|
|
|
|
|
|
สรุปภาวะตลาดวันก่อน : SET +6.02 จุด แรงเก็งกำไรหุ้นรายตัว แต่วอลุ่มเบาบาง
SET แกว่งอิงแดนบวกเล็กน้อยในกรอบ 1771-83 รีบาวด์ 2 วันติด จากแรงซื้อเก็งกำไรหุ้นรายตัว แต่มูลค่าซื้อขายน้อยเพียง 4.04 หมื่นลบ. ต่ำสุดในรอบ 6 สัปดาห์ รอทิศทางหุ้นตปท.กลับมาซื้อขายหลังจากหยุด Good Friday และ Easter ต่างชาติขายสุทธิ 1.08 พันลบ. 3 วัน แต่พลิก Long S50 Futures 12,619 สัญญา ยุติ Short 5 วัน
ทิศทางตลาดวันนี้ : ถอยลงทดสอบ 1770-75 ถูก Sentiment หุ้นตปท.กดดัน
หุ้นโลกเมื่อวาน (2 เม.ย.) ยังปิดทำการในส่วนของหุ้นยุโรปเนื่องในเทศกาล Easter ขณะที่หุ้นสหรัฐฯ เปิดทำการวันแรกของไตรมาส 2 ดิ่งลงแรง หลังจีนประกาศตั้งกำแพงภาษีสินค้าสหรัฐฯ 128 รายการเมื่อวาน และมีแรงขายต่อเนื่องในหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ โดยดัชนี NASDAQ -2.7% นำโดยหุ้น Amazon ที่ถูกปธน.ทรัมป์กล่าวหาว่าทำให้ไปรษณีย์สหรัฐฯ ขาดทุน สร้างความกังวลว่าการดำเนินธุรกิจในอนาคตมีความเสี่ยงเชิงนโยบายจากทรัมป์ รวมทั้งหุ้น Intel หลัง Apple มีแผนเปลี่ยน chips ในคอมพิวเตอร์ Mac จากของ Intel เป็นของตนเองภายในปี 2020 ขณะที่ราคาน้ำมัน WTI ร่วง 3% ตามภาวะ “Risk-off” ของตลาด มอง SET มีแนวโน้มถอยลงทดสอบระดับ 1770-75 จากราคาน้ำมัน และ Sentiment หุ้นสหรัฐฯ ที่ปรับลงแรง อย่างไรก็ดี ด้วยไทยไม่ได้เป็นเป้าของการกีดกันการค้า และมีความเชื่อมโยงต่อหุ้นเทคโนโลยีน้อย ประกอบกับแนวโน้มศก.ไทยยังแข็งแกร่ง ดังนั้นน่าจะปรับลงน้อยกว่าและระหว่างวันมีโอกาสฟื้นตัว แนะติดตามความเสี่ยงเชิงนโยบายจากทรัมป์ที่คาดว่าจะสร้างความผันผวนต่อไปในระยะสั้น, ตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯ และถ้อยแถลงของปธ.FED ในวันศุกร์นี้ แนวรับ 1770-75 แนวต้าน 1790
กลยุทธ์การลงทุน : Wait&See ถือเงินสด > ถือหุ้น, เด้งเป็นจังหวะขายลดพอร์ต
ยังแนะอยู่ในโหมด Wait & See โดยถือเงินสดมากกว่าถือหุ้น หาก SET ปิดต่ำกว่า 1760 จะยืนยันภาพตลาดเลือกข้างเป็นแนวโน้มขาลงในไตรมาส 2 มีโอกาสแกว่งซิกแซกลงทดสอบ 1710-1720 / SET จะกลับมาดูดีขึ้นต้องยืน 1800 ให้ได้ก่อน มองการรีบาวด์เป็นจังหวะขายลดพอร์ต-ถือเงินสดเพิ่ม / การเก็งกำไรต้องรับความเสี่ยงได้สูง-มีวินัย
