คำแนะนำ
เปิดสถานะซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวลงมาใกล้ 1,333-1,329 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ หากรับความเสี่ยงได้เปิดสถานะขายเล่นสั้นในบริเวณ 1,355 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ตัดขาดทุนหากยืนได้)
แนวรับ-แนวต้าน
แนวรับ 1,329 1,318 1,307
แนวต้าน 1,355 1,366 1,376
ปัจจัยพื้นฐาน
ราคาทองคำวันศุกร์ที่ผ่านมาปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 18.34 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยได้รับแรงหนุนจากความวิตกเกี่ยวสงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังสหรัฐประกาศเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนวงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่จีนเตรียมดำเนินมาตรการตอบโต้เพื่อชดเชยกับเม็ดเงินที่สูญเสียไปจากการที่สหรัฐเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากจีนเช่นกัน ความวิตกดังกล่าวกดดันสกุลเงินดอลลาร์ให้อ่อนค่า รวมถึงกดดันดัชนีดาวโจนส์ให้ร่วงลง 424.69 จุด ด้านสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างสกุลเงินเยนและทองคำได้รับแรงหนุนจนทำให้ราคาทองคำพุ่งขึ้นไปแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 19 ก.พ.บริเวณ 1,350 ดอลลาร์ต่อออนซ์และปิดระดับสัปดาห์ด้วยการพุ่งขึ้น 2.8%ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดในรายสัปดาห์นับตั้งแต่เดือนเม.ย.ปี 2016 ถึงแม้ราคาทองคำจะได้รับแรงกดดันอย่างการที่สหรัฐเลี่ยงชัตดาวน์ครั้งที่ 3 ในปีนี้ได้หลังประธานาธิบดีทรัมป์ลงนามร่างงบประมาณ 1.3 ล้านล้านดอลลาร์ก็ตาม สำหรับวันนี้ไม่มีการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐ แต่แนะนำจับตาการเคลื่อนไหวของสกุลเงินดอลลาร์และสินทรัพย์เสี่ยงจากความวิตกเกี่ยวกับสงครามการค้าเพื่อเป็นปัจจัยชี้นำราคาทองคำ
ปัจจัยทางเทคนิค
หากราคาทองคำทดสอบแนวรับที่ 1,333-1,329 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แล้วยังสามารถยืนได้อาจเกิดแรงซื้อให้ราคาดีดตัวขึ้น อย่างไรก็ตามจากช่วงที่ผ่านมาเมื่อราคาทองคำมีการปรับตัวขึ้นยังคงมีแรงขายออกมาเช่นกัน โดยหากราคาดีดตัวขึ้นไม่ผ่านโซนแนวต้านระยะสั้นอยู่ที่ 1,355 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ประเมินว่าอาจเกิดการอ่อนตัวลงเพื่อสะสมแรงซื้ออีกครั้ง
กลยุทธ์การลงทุน GOLD SPOT & GOLD FUTURES
ถือสถานะซื้อโดยอาจปิดสถานะทำกำไรในบริเวณ 1,355 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือถ้าเกิดการอ่อนตัวลงมาอาจเปิดสถานะซื้อใหม่หากราคาทองคำไม่หลุด 1,333-1,329 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อย่างไรก็ตาม(ลดพอร์ตการลงทุนหากราคาหลุด 1,318 ดอลลาร์ต่อออนซ์)
ข่าวเด่น