คำแนะนำ
หากราคาทองคำไม่สามารถยืนเหนือบริเวณ 1,333-1,346 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้อย่างแข็งแกร่ง สามารถเปิดสถานะขายเพื่อทำกำไรระยะสั้น และรอซื้อคืนหาราคาอ่อนตัวลงไม่หลุดบริเวณแนวรับ 1,313 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ถ้าหลุดให้รอซื้อคืนบริเวณแนวรับถัดไป
แนวรับ-แนวต้าน
แนวรับ 1,313 1,306 1,298
แนวต้าน 1,333 1,346 1,356
ปัจจัยพื้นฐาน
ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวลดลง 19.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยได้รับแรงกดดันหลังสหรัฐเปิดเผยประมาณการครั้งสุดท้ายตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 4/2017 บ่งชี้ว่า GDP ขยายตัวสูงถึง 2.9% ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่สูงเกินคาดและสูงกว่าตัวเลขประมาณการ 2 ครั้งที่ผ่านมา ประกอบกับตัวเลขการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย(pending home sales)ฟื้นตัวขึ้นเกินคาดเช่นกันซึ่งช่วยหนุนสกุลเงินดอลลาร์ให้ฟื้นตัวขึ้นจากจุดต่ำสุดในรอบ 5 สัปดาห์ อีกทั้งสกุลเงินดอลลาร์ได้รับแรงหนุนเพิ่มจากการปรับพอร์ตการลงทุน(rebalanced portfolios)ของผู้จัดการกองทุนและเทรดเดอร์ในช่วงสิ้นเดือนและสิ้นไตรมาส 1 รวมถึงก่อนวันหยุดสุดสัปดาห์ยาวเนื่องในวันอีสเตอร์อีกด้วย สถานการณ์ดังกล่าวกดดันให้ราคาทองคำร่วงลงจากจุดสูงสุดในรอบเกือบ 6 สัปดาห์ที่ขึ้นไปทดสอบในวันอังคารและปิดลบราว -1% วานนี้ สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ อาทิ การบริโภคและรายได้ส่วนบุคคล, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนี PMI เขตชิคาโกและดัชนีค่าใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล(Core PCE)ซึ่งเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ
ปัจจัยทางเทคนิค
หากราคาทองคำพยายามขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่อยู่ในโซน 1,333 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งหากไม่สามารถผ่านได้จะแสดงถึงแรงเข้าซื้อในระยะสั้นค่อนข้างจำกัด ทำให้ประเมินว่าในระยะสั้น ยังคงมีโอกาสปรับตัวลงไปทดสอบแนวรับ 1,313 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่แนวรับถัดไปอยู่ในบริเวณ 1,306 ดอลลาร์ต่อออนซ์
กลยุทธ์การลงทุน GOLD SPOT & GOLD FUTURES
อาจพิจารณาทองคำออกขายทำกำไรหากราคาทองคำไม่ผ่านแนวต้านที่ 1,333-1,346 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เสี่ยงเปิดสถานะซื้อหากราคาอ่อนตัวลงมาในโซน 1,313 ดอลลาร์ต่อออนซ์ พร้อมลดการลงทุนหากราคาหลุดโซนดังกล่าว
ข่าวเด่น