“พลิกมากังวลสงคราการค้า”
ทิศทางตลาดหุ้นไทย:
คาดดัชนีฯ พลิกกลับมาผันผวนและมีโอกาสอ่อนตัวลงเล็กน้อย แนวรับสำคัญ 1775 จุด .... ตัวแปรสำคัญ คือ จีนประกาศปรับขึ้นภาษีของสหรัฐฯกว่า 120 รายการ ส่งผลให้มีความกังวลว่า การปรับขึ้นภาษีของสหรัฐฯและจีน จะกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศยักษ์ใหญ่ทั้งสอง และเป็นส่วนหนึ่งที่กดดันต่อราคาน้ำมันดิบด้านเช่นกัน โดยราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดลดลง $1.9 ดอลล่าร์ มาอยู่ที่ $63.01 ดอลล่าร์/บาร์เรล ซึ่งกระทบมาถึงตลาดหุ้นไทย ที่น้ำหนักของตลาดมีต่อหุ้นอิงราคาน้ำมัน .... ปัจจัยในประเทศเอง ความกังวลต่อการกำหนดวันเลือกตั้งยังมีอยู่ แม้เราจะประเมินว่าแม้ยืดเวลาออกไปจะไม่นานก็ตาม นอกจากนี้ การประชุม ครม. จะมีวาระที่ กสทช. จะเสนอขอผ่อนผันและช่วยเหลือผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่ (TRUE-ADVANC) และผู้ประกอบการทีวีดิจิตอล โดยมีแนวโน้มที่ ครม.อาจไม่อนุมัติ หาก
พิจารณาแล้วเห็นว่าไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศ
กลยุทธ์การลงทุน:
ตลาดมีความเสี่ยงและผันผวนสูง การลงทุนจึงต้องเน้นสั้นๆ เป็นหลักและเกาะกับปัจจัยเฉพาะตัว หุ้นที่มีค่า P/E สูงยังมีความแปรปรวน .... หุ้นขนาดใหญ่ที่เราแนะนำวันนี้ จะเน้นหุ้นที่มีฐานรายได้ในประเทศ ประกอบด้วย KBANK , BDMS , LH
หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์: CK , ERW , MBK
หุ้นแนะนำทางเทคนิค: BEAUTY , TFG, ASAP
* เป็นหุ้นที่แนะนำเชิงกลยุทธ์ โดย KTBST ไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์
หุ้น Active ที่น่าสนใจ
(+) MBK : (ราคาปิด 23.70 บาท)
บริษัทคาดว่ารายได้ปี 61 จะเติบโตดีกว่าปีก่อนที่ทำได้ 1.04 หมื่นล้านบาท โดยจะเติบโตไปตามธุรกิจศูนย์การค้าที่ในปีนี้จะรับรู้
รายได้ของศูนย์การค้า Paradise Park เข้ามาเต็มปี ........ ขณะที่ธุรกิจสินเชื่อ แบ่งเป็น สินเชื่อรถจักรยานยนต์ และสินเชื่อที่พักอาศัยนั้น ในปีนี้จะรับรู้ดอกเบี้ยและเงินต้นเข้ามาอย่างมีนัยสำคัญ หลังจากมีการเร่งปล่อยสินเชื่อในช่วงครึ่งหลังของปีก่อน.... ราคาที่เหมาะสมโดย KTBST ที่ 26.00 บาท
(+) ERW : (ราคาปิด 8.15 บาท)
บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 2561 เติบโต 10% จากปีก่อนมีรายได้ 6,050.46 ล้านบาท โดยเติบโตตามภาพรวมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในปีนี้เริ่มฟื้นตัว ประกอบกับมีการเปิดห้องพักเพิ่ม และควบคุมต้นทุนค่าใช้จ่ายได้ดีขึ้น ... เรามองว่า แนวโน้มกำไรสุทธิใน 1Q18 จะเติบโตได้โดดเด่นอย่างต่อเนื่องจากเป็นช่วง High Season และไม่มีการ Renovate ของ JW Marriot ประกอบกับ ใน 1Q18 จะเปิด Hop-Inn เพิ่ม อีก 3 แห่ง .... ราคาที่เหมาะสมโดย KTBST ที่ 10.00 บาท
หุ้นมีประเด็น
(+) CPF ขยายธุรกิจอาหารคนป่วยเพิ่มมูลค่า ราคาหมูเริ่มฟื้นตัวขึ้น
