ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน (+/-) ตลาดต่างประเทศ DJIA +669.40 (27/03/61)


 ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้

  (+/-) ตลาดต่างประเทศ DJIA +669.40, NASDAQ +227.88, S&P           +70.29, FTSE -33.25, CAC -28.94 และ DAX -99.05
หลังคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน โดยจีนพร้อมเปิดการเจรจากับสหรัฐเพื่อแก้ไขความขัดแย้งทางการค้า และหลีกเลี่ยงการทำสงครามทางการค้าจากก่อนหน้าสหรัฐฯ ประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน วงเงิน 6 หมื่นล้านUSD และจีนตอบโต้ด้วยการประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ วงเงิน 3 พันล้านUSD ซึ่งช่วยหนุนทั้ง 3 ดัชนี (DJIA, NASDAQ และ S&P) เพิ่มขึ้นแข็งแกร่งนับแต่ส.ค.’ 58 หลังปรับลดลงอย่างหนักช่วงก่อนหน้านี้ จากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้า
  ทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ได้รับปัจจัยลบจากเงินยูโรที่แข็งค่าขึ้น ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการของบริษัทข้ามชาติ แม้ได้รับปัจจัยบวกข้างต้นภายใต้ประเด็นจีนประกาศความพร้อมที่จะเปิดการเจรจากับสหรัฐฯ เพื่อแก้ไขความขัดแย้งทางการค้า
  ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน พ.ค. -US$0.33 อยู่ที่ US$65.55 ต่อบาร์เรล ส่วนหนึ่งจากขายทำกำไร หลังสัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับขึ้น 5.7% สัปดาห์ที่ผ่านมา และยังได้รับปัจจัยกดดันจากจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐฯ ที่มีการใช้งาน ล่าสุด เพิ่มขึ้น 4 แท่น อยู่ที่ 804 แท่น ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับแต่มี.ค.’58
  ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน เม.ย. +US$5.1 อยู่ที่ US$1,355.0 ต่อออนซ์ โดยได้ปัจจัยหนุนจากเงินสหรัฐฯ ที่อ่อนค่ารวมถึงความตึงเครียดด้านการเมืองระหว่างสหรัฐฯ และรัสเซีย หลังปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศขับนักการทูตรัสเซีย จำนวน 60 คน ออกจากสหรัฐฯ ส่งผลให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
  (-) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศ สุทธิ -2,190 ล้านบาท ยอดสะสม -56,547 ล้านบาท (ปี’57 และ 58 ยอดขายสุทธิสะสม 36,173 ล้านบาท และ 154,346 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่ปี’59 ซื้อสุทธิสะสม 77,927 ล้านบาท และปี’60 ขายสุทธิสะสม 25,755 ล้านบาท)

ประเด็นที่ต้องติดตาม 27 - 29 มี.ค. 61
27/3/61 สหรัฐฯ เปิดเผย
  (1) ดัชนีราคาบ้านเดือนม.ค.
  (2) ดัชนีการผลิตเดือนมี.ค.
  (3) ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมี.ค.

28/3/61 ไทย – ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)
    สหรัฐฯ เปิดเผย
  (1) ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 4/2560
  (2) ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) – ก.พ.
  (3) สต็อกน้ำมัน

29/3/61 สหรัฐฯ เปิดเผย
  (1) ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน
  (2) ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนก.พ.
  (3) ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมี.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน

