กลยุทธ์วันนี้ >> ยังเน้น Defensive และ Domestic Play
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET อ่อนตัวลงหลุดระดับ 1,760 จุดในช่วงเช้าอีกครั้งก่อนที่จะมีแรงซื้อกลับเข้ามาหนาแน่นในช่วงบ่ายและทำให้ดัชนีรีบาวด์ขึ้นมาปิดบวกได้ 9.34 จุด ณ สิ้นวัน แรงขายส่วนใหญ่มาจากนักลงทุนต่างชาติและรายย่อยราวรวมกันราว 1.4 พันลบ. ขณะที่สถาบันในประเทศพลิกกลับมาซื้อสุทธิมุลค่าใกล้เคียงกัน
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET จะแกว่งตัว Sideways Up รีบาวด์ได้ต่อเนื่องจากสัญญาณทางเทคนิคที่ดูเป็นบวกมากขึ้น อย่างไรก็ตามเรายังมองกรอบการบวกระยะนี้จะไม่กว้างนักเนื่องจากตลอดทั้งเดือนนี้ยังคงมีประเด็นการค้าโลกเข้ามากระทบ Sentiment ตลาด โดยล่าสุดจีนเริ่มเติบโตเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ 128 รายการ เราจึงมองว่าหุ้น Domestic และ Defensive Play เช่น กลุ่มโรงพยาบาลและกลุ่มท่องเที่ยวยังคงดูน่าสนใจและปลอดภัยกว่า
กลยุทธ์ : พักเงินในหุ้น Defensive และ Domestic Play
หุ้นเด่นเดือน เม.ย. : BDMS, CPN, ERW, KBANK, SYNEX
Fund Flow เมื่อวันศุกร์กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$98ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกจากเกาหลีใต้ US$155ล้าน ส่วนไทยมีเม็ดเงินไหลออกจากไทย US$26ล้าน ขณะที่ไหลเข้าไต้หวัน US$68ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาคเนื่องจากความตึงเครียดการเมืองในสหรัฐ
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> ERW <<
- แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 9 บาท
- คาดกำไร 1Q18 โตเด่นทั้ง Q-Q และ Y-Y และเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปี จากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่อยู่ในช่วง Peak Season และตัวเลขนักท่องเที่ยวล่าสุดช่วง 2M18 ที่โตสูงถึง 14.9% Y-Y
- ได้ประโยชน์จากนโยบายสนับสนุนท่องเที่ยวของภาครัฐฯและกระแสเที่ยวเมืองเก่ามากที่สุด เพราะมีโรงแรมกระจายตัวทั่วประเทศ และเป็น Pure Hotel Operator เราคาดกำไรทั้งปี 2018 ที่ 623 ลบ. +18% Y-Y จากทั้งการเปิดโรงแรมใหม่ และ Margin ที่ขยายตัวจาก Operating Leverage
ประเด็นสำคัญวันนี้
(0) กลยุทธ์การลงทุนเดือน เม.ย. สถิติอดีตที่ SET เดือน เม.ย. ปรับขึ้นเฉลี่ย 1.8% M-M ดูจะใช้ไม่ได้ในเดือน เม.ย. ปีนี้ที่มีประเด็น Trade war แม้ว่าเราคาดว่าสุดท้ายจะไม่บานปลายเป็น ‘สงครามการค้า’ เพราะไม่เป็นผลดีกับทุกฝ่าย แต่เนื่องจากเดือนนี้ สหรัฐจะเผยรายการสินค้าที่จะเรียกเก็บภาษี พัฒนาการของข่าวจึงกระทบ Sentiment ตลาดหุ้นโลก (กระทบจำกัดต่อเศรษฐกิจจริง) สำหรับประเด็นในประเทศ เราไม่กังวลแม้โอกาสเลื่อนเลือกตั้งจะสูงขึ้น (ประเด็นนี้ sensitive กับนักลงทุนทั่วไป ไม่ใช่กองทุน ส่วนต่างชาติขายหุ้นไทยมาตลอดอยู่แล้ว) ส่วนการฟรีค่าธรรมเนียมของธนาคาร ในระยะยาวมีผลบวกมากกว่าลบ ภาพของตลาดหุ้นในระยะสั้นจึงไม่สดใสนัก การพักเงินในกลุ่ม Defensive น่าจะเหมาะกว่า แต่ภาพระยะยาวยังมองบวกตามเศรษฐกิจโลกที่อยู่ในวัฏจักรขาขึ้น เดือนนี้แนะนำ BDMS, CPN, ERW, KBANK, SYNEX
(0) กลุ่มที่ยัง laggard อาจกลับมา Outperform ในช่วงที่ตลาดพักฐาน นอกจากหุ้นกลุ่ม Defensive ที่เราแนะนำในระยะนี้ กลุ่มที่ laggard จะเป็นอีกกลุ่มที่มี Downside จำกัด ซึ่งกลุ่มที่เราสนใจคือ ท่องเที่ยว (-9% YTD) และยานยนต์ (-3% YTD) เนื่องจากเป็นกลุ่มที่แนวโน้มกำไร 1Q18 จะออกมาดีทั้งคู่ โดยกลุ่มท่องเที่ยวมีปัจจัยหนุนทั้งการลดหย่อนภาษีเที่ยวเมืองรอง การพัฒนาคลัสเตอร์ท่องเที่ยวเพิ่มอีก 6 คลัสเตอร์ เป็น 15 คลัสเตอร์ และไทยแลนด์ ริเวียร่า เราชอบ ERW (TP 9 บาท) และ MINT (TP 48 บาท) ส่วนกลุ่มยานยนต์น่าสนใจตรง PE ต่ำ และยอดผลิตรถยนต์ 2M18 +12% Y-Y แนะนำ PCSGH (TP 13 บาท)
