ได้ส่งผลให้เกิดการเผชิญหน้ากันระหว่างสหรัฐฯ และรัสเซีย
ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน พ.ค. +US$0.30 อยู่ที่ US$66.52 ต่อบาร์เรล ภายใต้คาดการณ์ว่า สถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางอาจส่งผลกระทบต่อผลิตน้ำมัน รวมถึงการที่ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ขู่ว่าจะยกเลิกข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน ซึ่งทำให้คาดการณ์ว่า สหรัฐฯ อาจคว่ำบาตรอิหร่านครั้งใหม่ และส่งผลให้อิหร่านไม่สามารถส่งออกน้ำมันในตลาดโลก
ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน มิ.ย. -US$1.2 อยู่ที่ US$1,349.5 ต่อออนซ์ หลังตลาดหุ้นสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ล่าสุดที่แข็งแกร่ง และเงินสหรัฐฯ ที่แข็งค่าขึ้น ส่งผลให้สัญญาทองคำมีความน่าสนใจลดลง
(-) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ -3,814 ล้านบาท ยอดสะสม -67,564 ล้านบาท (ปี’57 และ 58 ยอดขายสุทธิสะสม 36,173 ล้านบาท และ 154,346 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่ปี’59 ซื้อสุทธิสะสม 77,927 ล้านบาท และปี’60 ขายสุทธิสะสม 25,755 ล้านบาท)
ประเด็นที่ต้องติดตาม 18 เม.ย. 61
18/4/61 สหรัฐฯ เปิดเผย
(1) สต็อกน้ำมัน
(2) รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากเฟด
ทิศทางตลาด
ตามตลาดต่างประเทศ? คาดมีโอกาสปรับขึ้นตามตลาดต่างประเทศภายใต้ปัจจัยหนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจและผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่ง ขณะที่สถานการณ์ในซีเรียยังทรงตัว หลังสหรัฐฯ และชาติพันธมิตรยิงขีปนาวุธ โจมตีเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ซึ่งช่วยลดความกังวลต่อสถานการณ์ดังกล่าวลง อย่างไรก็ตามยังแนะให้ติดตามอย่างใกล้ชิด รวมถึงการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ที่ก่อนหน้านี้มีการตอบโต้ไปมา จากการทยอยประกาศรายการสินค้าที่จะถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้าทั้ง 2 ประเทศ แม้จะยังไม่มีบังคับใช้ในทันที และเบื้องต้นคาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อการค้าโลกอย่างมีนัยสำคัญ
ส่วนทางด้านประเด็นในประเทศ (+) ราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับสูง ยังส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน ที่น่าสนใจ เช่น PTT (คาดยังมีแรงเก็งกำไรจากประเด็นการแตก Par) และ PTTEP เป็นต้น (-) Fund Flow หลังต่างชาติยังคงขายสุทธิต่อเนื่อง สูงกว่า 3,800 ล้านบาท แต่ยังได้รับการชดเชยจากสถาบันในประเทศ ที่ซื้อสุทธิต่อเนื่อง
ขณะที่เริ่มเข้าสู่ช่วงประกาศผลการดำเนินงาน – 1Q/61 ที่คาดมีแรงเก็งกำไรเข้ามาในกลุ่มธนาคาร ซึ่งจะทยอยประกาศสัปดาห์นี้ หลังจากนั้นเป็นกลุ่ม Real Sector ถึงกลางเดือนพ.ค.
ยังแนะติดตามการประชุม กบง. วันที่ 20/4/61 หลังกระทรวงพลังงาน
ให้ทบทวนโครงสร้างการกำหนดราคาหน้าโรงกลั่น ที่มีแนวโน้มว่าอาจจะลดค่าพรีเมียมลง ซึ่งอาจส่งผลบ้างต่อหุ้นกลุ่มโรงกลั่น
นอกจากนี้ยังมีประเด็นทางการเมือง โดยเฉพาะจากการยื่นร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ อาจส่งผลต่อ Road Map เลือกตั้งในเดือนก.พ.’ 62
อย่างไรก็ตามในระยะกลาง – ยาว ยังได้รับ Sentiment บวกจากความคืบหน้าโครงการ EEC ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างรอประกาศใช้เป็นกฎหมาย คาดส่งผลดีต่อกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม จากความเชื่อมั่นของนักลงทุนเอกชน และกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ภายใต้โครงการก่อสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการลงทุน รวมถึงล่าสุด รมว.คมนาคม คาดในเดือนพ.ค. - มิ.ย.นี้ เสนอครม. เพื่อขออนุมัติโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม มูลค่า 8.5 หมื่นล้านบาท ขณะที่คาดว่าโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ช่วงเตาปูน - ราษฎร์บูรณะ และงานเดินรถ จะรวมเป็นรูปแบบ PPP และเตรียมจะเสนอ ครม.ได้ประมาณ 3Q/61
และยังแนะจับตา
(1) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากผลการดำเนินงานที่ยังคงแข็งแกร่ง เช่น IVL และ PTTGC เป็นต้น
(2) กลุ่มพลังงาน ได้รับประโยชน์จากราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้น เช่น PTT, PTTEP, BANPU, SPRC
(3) กลุ่มสื่อ ได้รับประโยชน์จากรายได้ค่าโฆษณาเพิ่มขึ้นโดดเด่น เช่น MONO
(4) กลุ่มท่องเที่ยว ได้รับประโยชน์จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ยังคงเติบโตต่อเนื่อง เช่น CENTEL, ERW, SPA
(5) กลุ่มขนส่ง ยังได้รับผลดีจากการท่องเที่ยว เช่น AOT และ PSL จากค่าระวางเรือ และ BTS จากรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย
(6) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม และกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง จากโครงการ EEC ที่มีความชัดเจนขึ้นตามลำดับ คาดได้รับประโยชน์จากความเชื่อมั่นของนักลงทุนเอกชน และโครงการก่อสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการลงทุน
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี -0.01 อยู่ที่ 2.82% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) -1.28 อยู่ที่ 15.28
หุ้นแนะนำ : PSL
ข่าวเด่น