ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน คาดว่า SET มีแนวโน้มอ่อนตัวลง (03/04/61)


 กลยุทธ์วันนี้ >> Stay in Defensive and Domestic Play

  ตลาดหุ้นวานนี้ : SET แกว่งตัว Sideways Up ได้ตามคาดโดยหุ้น Domestic Play หลายๆกลุ่มปรับตัวขึ้นค่อนข้างชัดเจนซึ่งสอดคล้องกับคำแนะนำของเรา แรงซื้อส่วนใหญ่ยังคงมาจากสถาบันในประเทศราว 2.5 พันลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติและรายย่อยขายสุทธิ 1.1 พันลบ.และ 1.6 พันลบ. ตามลำดับ (แต่ต่างชาติเริ่มพลิกมา Long ใน Index Futures เกือบ 1.3 หมื่นสัญญา)
  แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET มีแนวโน้มอ่อนตัวลงวันนี้จากบรรยากาศการลงทุนที่เป็นลบจากความกังวลเรื่องสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯหลังจีนเริ่มมีการตอบโต้ ซึ่งสอดคล้องกับที่เราประเมินว่าตลอดทั้งเดือนตลาดจะมีความผันผวนจากประเด็นดังกล่าว ขณะที่ราคาน้ำมันดิบวานนี้ปรับตัวลงแรง 3% ซึ่งกดดันหุ้นในกลุ่มพลังงาน เราจึงยังว่าการลงทุนระยะนี้ยังเน้นที่กลุ่ม Domestic และ Defensive Play เช่น กลุ่มโรงพยาบาลและกลุ่มท่องเที่ยวซึ่งระยะหลังปรับตัวขึ้นค่อนข้างดีและน่าจะ Outperform ตลาดได้ 
  กลยุทธ์ : พักเงินในหุ้น Defensive และ Domestic Play
  หุ้นเด่นเดือน เม.ย. : BDMS, CPN, ERW, KBANK, SYNEX  
  Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$171ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกจากเกาหลีใต้ US$61ล้าน ส่วนไทยมีเม็ดเงินไหลออก US$35ล้าน ขณะที่ไหลเข้าไทย US$3ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาคจากความกังวลต่อสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ

ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> MINT <<

  • แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 48 บาท
  • คาดกำไรปกติ 1Q18 โตแข็งแกร่งและเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปี จาก Peak Season ของการท่องเที่ยวในไทย
  • ส่วนทั้งปี 2018 คาดกำไรปกติทำ New High +20% Y-Y อยู่ที่ 6.5 พันลบ. จากการโตในทุกธุรกิจตามความสามารถในการทำกำไรที่เพิ่มสูงขึ้น
  • ราคาหุ้น -13% YTD เรามองว่า laggard เกินไปเมื่อเทียบกับการเติบโตของตัวเอง และการเคลื่อนไหวของเพื่อนร่วมกลุ่มที่ -9% YTD โดยเฉพาะสัปดาห์ล่าสุดที่ CENTEL ERW ขึ้นเฉลี่ย 4% มากกว่า MINT ที่ขึ้นเพียง 2%

