ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน SET จะฟื้นตัวตามตลาดหุ้นโลก (05/04/61)


 กลยุทธ์วันนี้ >> Stay on Defensive and Domestic Play


  ตลาดหุ้นวานนี้ : SET แกว่งตัว Sideways ได้ในช่วงชั่วโมงแรกก่อนที่จะปรับตัวลงต่อเนื่องโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงบ่ายด้วยมูลค่าการซื้อขายหนาแน่นถึง 9.3 หม่นลบ. กลุ่มธนาคารนำตลาดลงหลัง KBANK ปรับลด Guidance รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย ขณะที่ความกังวลเรื่องสงครามการค้าเป็นอีกปัจจัยกดดัน แรงขายมาจากฝั่งสถาบันในประเทศและบัญชีบล.กลุ่มละราว 3.9 พันลบ. 
  แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET จะฟื้นตัวตามตลาดหุ้นโลกที่ฟื้นตัวหลังท่าทีสหรัฐฯเริ่มอ่อนลงและระบุว่าต้องการเจรจากับจีนมากกว่าทำสงครามการค้า อย่างไรก็การฟื้นตัวของดัชนีคาดว่ายังจำกัดบริเวณ 1,740 จุดบวกลบเนื่องจากปัจจัยในประเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มธนาคารยังคงกดดันรวมถึงอยู่ในช่วงคาบเกี่ยววันหยุดยาว และเรายังมองว่าตลอดทั้งเดือนตลาดจะยังแกว่งผันผวนตามพัฒนาการของข่าว ระยะสั้นจึงเน้นเป็นการ Trading เล่นรีบาวด์และลดพอร์ตลงบ้างเพื่อลดความเสี่ยง แต่ระยะกลาง-ยาวเรามองว่าดัชนีมี Downside ไม่มากหากอิงจาก Earnings Yield Gap ที่กว้างขึ้น PE ที่ถูกลงและเริ่มเปิด Upside เมื่อเทียบกับ SET Target ที่ 1,900 จุด 
  กลยุทธ์ : ยังเน้น Defensive และ Domestic Play
  หุ้นเด่นเดือน เม.ย. : BDMS, CPN, ERW, KBANK, SYNEX  
  Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$266ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกจากเกาหลีใต้ US$273ล้าน ขณะที่ไหลเข้าไทย US$7ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาคแต่การซื้อขายน่าจะเบาบางลงเพราะฮ่องกงและจีนปิดทำการในวันนี้

ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> BDMS <<

  • แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 26 บาท
  • คาดกำไรปีนี้ที่ 9.1 พันลบ. +14% Y-Y จากรายได้ที่ฟื้นตัวทั้งผู้ป่วยไทยและต่างชาติ รวมถึงต้นทุนที่คุมได้ดีขึ้น เพราะการขยายโรงพยาบาลใกล้ถึงเป้าที่ 50 แห่ง และแรงกดดันจากผลขาดทุนของ Wellness Clinic ที่ลดลงจากการเปิดให้บริการช้ากว่าคาด
  • BDMS เป็น 1 ใน 10 หุ้นที่ NVDR ซื้อหนักสุด โดยตั้งแต่ต้นปีซื้อไปถึง 1.8 พันลบ. มากกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ซื้อเพียง 775 ลบ.
  • ค่าเบต้าต่ำเพียง 0.3 เหมาะใช้เป็นที่พักเงินในช่วงตลาดอ่อนแรง