CPF กล่าวว่า เมื่อต้นปี 2561 ที่ผ่านมา บริษัทได้เริ่มให้บริการด้านอาหารผู้ป่วยใน ณ โรงพยาบาลสินแพทย์ ถ.รามอินทรา ซึ่งประกอบไปด้วย อาหารธรรมดา อาหารอ่อน อาหารเหลวใส อาหารเหลวข้น และอาหารสำหรับญาติ-ผู้เฝ้าไข้ นอกจากนี้ยังมีอาหารที่แยกตามประเภทผู้ป่วย เช่น อาหารหลังคลอด อาหารเด็ก อาหาร Western และอาหารเฉพาะโรคที่จัดทำ Meal Plan ตามคำสั่งแพทย์ (ที่มา: ข่าวหุ้น, สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร)
ความเห็น: เรามีมุมมองเป็นบวกต่อข่าวดังกล่าว เนื่องจากเป็นการแตกไลน์เข้าสู่ธุรกิจอาหารเพื่อสุขภาพของผู้ป่วยซึ่งเป็นธุรกิจที่มีมูลค่าเพิ่ม นอกเหนือจากการจัดจำหน่ายสินค้าอาหารปกติ อนึ่งราคาหมูมีการปรับตัวขึ้นมาจากการที่อุปทานบางส่วนลดลงจากตลาดเพราะผู้ผลิตขาดทุนจากราคาหมูที่ตกต่ำในช่วงก่อนหน้า โดยราคาหมูเริ่มปรับขึ้นมาอยู่ที่ 58 บาท เกินกว่าต้นทุน 54 บาท อีกทั้งคาดว่าในช่วง 6 เดือนข้างหน้าจะสามารถตอบรับคำสั่งซื้อไก่จากประเทศจีนได้ เราปรับราคาเป้าหมายจาก SOTP เป็น 29 บาท จากเดิมที่ 25 บาท ปรับคำแนะนำ จาก ถือ เป็น “ซื้อ”
(+) SPALI: ยอด Presales 1Q18 พุ่งเกิน 1Q17 ที่ทำได้ 7,561 ล้านบาท
ผู้บริหาร SPALI เปิดเผยแนวโน้มยอดขาย (Presale) ในช่วง 1Q18 จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งโครงการแนวราบและโครงการคอนโดมิเนียม และเติบโตดีกว่า 1Q17 ที่ทำยอดขายได้ 7,561 ล้านบาท โดยในช่วง 1Q18 SPALI มีการเปิดตัวโครงการใหม่ 6 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 3 พันล้านบาท เป็นโครงการแนวราบทั้งหมด ขณะที่ยอดโอนกรรมสิทธิ์ในช่วง 1Q18 จะยังไม่โดดเด่นนัก และน่าจะเป็นไตรมาสที่มีการโอนกรรมสิทธิ์น้อยสุดของปีนี้ เนื่องจากในช่วง 1Q18 ไม่มีกำหนดส่งมอบโครงการคอนโดเสร็จใหม่ แต่คาดว่าจะดีขึ้นมากใน 2Q18 เนื่องจากจะคอนโดใหม่เริ่มโอน 2 โครงการ ส่วนในช่วง 2Q18 มีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 4 โครงการ มูลค่ารวม 4 พันล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 3 โครงการ และคอนโด 1 โครงการ (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น)
ความเห็น: เรามองเป็นบวกต่อข่าวดังกล่าว หาก SPALI สามารถทำยอด Presale ได้สูงกว่า 1Q17 แม้ในงวด 1Q18 จะไม่มีการเปิดตัวโครงการคอนโดใหม่ ทั้งนี้ ยังคงประเมินยอด Presale ทั้งปี 2018 จะทำสถิติสูงสุดใหม่ได้ต่อเนื่องที่ 3.3 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% YoY ขณะที่ด้านกำไรสุทธิงวด 1Q18 แม้จะยังไม่โดดเด่นนัก แต่คาดว่ายังคงปรับตัวดีขึ้น YoY ได้ และจะดีขึ้นต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปีตามแผนการเริ่มโอนคอนโดใหม่ โดยในปี 2018 SPALI มียอด Backlog ค่อนข้างสูงที่พร้อมรับรู้รายได้ในปีนี้แล้วมากกว่า 50% ของเป้าหมาย เราประเมินกำไรสุทธิปี 2018 ทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่องที่ 5.9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% YoY แต่หากเทียบกำไรปกติจะเติบโตราว 8% YoY ทั้งนี้ เรายังแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 27 บาท ปัจจุบัน SPALI ยังซื้อขาย PER ต่ำเพียง 8 เท่า และปี 2018 จะกลับมาจ่ายปันผลตามปกติ คาดอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงราว 5%
ข่าวเด่น