ประเด็นสำคัญวันนี้
  (0) กระแสเงินไหลเข้า Safe Haven ด้วยความกังวลในสงครามการค้าโลก ทำให้สินทรัพย์เสี่ยงในสหรัฐฯพักตัวลงแรง เงินไหลเข้าพักในทองคำ +3% YTD และเงินสกุลเยน +6% YTD รวมถึงพันธบัตรสหรัฐฯ ที่ราคาเริ่มปรับขึ้นและกดดันให้อัตราผลตอบแทนอ่อนตัวลง โดยตัวอายุ 10 ปี ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ราว 10 bps. ถือเป็นปัจจัยบวกทางอ้อมต่อตลาด Emerging Market  
  (0) เงินเฟ้อเร่งตัวขึ้น อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือน มี.ค. +0.79% Y-Y ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน +0.63% Y-Y ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไป 1Q18 +0.64% Y-Y แนวโน้มจะเร่งตัวขึ้นอีกใน 2Q18 แต่ยังต่ำกว่าภูมิภาคอยู่มาก และคาดเงินเฟ้อทั้งปีนี้อยู่ที่ 1.14% ยังอยู่ในกรอบที่คาดไว้เดิม 0.7-1.7% จึงยังไม่สร้างแรงกดดันต่อการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 
  (+) สงครามการค้าหนุน CPF วานนี้จีนตอบโต้ด้วยการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯรวม 128 รายการ เช่น เนื้อหมู เพิ่มกำแพงภาษีเป็น 25% ผลไม้ 15% เหล็กแท่ง 15% เป็นต้น ซึ่งอาจทำให้จีนกลับไปนำเข้าหมูจากเวียดนามมากขึ้น และช่วยดันราคาหมูเวียดนามให้สูงขึ้นในระยะถัดไป จากปัจจุบันที่ราว 32,000 ด่องต่อกก. ซึ่งต่ำกว่าต้นทุนการเลี้ยง เป็นบวกต่อ CPF อาจรับรู้จุดคุ้มทุนได้เร็วขึ้นในปีนี้ ในขณะที่ราคาหมูในไทยเริ่มขยับขึ้นสู่ 55-56 บาทต่อกก.(สูงกว่าต้นทุนแล้ว) จากก่อนหน้าที่ 49-50 บาท หมูที่ดีขึ้นจะเป็นบวกต่อกำไร 2Q18 เป็นต้นไป ส่วน 1Q18 กำไรน่าจะยังไม่ดี แนะนำเก็งกำไร CPF ราคาเป้าหมาย 28 บาท
  (0) กบง.เลื่อนประชุมเป็น 20 เม.ย. เนื่องจาก รมว. พลังงานติดภาระกิจเดินทางไปกับนายก ทำให้แรงกดดันต่อกลุ่มพลังงานทั้งผู้ค้าน้ำมันและโรงกลั่นผ่อนคลายลงชั่วคราว โดยก่อนหน้านี้มีข่าวว่าที่ประชุม กบง. กำลังพิจารณาโครงสร้างราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่นและราคาขายปลีก ซึ่งอาจมุ่งไปที่การปรับลดค่าพรีเมี่ยมมากกว่าค่าการตลาดอยู่ในระดับต่ำอยู่แล้ว การฟื้นกลับของหุ้นกลุ่มโรงกลั่นโดยเฉพาะ TOP จึงยังจำกัด ส่วน PTT และ PTTEP อาจมีแรงเก็งกำไรกลับเข้ามาตามทิศทางราคาน้ำมันดิบที่ทรงตัวในระดับสูง
  (+) IT เรากลับมาแนะนำซื้อ IT ที่ราคาเป้าหมายปี 2018 เท่ากับ 6.90 บาท ปัจจัยหนุนระยะสั้นอยู่ที่แนวโน้มกำไร 1Q18 ที่คาดโตสูง 145% Y-Y อยู่ที่ 15 ลบ. ขณะที่ ปัจจัยหนุนระยะกลาง-ยาวอยู่ที่การปรับกลยุทธ์การแข่งขัน โดยเรามองว่า Upside ของ IT เป็นไปได้ทั้งการจับมือกับ Mobile Operator, การกลับมาขยายสาขาหรือรุกตลาดออนไลน์, และการสร้างจุดแข็งโดยเป็นผู้นำตลาด Gamming เราคาดกำไรสุทธิปีนี +33% Y-Y อยู่ที่ 84 ลบ. และปีหน้า +24% Y-Y อยู่ที่ 105 ลบ. PE2018 ต่ำเพียง 10 เท่า ทั้งที่โตสูงและบริหาร Cash Cycle ได้ดีสุดในอุตสาหกรรม อีกทั้ง คาดปันผลปี 2018-19 จะสูงถึง 6-8% ต่อปีด้วย
            
ปัจจัยที่ต้องติดตาม

3 เม.ย.

ออสเตรเลีย: ประชุมธนาคารกลาง

เม.ย.

สหรัฐฯ: ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชน ADP (มี.ค.)

ยูโรโซน: อัตราเงินเฟ้อ (มี.ค.)

5 เม.ย.

ไทย: ประชุม กบง., ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (มี.ค.)

ยูโรโซน: ยอดค้าปลีก (ก.พ.)

6 เม.ย.

สหรัฐฯ: ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร (มี.ค.)

  • (-) ตลาดสหรัฐปรับตัวลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ หลังตลาดกลับมาให้น้ำหนักเรื่องสงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังทางการจีนยื่นข้อเสนอเพื่อจะเจรจาแต่ทางสหรัฐยังนิ่งเฉย ในขณะที่มาตราการตอบโต้ของจีนจะเริ่มมีผลในวันจันทร์
  • (0) ตลาดหุ้นยุโรปปิดทำการเนื่องในวัน Easter Monday
  • (-) ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ยังคงได้รับแรงกดดันจากฝั่งสหรัฐ นอกจากนี้ตลาดยังคงจับตาดูถ้อยแถลงการณ์ของธนาคารกลางออสเตรเลีย โดยตลาดคาดว่าจะยังคงดอกเบี้ยไว้ที่ 1.5%
  • ()  ค่าเงินบาทและดอลลาร์ยังคงเคลื่อนไหวผันผวนอยู่ในกรอบแคบๆ ล่าสุดขึ้นมาอยู่ที่ 31.20-31.25 บาท/ดอลลาร์
  • (-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน พ.ค. ร่วงลง 1.93 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 63.01 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังความกังวลในเรื่องสงครามการค้าอาจมีผลต่ออุปสงค์น้ำมันโลกในระยะยาว
  • ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย. ปรับตัวขึ้น 19.6 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 1,346.9 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังนักลงทุนทยอยกลับมาพักเงินในสินทรัพย์ที่ปลอดภัย

บันทึกโดย : วันที่ : 03 เม.ย. 2561 เวลา : 09:55:38

22-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 22, 2024, 3:16 am