Market summary
เมื่อวานที่ผ่านมาตลาดหุ้นแกว่งในกรอบแคบ โดยระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย พบแรงขายเด่นในกลุ่มธนาคารนำโดย SCB, KTB, KBANK, BBL และกลุ่มโรงกลั่นมีแรงขายเป็นวันที่ 2 อย่าง TOP, IRPC, SPRC อย่างไรก็ตามมีแรงซื้อในกลุ่มค้าปลีกอย่าง CPALL, BEAUTY และเกิด Technical rebound ใน BTS, BEM ณ.สิ้นวัน SET ปิดที่ระดับ 1,801.4 จุด (+1.59 จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขายราว 5.6 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับวานที่ผ่านมา 4.9 หมื่นล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยที่ 1,077 ล้านบาท แต่กลับมาเปิด Short SET50 index future ที่ 596 สัญญา
Investment theme
FED ขึ้นดอกเบี้ยตามคาด แต่กังวลนโยบาย Trump / ตัวเลขเศรษฐกิจไทย 2 เดือนแรกถือเป็นบวก: เมื่อวานที่ผ่านมาหลายหน่วยงานในประเทศรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญนำโดย การส่งออกเดือนกุมภาพันธ์เติบโตกว่า 10.3% (สูงกว่าคาดที่ 9.2%) ส่งผลให้ 2 เดือนแรกเติบโตกว่า 13.8% เกินดุลการค้ากว่า 688.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ในขณะที่สภาอุตสาหกรรมเผยตัวเลขผลิตรถยนต์ในประเทศเดือนก.พ.เติบโตกว่า 15%YoY รวม 2 เดือนแรกเป็น 3.44 แสนคัน (+12.2%YoY) และส่งออกกรถยนต์เติบโต 4.05% ในเดือนก.พ.อีกทั้งรายงานยอดจดทะเบียนตั้งธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้น 11% นำโดยธุรกิจก่อสร้างและอสังหา และสำหรับปัจจัยต่างประเทศ เมื่อคืนที่ผ่านมา FED ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามคาดเป็น 1.50-1.75% และปรับเป้า GDP เพิ่มเป็น 2.7% (จาก 2.5%) โดยคุณ Powell แนะดูสถานการณ์ผลของนโยบายกีดกัดทางการค้าซึ่งอาจกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ ในขณะที่ภาพรวมโดยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ตลาดมองว่ามีโอกาสอยู่ที่ 3 ครั้ง (จากเดิมเมื่อ ก.พ.ที่ผ่านมา ตลาดมองว่ามีโอกาสปรับขึ้นเป็น 4 ครั้ง) และคงเป้าอัตราเงินเฟ้อปีนี้ที่ 1.9% (เดิมตลาดคาดสูงกว่า)ส่งผลให้ Dollar กลับมาอ่อนค่าอย่างมีนัยยะที่ 89.5
Investment Theme: วันนี้คาด SET ปรับตัวทดสอบแนวต้านบริเวณ 1,820 จุด แต่หาก SET ปิดต่ำกว่าแนวรับบริเวณ 1,795 จุด แนะนักลงทุน Take profit / cut loss บางส่วนพร้อมเลี่ยงการลงทุนในหุ้นขนาดกลาง-เล็ก ที่สภาพคล่องซื้อขาย
Big issue
เมื่อคืนที่ผ่านมา – ปธน.เกาหลีใต้ยืนยันการประชุมร่วมระหว่างเกาหลีใต้-เหนือ-สหรัฐจะเกิดขึ้นในช่วง พ.ค. / พาณิชย์เผยส่งออกเดือนก.พ.เติบโต 10.3% (2 เดือนแรกเติบโต 13.8%) ส่งผลให้เกินดุล 688.5 ล้านเหรียญสหรัฐ / ส.อ.ท.รายงานยอดส่งออกรถยนต์เดือน ก.พ.เติบโต 4%
บทวิเคราะห์ : CHAYO เข้าซื้อขายในตลาดวันนี้
Stock pick : PTTEP
PTTEP: ทยอยสะสมราคาเป้าหมาย 125.0 บาท
ในระยะสั้นคาดราคาน้ำมันมีโอกาสฟื้นตัว ภายหลังเกิดความกังวลต่อแผนการบริหารภายใต้การดำเนินงานของ Trump อย่างต่อเนื่องส่งผลทางอ้อมกดดันค่าเงินดอลลาร์ สะท้อนการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันดิบอีกครั้ง ส่งผลให้ระยะสั้นเราคาดเกิด Technical rebound ในราคาน้ำมันดิบ (brent) ที่บริเวณ 65-67 เหรียญ/บาร์เรล
เราปรับประมาณการกำไรปี 61/62 ขึ้น 5.2-9.8% เป็น 3.31 และ 3.46 หมื่นล้านบาท จากการปรับสมมติฐานราคาน้ำมันดิบขึ้นเป็น 60 เหรียญ/บาร์เรล ในขณะที่เชิงพื้นฐานคาดกำไร 1Q61 มีแนวโน้มเติบโต QoQ จากราคาขายที่ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น และต้นทุนต่อหน่วยที่คาดลดลง
Trading idea – ทยอยสะสมหุ้นพื้นฐาน IVL (เข้าซื้อกิจการในสหรัฐต่อยอดธุรกิจ PET, PTA ), SCC
Technical View
ไม่ควรหลุด 1800 เพื่อรักษากรอบการแกว่ง 1800-1820: ดัชนีแกว่ง Sideway Down จากแรงขายหลักจากหุ้นกลุ่มธนาคาร แต่กลุ่มค้าปลีกและพลังงานบางตัวยังคงช่วยประคองดัชนีให้สามารถปิดยืนเหนือ 1800 ทำให้เรายังคงมุมมองเดิมว่ายังมีโอกาสแกว่งในกรอบ 1800-1820 ฉะนั้นจังหวะอ่อนตัวไม่ควรหลุดLow ล่าสุดที่ 1793 ยังมองว่าเป็นโอกาสซื้อสะสมที่แนวรับ เพื่อเล่น Trading ในกรอบ 1800-1820 แต่หากหลุด 1793 แนะนำ Lock Profit เนื่องจากดัชนีมีโอกาสปรับตัวลงทดสอบแนวรับ 1780
กลยุทธ์การลงทุน 1) มีหุ้น: แนะนำ Trading ในกรอบ 1800-1820 แต่หากหลุด 1793 แนะนำ Lock Profit 2) ไม่มีหุ้น: พิจารณารอซื้อที่แนวรับเพื่อเก็งกำไรระยะสั้นไปที่แนวต้าน
แนวรับ : 1797, 1793 แนวต้าน : 1810, 1820
ปัจจัยต่างประเทศ: สหรัฐรายงาน PMI ภาคผลิตและบริการ 22 มี.ค.
ปัจจัยในประเทศ: จับตาศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญที่มาส.ว.
หุ้นเทคนิค:
CPALL (B 87.00, Tp 90.00//93.00, Cut 86.00)
IVL (B 55.50, Tp 59.50, Cut 55.00)
ข่าวเด่น