- ประเด็นหุ้นน่าสนใจ Trading Pick CHG– บ.ตั้งเป้ารายได้ปีนี้โต 10-15% โดยแนวโน้มผลประกอบการ 1Q18F คาดจะออกมาดี จากปริมาณผู้ป่วยเข้ารับการรักษาเพิ่มขึ้น, จะเปิด 1 โรงพยาบาลใหม่ที่ปราจีนบุรี เพิ่มจำนวนเตียงเป็น 699 เตียงในสิ้นปีนี้, จะปันผล 0.012 บ./หุ้น XD 30 เม.ย., Consensus มองกำไรปีนี้จะกลับมาโต 16% หลังจากปีที่แล้วทรงตัว และให้เป้าพื้นฐาน 2.37 บ. upside 21% / เราปรับประมาณการกำไรกลุ่มแบงก์ปี 18-20F ลง 3-8% และหั่นเป้าพื้นฐานหุ้นธนาคารลงหลายตัว 5-14% โดยปรับคำแนะนำ KBANK (เป้าใหม่ 224 บ.) ลงเป็น “ถือ” ขณะที่ KKP (80 บ.) ปรับขึ้นเป็น “ซื้อ” โดยหุ้นเด่นที่สุดของเรา คือ BBL (222 บ.) / มองหุ้นในกลุ่มโรงพยายาลมีความปลอดภัยจากภาวะตลาดผันผวน ชอบ BCH, BDMS, CHG / CPF คาดจะได้ประโยชน์จากจีนตั้งกำแพงภาษีตอบโต้สินค้าสหรัฐฯ / ส่งออกไทย ก.พ. ขยายตัวดีกว่าคาด ชอบหุ้นเกี่ยวข้องธุรกิจยานยนต์ AH, SAT, NYT / หุ้นที่ตลาดมีแนวโน้มปรับประมาณการกำไรและเป้าราคาหุ้นขึ้น – AH, AJ, SAT, SEAFCO, TOA, TVO / หุ้นเก็บตกปิดงบ-ปันผลช้า – AEONTS (งบปีสิ้นสุด ก.พ.) / หุ้นได้ประโยชน์ EEC ชอบ CK, STEC, SEAFCO, AMATA, ROJNA, WHA / Summer Play – SNC, SAPPE, TACC / หุ้นปันผลดี (Div. Yield รอบนี้ > 3%) ชอบ AIT, AP, ASEFA, BIG, ESTAR, FTE, GLOW, KKP, KTB, LH, MCS, MODERN, NYT, PDI, PL, QH, ROJNA, SC, SPRC, WHAUP
- หุ้น Weekly GURU ซื้อ CHG (เป้าสั้น 2 บ.), COM7 (20.3 บ.) / ถือ ADVANC (220 บ.), BIG (3.2 บ.) /ขายเปลี่ยนตัว CPN (-0.6%), SF (-0.5%)
- หุ้นเด่น เม.ย. (Smart Tactics) COM7, IRPC, ROBINS, RS, SF
ปัจจัยติดตาม
|
วันที่
|
ปท.
|
เหตุการณ์
|
3 เม.ย.
|
JP, EU
|
การเปลี่ยนแปลงฐานเงินญี่ปุ่นใน มี.ค., PMI ภาคอุตฯ สหภาพยุโรปใน มี.ค.
|
4 เม.ย.
|
JP, CH, EU
|
ตัวเลข PMI ภาคบริการญี่ปุ่น, จีน (ภาคเอกชนจีน - Caixin) ใน มี.ค.,อัตราว่างงานสหภาพยุโรปใน ก.พ.
|
|
US
|
การจ้างงานภาคเอกชนทั่วปท.สหรัฐฯ (ADP) ใน มี.ค., ISM ภาคบริการสหรัฐฯ ใน มี.ค.
|
|
US
|
คำสั่งซื้อภาคโรงงานสหรัฐฯ ใน ก.พ., คำสั่งซื้อสินค้าคงทนสหรัฐฯ ในเดือน ก.พ. (สุดท้าย)
|
ที่มา : Bloomberg, DB, TISCO Research
|
บันทึกโดย : วันที่ :
03 เม.ย. 2561 เวลา : 10:03:33
|
|
|
|
|
ข่าวเด่น