สภาวะตลาดวันที่ 26 มีนาคม 2561 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,343.10-1,350.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 19,850 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาทรงตัวจากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,850บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFJ18 อยู่ที่ 19,940 บาท โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 30 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,910 บาท
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 15.54 น. ของวันที่ 26/03/61)
แนวโน้มวันที่ 27 มีนาคม 2561
สงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ถูกใช้เป็นปัจจัย ชี้นำราคาทองคำ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน วงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาขณะที่ตลาดหุ้นทั่วโลกร่วงลงอย่างหนัก และ ดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินสำคัญ 6 สกุล อ่อนตัวลงใกล้ระดับต่ำสุดรอบ 1 เดือน เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำปรับตัวขึ้นตอบรับในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยค่อนข้างมาก ทั้งนี้ มาตรการภาษีดังกล่าวมีระยะเวลาในการหารือ 30 วัน ทำให้มีโอกาสในการประนีประนอมกัน ซึ่งหากสถานการณ์คลี่คลายลงทองคำอาจถูกขายทำกำไรออกมา นักลงทุนจึงระมัดระวังในการไล่ซื้อทองคำเมื่อราคาเคลื่อนไหวใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 5 สัปดาห์ สอดคล้องกับ ข้อมูลของคณะกรรมาธิการการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าสินค้าโภคภัณฑ์ (CFTC) แสดงว่า นักเก็งกำไรทองคำลดการเข้าซื้อสุทธิ 23,822 สัญญา สู่ 121,838 สัญญา ขณะที่ในช่วงต้นสัปดาห์ ขณะที่ดัชนี MSCI ของเอเชีย-แปซิฟิก ยกเว้นญี่ปุ่นปรับตัวขึ้นมาบ้าง เมื่อหนังสือพิมพ์ วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานว่า ทั้ง 2 ประเทศได้เริ่มการเจรจากันอย่างเงียบๆ เพื่อให้สหรัฐสามารถเข้าถึงตลาดจีนได้มากขึ้น ทั้งนี้ นักลงทุนจับตาการแถลงต่อรัฐสภาญี่ปุ่นในวันอังคารนี้ ทางการญี่ปุ่นประกาศว่าจะดำเนินการทุกวิถีทางให้รัฐบาลสหรัฐยกเว้นการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียม ซึ่งญี่ปุ่นไม่ได้อยู่ในรายชื่อของประเทศที่ได้รับการยกเว้นภาษี ความวิตกเกี่ยวกับประเด็นการค้าของสหรัฐยังคงส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของราคาทองคำ สำหรับมุมมองของวายแอลจีที่มีต่อราคาทองคำนั้น ประเมินว่าหากราคาทองคำขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,355 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากไม่สามารถผ่านไปได้อาจเกิดการอ่อนตัวลง แต่หากการอ่อนตัวของราคาทองคำยังคงสามารถยืนเหนือโซนบริเวณ 1,333-1,329 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ ราคาทองคำยังมีโอกาสทดสอบแนวต้าน ซึ่งการแกว่งตัวของราคาทองคำยังถือเป็นโอกาสให้นักลงทุนระยะสั้นเข้าซื้อเก็งกำไร
กลยุทธ์การลงทุน วายแอลจีแนะนำ สำหรับผู้ที่ไม่มีทองคำในมือ แนะนำให้ลงทุนระยะสั้น โดยรอซื้อเมื่อราคาย่อตัวลงไปบริเวณแนวรับที่ 1,333-1,329 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และให้ขายทำกำไรเมื่อราคาดีดตัวขึ้น โดยหากยังคงมีแรงซื้อน่าจะพอทำให้ในระยะสั้นนี้ราคาจะทรงตัวในระดับสูงและเคลื่อนไหวในกรอบ อย่างไรก็ตามหากราคาทองคำไม่สามารถยืนเหนือแนวต้านได้อย่างแข็งแกร่ง นักลงทุนยังต้องระมัดระวังแรงขายและควรตั้งจุดตัดขาดทุนหากราคาหลุดบริเวณแนวรับ เพื่อลดความเสียหายของพอร์ทการลงทุน ในขณะที่นักลงทุนที่มีทองคำในมือ ให้ขายทำกำไรเมื่อราคาดีดตัวหรือไม่ผ่านบริเวณแนวต้าน 1,355 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แล้วรอไปซื้อคืนบริเวณแนวรับสำคัญ
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,329 (19,550บาท) 1,318 (19,400บาท) 1,307 (19,200บาท)
แนวต้าน 1,355(19,950บาท) 1,366 (20,150บาท) 1,376 (20,300บาท)
GOLD FUTURES (GFJ18)
แนวรับ 1,329 (19,670บาท) 1,318 (19,500บาท) 1,307 (19,340บาท)
แนวต้าน 1,355(20,060บาท) 1,366 (20,220บาท) 1,376 (20,370บาท)
ข่าวเด่น