาณล่าสุดที่บ่งชี้ถึงความเป็นไปได้ว่าจะเกิดการแข่งขันด้านอาวุธนิวเคลียร์ในตะวันออกกลาง
- Baker Hughes รายงานจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันประจำสัปดาห์ ณ วันที่ 16 มี.ค. 61 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 4 แท่น มาสู่ระดับ 800 แท่น ซึ่งมากกว่าปี 2560 ที่ระดับ 631 แท่น และเป็นการปรับเพิ่มขึ้นเป็นครั้งที่ 7 ในรอบ 8 สัปดาห์
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังในสหรัฐฯ ปรับตัวลดลง 6.27 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดในรอบ 6 เดือน เนื่องจากมีอุปสงค์น้ำมันเบนซินปรับตัวเพิ่มมากขึ้นสูงสุดในรอบ 6 เดือนเช่นกัน
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากอุปสงค์น้ำมันดีเซลยังคงอยู่ในระดับที่คงที่ อย่างไรก็ตาม อุปทานน้ำมันดีเซลยังคงอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากโรงกลั่นน้ำมันอยู่ในช่วงปิดซ่อมบำรุงตามฤดูกาล
ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์หน้า
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 59-64 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 62-67 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ปัจจัยที่น่าจับตามอง
ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น จากความต้องการใช้น้ำมันดิบที่มีแนวโน้มปรับลดลงในช่วงฤดูกาลปิดซ่อมบำรุง ประกอบกับ ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยล่าสุด สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 9 มี.ค. 2560 ปรับเพิ่มขึ้น 5.0 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ระดับ 430.9 ล้านบาร์เรล
กำลังการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดย EIA คาดปริมาณการผลิตของสหรัฐฯ ในปี 2561 จะปรับเพิ่มขึ้นสู่ระดับเฉลี่ยที่ 10.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน และคาดว่าจะขยายตัวสู่ระดับ 11.2 ล้านบาร์เรลต่อวันในไตรมาส 4 ปีนี้ ซึ่งจะส่งผลให้สหรัฐฯ แซงหน้ารัสเซียกลายเป็นประเทศที่ผลิตน้ำมันดิบมากที่สุดในโลก
จับตาสถานการณ์ความไม่สงบภายในประเทศลิเบีย หลังเกิดเหตุการณ์ชุมนุมประท้วงของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ที่ส่งผลกระทบให้ลิเบียต้องประกาศเหตุสุดวิสัย (Force Majeure) และหยุดดำเนินการผลิตจากแหล่งน้ำมันดิบ El Feel ซึ่งมีกำลังการผลิตราว 70,000 บาร์เรลต่อวัน แม้ว่าลิเบียจะสามารถบรรลุข้อตกลงกับกลุ่มก่อความไม่สงบในการเปิดดำเนินการแหล่งผลิตน้ำมันดิบดังกล่าวได้ตั้งแต่วันที่ 7 มี.ค. 61 ก็ตาม
ดัชนีและราคาที่สำคัญ
ข่าวเด่น