(+) กลุ่มอสังหาฯ แม้ใน 2 เดือนแรกจะมีการเปิดตัวใหม่ค่อนข้างน้อย แต่มีสัญญาณบวกในเดือนมี.ค. ช่วยหนุนให้ยอดจำนวนโครงการใหม่ใน 1Q18 ขยายตัว +5% Q-Q, +35% Y-Y ขณะที่โมเมนตัมการเปิดตัวจะคึกคักมากขึ้นตั้งแต่ 2Q18 ทั้งแนวราบและคอนโด ผ่านแผนการเปิดโครงการใหม่ทั้งปีที่สูงถึง 3.5 แสนล้านบาท (+30% Y-Y) รวมถึงมีปัจจัยสนับสนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ และการเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล เราชื่นชอบหุ้นที่มีผลการดำเนินงานโตเด่นสุดในกลุ่มอย่าง ORI (เป้าหมาย 24 บาท) และหุ้นที่จะกลับมาโตแกร่งพร้อมปันผลในระดับสูงราว 5% อย่าง SC (เป้าหมาย 4.80 บาท) รวมถึง MODERN ที่ยอดขายจะขยายตัวตามคอนโดฯ (เป้าหมาย 6.80 บาท)
(+) TISCO ปรับคำแนะนำขึ้นจากถือเป็นซื้อเก็งกำไร โดย TISCO ถือเป็นหุ้นหลบภัยชั้นดีในภาวะการเกิดสงครามค่าธรรมเนียมในภาคธนาคาร เพราะแทบไม่พึ่งพารายได้จากการโอนเงิน (แต่ในระยะยาว TISCO ต้องปรับตัวอยู่ดี) เมื่อประกอบกับแนวโน้มกำไร 1Q18 เติบโตทั้ง Q-Q และ Y-Y และน่าจะต่อเนื่องในไตรมาสที่เหลือของปีด้วย เนื่องจากการรับรู้รายได้จากพอร์ต SCBT เต็มที่ตลอดปีเป็นปีแรก (กรณีการขายพอร์ตสินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลให้กับ CITI ไม่ได้เซอร์ไพรส์เราและไม่ส่งผลต่อประมาณการ) รวมถึงการจ่ายเงินปันผลหุ้นละ 5 บาท (Dividend yield 5.6% XD 27 เม.ย. 2018) คงราคาเหมาะสมที่ 98 บาท
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
2 เม.ย.
|
- ไทย: อัตราเงินเฟ้อ (มี.ค.)
- สหรัฐฯ: ISM ภาคการผลิต (มี.ค.)
|
3 เม.ย.
|
- ออสเตรเลีย: ประชุมธนาคารกลาง
|
4 เม.ย.
|
- สหรัฐฯ: ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชน ADP (มี.ค.)
- ยูโรโซน: อัตราเงินเฟ้อ (มี.ค.)
|
5 เม.ย.
|
- ไทย: ประชุม กบง., ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (มี.ค.)
- ยูโรโซน: ยอดค้าปลีก (ก.พ.)
|
6 เม.ย.
|
- สหรัฐฯ: ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร (มี.ค.)
|
- (0) ตลาดสหรัฐปิดทำการในวันศุกร์ ส่วนตัวเลขในเช้านี้ของตลาด Future มีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย นอกจากนี้ ตลาดยังคงจับตาดูประเด็นทางการเมืองรอบใหม่ระหว่างสหรัฐและเม็กซิโก
- (0) ตลาดหุ้นยุโรปปิดทำการในวันศุกร์เนื่องในวัน Good Friday
- (+) ตลาดหุ้นเอเชียเปิดทำการวันนี้ในแดนบวก หลังได้รับแรงหนุนจากตัวเลขการผลิตภาคอุตสหกรรมของจีนที่ออกมาสูงสุดในรอบ 4 เดือน รวมไปถึงแรงกดดันทางการเมืองในประเทศญี่ปุ่นที่ลดน้อยหลัง จากผลโพลล่าสุดที่ยังคงสนับสนุนนายกฯอาเบะต่อไป
- () การปรับขึ้นตัวเลขทางเศรษฐกิจของไทย ส่งผลให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นมาอยู่ที่ 31.15-31.20 บาท/ดอลลาร์
- (+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน พ.ค. ปรับตัวขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 65.23 ดอลลาร์/ออนซ์
- ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย. ปรับตัวขึ้น มาอยู่ที่ 1,329 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังการอ่อนค่าลงของดอลลาร์อินเด็กซ์
ข่าวเด่น