Market summary
วันศุกร์ที่ผ่านมา SET เกิด Technical rebound โดยหุ้นใหญ่อย่าง PTT, AOT, SCC และ CPALL ขณะที่กลุ่มสื่อสาร และ โรงพยาบาล ยังมีแรงซื้อต่อเนื่อง อย่าง BH, ADVANC และ TRUE อย่างไรก็ตามกลุ่มโรงไฟฟ้ายังเผชิญกับแรงขายทำกำไรต่อเนื่องนำโดย GULF, BCPG, EA, BGRIM ณ.สิ้นวัน SET ปิดที่ระดับ 1,776.2 จุด (+9.3 จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขายราว 5.9 หมื่นล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับวันก่อนหน้าที่ 8.4 หมื่นล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยที่ 797 ล้านบาท และเปิด Short SET50 index future ที่ 765 สัญญา
Investment theme
เมษายนเต็มไปด้วย Event play / จีนเพิ่มภาษีนำเข้าจากสหรัฐแล้ว: ในเดือนเมษายนมีหลายปัจจัยที่จะเป็นตัวกำหนดทิศทางตลาด นำโดยวันนี้ (2 เม.ย.) ติดตามสนช.เตรียมยื่นร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญการเลือกตั้งส.ส.ให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ซึ่งกรอบเวลาของการพิจารณาขึ้นอยู่กับว่าศาลจะวินิจฉัยบางมาตราอย่างที่ทำกับพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญที่มาส.ว.เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา หรือตีตกทั้งฉบับ ( Roadmap ก.พ.62 จะเลื่อนหรือไม่ขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่ศาลวินิจฉัย) และ ติดตามนายกประยุทธ์ตัดสินการใช้มาตรา 44 กับกลุ่ม ICT และ TV Digital ซึ่งหากนายกตัดสินใจไม่ใช้มาตรา44 เรามีมุมมองเป็นกลางต่อกลุ่ม ICT และเป็นลบต่อกลุ่ม TV Digital (เชิงโครงสร้าง) และวันที่ 5 เม.ย. ติดตามกระทรวงพลังงานพิจารณาปรับสูตรโครงสร้างการคำนวณราคาเชื้อเพลิงหน้าโรงกลั่นใหม่ เพื่อลดราคาขายปลีกน้ำมัน ในขณะที่วันนี้จะมีการปรับขึ้นค่าแรงทั้งประเทศ 5-22 บาท เป็น 308-330 บาท คาดกระทบภาคเกษตรและบริการสูงที่สุด (โดยภาคเกษตรและบริการมีต้นทุนแรงงานคิดเป็นสัดส่วนสูงกว่า 17 และ 20% ของต้นทุนทั้งหมด ตามลำดับ) ในขณะที่ภาคอุตสาหกรรมปกติจ่ายค่าแรงสูงกว่าอยู่แล้วและด้วยเทคโนโลยีที่เข้ามามีบทบาททำให้ต้นทุนแรงงานมีผลกระทบจำกัด และล่าสุดเมื่อเช้าที่ผ่านมาจีนประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐ 15-25% สูงกว่า 120 สินค้านำโดยหมูและสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ เบื้องต้นเราคาด CPF จะได้ประโยชน์ทางอ้อมจากราคาหมูในประเทศจีน(CPP) ที่ปรับตัวขึ้นและความต้องการ Feed stock ที่สูงขึ้น
Investment Theme: สัปดาห์นี้คาด SET แกว่งตัวในกรอบ 1,760-1,780 จุด แนะนักลงทุนเปลี่ยนใช้กลยุทธ์ซื้อที่แนวรับ 1,760 และทยอยขายบริเวณแนวต้าน 1,780 และ 1,800
Big issue
เมื่อคืนที่ผ่านมา – สศอ. เผยดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ก.พ.61 ขยายตัว 4.66%YoY / ธปท เผยเดือนก.พ.เกินดุลบัญชีเดินสะพัดสูงกว่า 6.157 พันล้านเหรียญสหรัฐ / US 10 yrs Bond yield ปรับตัวลงที่ระดับ 2.75% ต่ำสุดตั้งแต่เดือนก.พ.
Stock pick : BANPU
BANPU : ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 25.0 บาท/หุ้น
ราคาหุ้นปรับตัวลงกว่า 16% ภายหลังถูกเก็งกำไรจากประเด็นผลลัพธ์ของศาล ในขณะที่เราปรับสมมติฐานราคาถ่านหินปี 2561/62 เพิ่มขึ้น 14-28% เป็น 90 และ 80 เหรียญ/ตันตามลำดับ และปรับราคาขายถ่านหิน ASP ของ CEY และ ITM ขึ้น ส่งผลให้ปรับกำไรจากการดำเนินงานปีนี้ขึ้น 30 % เป็น 12,070 ล้านบาท ทำให้เราปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 25.0 บาท เรามองว่าราคาถ่านหินจะยืนในระดับสูงต่อเนื่องไปใน 2Q61 เนื่องจากการนำเข้าของอินเดียที่ยังช่วยหนุน หลังปริมาณถ่านหินสำรองในอินเดียยังอยู่ในระดับต่ำ รวมถึงการผลิตของเหมืองในประเทศที่ยังทำได้ต่ำกว่าแผน
ราคาปัจจุบันคิดเป็นปันผลสูงกว่า 4.2% (ขึ้น XD วันที่ 10 เม.ย. ที่ 0.35 บาท/หุ้น ) ในขณะที่เรามองว่าราคาหุ้นปัจจุบันมี Downside จำกัดในขณะที่ Upside เปิดกว้างอีกครั้งที่ 25% ทำให้เรามองว่า BANPU เป็นอีกหนึ่งหุ้นที่แนะซื้อเพื่อเอาปันผล
Technical View
แนวรับบริเวณ 1760 ยังคงแข็งแกร่ง: ดัชนีปรับตัวลงทดสอบแนวรับสำคัญของกรอบ Sideway ที่ 1760 อีกครั้ง แต่มีแรงซื้อกลับจากหุ้นที่ปรับตัวลงก่อนหน้าทั้งกลุ่มพลังงานและขนส่ง ทำให้เกิดเป็นแท่งเทียนกลับตัวแบบ Hammer ที่แนวรับ โดยสัญญาณดังกล่าวจะคอนเฟิร์มก็ต่อเมื่อวันนี้ดัชนีปิดยืนเหนือ 1777 แต่จากสัญญาณกลับตัวดังกล่าว คาดวันนี้ดัชนีจะมีแนวโน้มแกว่งตัวขึ้นทดสอบแนวต้าน 1790 และ 1800 ตามลำดับ
กลยุทธ์การลงทุน 1) มีหุ้น: แนะนำถือหุ้นเพื่อ Trading เล่นRebound ไปที่แนวต้าน แต่หากหลุด 1760 แนะนำขายทำกำไร 2) ไม่มีหุ้น: Trading ในกรอบ 1770-1790
แนวรับ : 1770, 1760 แนวต้าน : 1790, 1800
Keep an eye on...
ปัจจัยต่างประเทศ: 2 เม.ย. สหรัฐรายงาน PMI ภาคการผลิต
ปัจจัยในประเทศ: -
หุ้นเทคนิค:
CPALL (B 87.00-87.50, Tp 90.00//92.00, Cut 86.00)
PTT (B 546.00, Tp 566.00, Cut 540.00)
ข่าวเด่น