ประเด็นสำคัญวันนี้
  (0) คงเป้าดัชนีที่ 1,900 จุด เนื่องจากกำไรของกลุ่มแบงก์คิดเป็น 20% ของทั้งตลาด การปรับกำไรของกลุ่มแบงก์ในปีนี้ลง 4% จากเดิม +9% เป็น +6% กระทบประมาณการ EPS ของทั้งตลาด 0.5% ทำให้ลดลงจากเดิม 111.2 บาท (+11.7% Y-Y) เหลือ 110.6 บาท (+10.6% Y-Y) เป้า SET สิ้นปีนี้จากเดิม 1,900 จุดอาจลดลงเล็กน้อยเป็น 1,880 จุด มี upside 9% จากระดับดัชนีปัจจุบัน แต่เราคิดว่ายังเร็วไปที่จะปรับเป้า SET เพราะหากวงจรการลงทุนในประเทศเริ่มขึ้น การเติบโตของสินเชื่อหักล้างผลกระทบของรายได้ค่าธรรมเนียมที่ลดลงได้    
  (-) กลุ่มธนาคารพาณิชย์ เราปรับลดกำไรสุทธิปี 2018 ของกลุ่มลง 4% เป็น 1.96 แสนลบ. (+6.5% Y-Y) จากการปรับลดรายได้ค่าธรรมเนียมและรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย 5-8% เพื่อสะท้อนการยกเลิกเก็บค่าธรรมเนียมผ่าน Mobile Banking โดยคาดว่า KBANK จะได้รับผลกระทบมากสุด จากส่วนแบ่งการตลาด Mobile Banking ที่สูงสุด ส่วน TMB TCAP และ TISCO ได้รับผลกระทบไม่มีนัยสำคัญ แนวโน้มกำไร 1Q18 ของทั้งกลุ่ม คาดว่ายังไม่ได้รับผลกระทบ เราคาดกำไร +22% Q-Q แต่ลดลง 2.5% Y-Y ที่จะโตดีทั้ง Q-Q และ Y-Y คือ BBL, KBANK, BAY, TMB, TISCO เราปรับน้ำหนักการลงทุนกลุ่มธนาคารจาก Overweight เป็น Neutral เลือก TISCO เป็น Top Pick ราคาเป้าหมาย 98 บาท (ปันผล 5.6% XD 27 เม.ย.)  
  (-) KBANK เราปรับลดคาดการณ์รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยจากเดิม +1% เป็น -6% สอดคล้องกับเป้าหมายทางการเงินใหม่ของธนาคารซึ่งได้รวมผลกระทบของการยกเลิกค่าธรรมเนียมการโอนเงินผ่าน Mobile ประมาณการกำไรใหม่ของเราลดลงจากเดิมราว 9% อยู่ที่ 3.71 หมื่นลบ. ซึ่งยังเห็นการเพิ่มขึ้นราว 8.2% Y-Y เนื่องจากได้รับชดเชยจากค่าใช้จ่ายการตั้งสำรองฯ ที่ลดลง เราคาดกำไร 1Q18 ยังไม่ได้รับผลกระทบจากค่าธรรมเนียมที่ลดลง และคงคาดการณ์การฟื้นตัวที่ราว 87% Q-Q, 5% Y-Y อยู่ที่ราว 1.06 หมื่นลบ.  เราปรับลดราคาเหมาะสมปี 2018 ลงเป็น 235 บาท (เดิม 264 บาท) ให้สอดคล้องกับประมาณการกำไรใหม่ คงคำแนะนำซื้อ
  (0) MTLS จากประเด็นความกังวลกม. ควบคุม Non-Bank ซึ่ง MTLS เข้าข่ายถูกควบคุมด้วย แต่ปัจจุบัน MTLS คิดอัตราดอกเบี้ยตามกฏหมายที่ 15% ส่วนการเก็บค่าธรรมเนียมที่ 8% กฏหมายได้กำหนดว่าให้คิดได้อย่างสมเหตุสมผล ซึ่งเมื่อรวมกันแล้วการเก็บอัตราดอกเบี้ยในอัตรา 22-23%ต่อปี ถือว่ายังต่ำกว่าคู่แข่ง และต่ำกว่าผู้ประกอบการที่อยู่นอกระบบ ด้านผลกำไร 1Q18 คาดว่าจะยังสร้าง New-high ที่ราว 750-780 ลบ. หรือเพิ่มขึ้น 5% Q-Q, 45% Y-Y คงราคาเหมาะสมที่ 51 บาท
  (-) MAKRO คาดกำไร 1Q18 ไม่ตื่นเต้น ลดลง Q-Q และทรงหรือลง Y-Y จากราคาสินค้าเกษตรที่ลดลงทั้ง หมู ไก่ น้ำมันปาล์ม ทำให้ SSSG อาจทรงตัวหรือลบเล็กน้อย Y-Y บวกกับยังมีค่าใช้จ่ายที่สูงจากการขยายไปต่างประเทศ เราคาดกำไรจะอ่อนตัวอีกใน 2Q18 จาก Low Season ก่อนจะฟื้นใน 3Q18 และไปทำจุดสูงสุดใน 4Q18 บริษัทยังตั้งเป้าเปิด 8 สาขาในไทย 2 สาขาในกัมพูชา และ 2 สาขาในอินเดีย เราคาดกำไรทั้งปีที่ 7 พันลบ. +14% Y-Y ราคาหุ้นเต็มมูลค่าที่ 42 บาทแล้ว แนะนำขาย 

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

5 เม.ย.

ไทย: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (มี.ค.)

สหรัฐฯ: ดุลการค้า (ก.พ.)

ยูโรโซน: ยอดค้าปลีก (ก.พ.)

6 เม.ย.

สหรัฐฯ: ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร (มี.ค.), ถ้อยแถลงของประธานเฟด

11 เม.ย.

สหรัฐฯ: อัตราเงินเฟ้อ (มี.ค.), FOMC Meeting Minutes

จีน: ?อัตราเงินเฟ้อ (มี.ค.)

13 เม.ย.

จีน: ?ดุลการค้า (มี.ค.)

  • (+) ตลาดหุ้นสหรัฐทั้งสามตลาดฟื้นตัวประมาณ 1-1.5% หลังที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจของทำเนียบขาวได้ออกมาพูดว่าทางสหรัฐต้องการที่จะเจรจากับจีนมากกว่าที่จะหวังให้เกิดสงครามทางการค้า
  • (-) ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลงหลังจากตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน(ส่งผลต่อเงินเฟ้อ) และอาจส่งผลให้ ECB ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้นกว่าที่ตลาดคาดไว้
  • (+) ตลาดเอเชียปรับตัวขึ้นจากท่าทีที่อ่อนลงของทางสหรัฐ ในขณะที่อดีตหัวหน้าภาคเศรษฐศาสตร์ของBOJ ออกมาให้ความเห็นว่าเป็นไปได้ที่จะเห็นการขึ้นดอกเบี้ยภายในหนึ่งปีหลังเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นเร็วกว่าคาด
  • ()  ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเล็กน้อย ล่าสุดเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 31.20-31.30 บาท/ดอลลาร์
  • (-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน พ.ค. ลดลงเล็กน้อยที่ 0.14 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 63.37 ดอลลาร์/ออนซ์ จากการผลิตในสหรัฐที่ยังคงเพิ่มขึ้น
  • ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย. ปรับตัวขึ้น 2.9 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 1,340.2 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง

บันทึกโดย : วันที่ : 05 เม.ย. 2561 เวลา : 09:19:30

22-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 22, 2024, 2:55 am