ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน นักลงทุนต่างชาติขายกลับมาซื้อหุ้นไทยเล็กน้อย (05/04/61)


 Market summary

  เมื่อวานที่ผ่านมา SET เผชิญกับแรงขายเด่น นำโดยกลุ่มธนาคารภายหลังรมว.คลังออกมาระบุส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (NIM) ของธนาคารพาณิชย์ประเทศอยู่ในระดับสูง สร้างความกังวลต่อการปรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลง ส่งผลให้กลุ่มธนาคารใหญ่ปรับตัวลง KBANK, KTB, SCB, BBL และยังมีแรงขายในหุ้นใหญ่ต่อเนื่องนำโดย PTT, IVL และ SCC ขึ้นเครื่องหมาย XDโดย ณ.สิ้นวัน  SET ปิดที่ระดับ 1,724.9 จุด  (-40.2 จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขายราว 9.3 หมื่นล้านบาท สูงขึ้นเมื่อเทียบกับวันก่อนหน้าที่ 6.2 หมื่นล้านบาท  
  นักลงทุนต่างชาติขายกลับมาซื้อหุ้นไทยเล็กน้อยที่ 204 ล้านบาท และคงสถานะ Short  SET50 index future ที่ 4,153 สัญญา  

Investment theme
  อีกหนึ่ง Policy risk กดดันกลุ่มธนาคาร :  นอกเหนือจาก 4 กลุ่มที่ถูกกดดันจากนโยบายภาครัฐทดแทน (Policy risk) อย่างกลุ่ม TV digital, กลุ่มโรงกลั่น, กลุ่ม Leasing และกลุ่มพลังงานแล้ว ล่าสุดเมื่อวานที่ผ่านมาเกิดอีกหนึ่งปัจจัยกดดันกลุ่มธนาคารซึ่งมีสัดส่วนสูงกว่า 13% ของมูลค่าหลักทรัพย์ โดยรัฐมนตรีกระทรวงการคลังออกมาระบุปัจจุบันส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก(NIM) ของประเทศไทยอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้า SME ที่มี NIM สูงกว่า 6-7% (ในขณะที่บริษัทขนาดใหญ่ต่ำเพียง 1-2%) และเปรยอยากให้ธปท.ช่วยผลักดันให้ NIM ลดลง ประเด็นดังกล่าวสร้างความกดดันต่อการลงทุนในธนาคารขนาดใหญ่ ที่มีฐานลูกค้าเป็น SME เช่น KBANK, KTB, TMB และแนะนักลงทุนติดตามว่าความกดดันครั้งนี้จะมากจนถึงทำให้ธนาคารต้องยอมปรับลดเหมือนครั้งก่อนในช่วง พ.ค. 2560 สำหรับผลกระทบเราประเมินว่า หากปรับลดเฉพาะ MRR และ MOR ผลกระทบต่อกำไรธนาคารอาจไม่สูงมาก บนสมมติฐานดอกเบี้ย MRR, MOR ถูกปรับลง 50 bps ในช่วงครึ่งปีหลังคาดกระทบกำไรปีนี้ประมาณประมาณ 3% โดยธนาคารที่จะได้รับผลกระทบสูงได้แก่ TMB, KBANK , KTB ซึ่งนักลงทุนจะเห็นได้ว่าปัจจุบันมีหลายนโยบาย (policy risk) มากดดันการลงทุน ส่งผลให้ SET ยังคงเผชิญแรงขายจาจกลุ่มดังกล่าว ในขณะที่ยังไม่มีปัจจัยสนับสนุนในระยะสั้น 
  Investment Theme:  วันนี้คาด SET มีโอกาสเกิด Technical rebound  ในกรอบ 1,730 แนะนักลงทุนชะลอการลงทุนเพื่อรอดูความชัดเจนของ Policy risk ใน 2 สัปดาห์หน้า 

Big issue 
  เมื่อคืนที่ผ่านมา –  จีนออกมาเรียกร้องให้สหรัฐยอมเปิดฉากเจรจาการค้า / บาห์เรนพบบ่อน้ำมันใหญ่ที่สุดในรอบ 90 ปี คาดมีน้ำมันดิบอย่างน้อย 8 หมื่นล้านบาร์เรล

 Stock pick : CPN
CPN : ทยอยสะสม 89.0 บาท/หุ้น 
  ในเดือนที่ผ่านมาราคาหุ้นปรับตัวลงจากระดับสูงสุดประมาณ 13% เรามองเป็นโอกาสการทยอยสะสมอีกครั้ง โดยคาดกำไรปีนี้เติบโตกว่า 22% เป็น 1.2 หมื่นล้านบาท โดยจะเริ่มบันทึกรายได้จากคอนโดล็อตแรกใน 1Q61 ก่อนจะรับรู้รายได้คอนโดก้อนใหญ่และเปิดศูนย์การค้าใหม่ที่ภูเก็ตใน 2Q61 ส่วนเซ็นทรัลเวิลด์จะปรับปรุงเสร็จใน 3Q61 และศูนย์การค้ามาเลเซียเปิดใน 4Q61
  คาดกำไรปกติเพิ่มขึ้น 31% QoQ และ 2% YoY เป็น 2,820 ล้านบาท โดยคาดว่า CPN จะเริ่มรับรู้รายได้จากคอนโดที่ระยองล็อตแรกประมาณ 200 ล้านบาท) ขณะที่รายได้ศูนย์การค้าจะถูกผลักดันจากการปรับขึ้นค่าเช่าราว 3% และการรับรู้รายได้เต็มไตรมาสของศูนย์การค้าใหม่ที่เปิดในเดือน พ.ย. 2560 ที่โคราชและมหาชัย ทำให้พื้นที่เช่าเพิ่มขึ้น 5%
แนะทยอยสะสม 89.0บาท/หุ้น 
 
 Technical View


  ปรับตัวลงแรงหลังหลุดแนวรับ 1760 แนวรับถัดไป 1715:  ดัชนีปรับตัวลงแรงหลังหลุดแนวรับสำคัญของกรอบล่าง Descending Triangle ที่ และถือเป็นการปรับตัวลงด้วย Volume เนื่องจากเกิดแรงขายหุ้น Big Cap. แทบทุกกลุ่ม มองแนวรับถัดไปบริเวณเส้น EMA200วัน ที่ 1715 ซึ่งขณะนี้ Slow Stochastic เริ่มเข้าเขต Oversold อาจคาดหวังการหยุดลงระยะสั้นที่แนวรับดังกล่าว แต่หากรับไม่อยู่จะมีแนวรับถัดไปบริเวณ 1700 และ 1680 ตามลำดับ
  กลยุทธ์การลงทุน 1) มีหุ้น: ต้องขายทำกำไรหลังหลุด 1760 แนะนำถือเงินสดจนกว่าจะมีสัญญาณหยุดลง แต่หากมีหุ้น พิจารณาแนวรับ 1715 เป็นจุด Stop loss 2) ไม่มีหุ้น: ถือเงินสดจนกว่าจะเริ่มหยุดลง
  แนวรับ : 1715, 1700 แนวต้าน : 1730, 1735

Keep an eye on...
  ปัจจัยต่างประเทศ: -
  ปัจจัยในประเทศ: -

หุ้นเทคนิค:
  BDMS (B 23.00-23.30, Tp 24.00//24.50, Cut 22.80)
  CPALL (B 86.00, Tp 88.50, Cut 85.00)


บันทึกโดย : วันที่ : 05 เม.ย. 2561 เวลา : 09:28:59

22-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 22, 2024, 3:09 am