ทิศทางตลาด
  มีโอกาสปรับขึ้น? ภายใต้สถานการณ์การทำสงครามการค้าโดยเฉพาะระหว่างสหรัฐฯ และจีน ที่มีสัญญาณดีขึ้น หลังจีนประกาศพร้อมเจรจากับสหรัฐฯ ซึ่งช่วยลดความกังวลและเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ดัชนีปรับตัวลดลงก่อนหน้านี้ 
  ขณะที่ยังแนะติดตามสถานการณ์การเมืองในสหรัฐฯ ที่คาดว่ายังคงมีความไม่แน่นอน ทั้งจากการโยกย้าย และการปลดออกจากตำแหน่งที่สำคัญ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ รวมถึงการบริหารภายในสหรัฐฯ ที่คาดอาจเป็นประเด็นที่สร้างความผันผวน
  ทางด้านปัจจัยในประเทศ แนะจับตาประเด็นการทำ Window Dressing ที่จะมีการปิดงบ – 1Q/61 ปลายสัปดาห์นี้ รวมถึงการประชุม กนง. ในวันพรุ่งนี้ (28/3/61) คาดยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% แต่คาด ธปท. อาจมีการพิจารณาปรับเพิ่มเป้าหมาย GDP ปี’61 เพิ่มจากเดิมที่ 3.9%
  รวมถึงราคาน้ำมันดิบที่ยังทรงตัวในระดับสูงทั้ง 3 ตลาด (WTI, Brent และ DUBAI) เฉลี่ย 65 - 70USD/bbl สูงสุดในรอบ 4 ปี คาดยังส่งผลดีโดยตรงต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน เช่น PTT, PTTEP
  พร้อมคาด Sentiment ยังเป็นบวก จากยอดซื้อสุทธิของสถาบันในประเทศในช่วงที่ผ่านมา  ซึ่งคาดช่วยชดเชยยอดซื้อขายสุทธิของ
นักลงทุนต่างชาติที่มีความผันผวนและคาดในระยะกลาง – ยาว ยังได้รับ Sentiment บวก จากแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี’61 รวมถึงความคืบหน้าโครงการ EEC ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างรอประกาศใช้เป็นกฎหมาย คาดส่งผลดีต่อกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม จากความเชื่อมั่นของนักลงทุนเอกชน และกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง จากโครงการก่อสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการลงทุน รวมถึงล่าสุด รมว.คมนาคม คาดในเดือนพ.ค. - มิ.ย.นี้ จะเสนอครม. อนุมัติโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม มูลค่า 8.5 หมื่นล้านบาท ขณะที่คาดว่าโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ช่วงเตาปูน - ราษฎร์บูรณะ และงานเดินรถ จะรวมเป็นรูปแบบ PPP และเตรียมจะเสนอ ครม.ได้ประมาณ 3Q/61
  ทางด้านประเด็นการเมือง ล่าสุด สนช. ยื่นศาลรัฐธรรมนูญ ตีความเฉพาะร่างกฎหมายว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. ฉบับเดียว เพื่อให้เกิดความชัดเจน คาดไม่กระทบกับ Road Map คาดการเลือกตั้งเกิดขึ้นภายในเดือนก.พ.’62 ตามความคาดหมายของตลาดฯ ก่อนหน้านี้

 และยังแนะจับตา
  (1) กลุ่มธนาคาร ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย เช่น BBL, KTB
  (2) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากผลการดำเนินงานที่ยังคงแข็งแกร่ง เช่น IVL และ PTTGC เป็นต้น
  (3) กลุ่มพลังงาน ได้รับประโยชน์จากราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้น เช่น PTT, PTTEP
  (4) กลุ่มท่องเที่ยว ได้รับประโยชน์จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ยังคงเติบโตต่อเนื่อง เช่น SPA
  (5) กลุ่มขนส่ง ยังได้รับผลดีจากการท่องเที่ยว เช่น AOT และ PSL จากค่าระวางเรือ
  (6) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม และกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง จากโครงการ EEC ที่มีความชัดเจนขึ้นตามลำดับ คาดได้รับประโยชน์จากความเชื่อมั่นของนักลงทุนเอกชน และโครงการก่อสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการลงทุน
  ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี  +0.01 อยู่ที่ 2.84% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
  
  ดัชนีความเสี่ยง (VIX) -3.84 อยู่ที่ 21.03
  หุ้นแนะนำ : PSL


บันทึกโดย : Adminวันที่ : 27 มี.ค. 2561 เวลา : 09:44:11

22-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 22, 2024, 3:14 am