ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้
ฟื้นตัว
KGI คาด SET วันพุธรีบาวด์ ตามปัจจัยภายนอกที่เป็นบวกมากขึ้นอีก + งบของหุ้นสถาบันการเงินไทยที่เริ่มทยอยออกมานั้น สูงกว่า consensus คาด (วานนี้หุ้นไทยอ่อนแอกว่าเราคาด ดัชนีฯ ปรับลง ตามผลของ XD และแรงขายหุ้นกลุ่มค้าปลีกโดยเฉพาะหุ้น CPALL* ซึ่งทางเราไม่พบปัจจัยลบเชิงพื้นฐานแต่อย่างใด และเราไม่ให้น้ำหนักต่อกระแสข่าวในตลาด เช่น i) กังวลผลกระทบจากการตั้งแบงก์กิ้งเอเจนต์ และ ii) การที่ตลาดโยงประเด็น TRUE* ถูกแฮกข้อมูลซิมการ์ดลูกค้า ไปยังความน่าเชื่อถือของหุ้นในเครือซีพีทั้งหมด) ด้านปัจจัยภายนอกเป็นบวกมากขึ้นอีก หลังหุ้นสหรัฐฯ แรลลี่ต่อ ตามงบไตรมาส 1/61 ที่ส่วนใหญ่สูงกว่า consensus คาด และตัวเลขผลผลิตอุตสาหกรรมและการใช้กำลังการผลิต มี.ค. ฟื้นตัวมากกว่าที่คาดเช่นกัน ขณะที่ประเด็นภูมิรัฐศาสตร์กับซีเรียนั้นก็ไม่มีข่าวลบเพิ่มเติมออกมา ด้านปัจจัยในประเทศ รายงานผลประกอบการไตรมาส 1/61 ค่อนข้างดี (ดูเพิ่มเติมในส่วนถัดไป และในบทวิเคราะห์วันนี้) และน่าจะหนุนแรงเก็งกำไรในกลุ่มสถาบันการเงินในภาพรวมได้
หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน
เก็งกำไร DDD, WHA*
DDD (เป้า Consensus 114 บาท) 1) ประเมินราคา Laggard หุ้นในกลุ่มอย่าง BEAUTY* (DDD -1% MTD, BEAUTY +7% MTD) ขณะที่ Consensus คาดกำไร DDD ปีนี้โต 50% YoY ขณะที่คาดกำไร BEAUTY* ปีนี้ +28% YoY 2) เบื้องต้น เราประเมินการผ่านมาตรฐาน อย. ของประเทศจีน ในช่วงเดือน มี.ค.ที่ผ่านมาจะเป็นปัจจัยหนุนยอดขายในช่วงปลาย 1Q61 และรับอานิสงส์เต็มไตรมาสใน 2Q61 รวมทั้งการขยายสาขาใหม่เพิ่มเติม + เพิ่มเติมผลิตภัณฑ์ใหม่ ทำให้คาด Earnings momentum เป็นแนวโน้มขาขึ้นทั้งแบบ YoY และ QoQ
WHA* (เป้าพื้นฐาน 4.6 บาท) 1) ราคาหุ้นเริ่มฟื้นตัว ประเมินแนวรับ 3.70 บาท แนวต้าน 3.88 - 3.96 บาท (Stop loss 3.64 บาท) 2) ฝ่ายวิจัยฯประเมินรับอานิสงส์โครงการ EEC โดยตรงจากที่ดินเปล่าในมือกว่า 90% (8.8 พันไร่) อยู่ในพื้นที่ จ.ระยอง ซี่งมีการยื่นขอและได้รับสิทธิ BOI มากสุด ขณะที่โครงสร้างรายได้มีความสมดุล โดยมีรายได้ Recurring income : Non Recurring income 45:55 ทำให้มีความเสี่ยงต่ำ กรณีที่โครงการ EEC ล่าช้ากว่าที่คาด 3) ราคาหุ้นปรับลงจน PE ปี 2561 ต่ำเพียง 13.4 เท่า เทียบเท่ากับ -1 เท่าของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของค่าเฉลี่ย Forward PE ย้อนหลัง 5 ปี (ค่าเฉลี่ย Forward PE ย้อนหลัง 5 ปี = 20 เท่า) ... วันนี้มีข่าว "แจ็คหม่าลงทุนอีอีซี ลงนามเอ็มโอยู 4 ฉบับ 19 เม.ย. ดันไทยฮับดิจิทัล-อีคอมเมิร์ซ สะพัด 1.86 แสนล." (โพสต์ทูเดย์)
หุ้นในกระแส
CPALL* + COM7* ประเด็นข้อมูลในบัตรประชาชนลูกค้า TRUE* รั่วไหล จากการสอบถามทาง IR ของบริษัทฯ พบว่าข้อมูลฯที่รั่วไหลมาจากดีลเลอร์การขายเครื่องฯ + ซิมผ่านช่องทาง "ออนไลน์" แห่งหนึ่ง (จำนวนข้อมูลที่รั่วไหลเพียง 1.1 หมื่นราย) วานนี้ราคาหุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวข้องและพันธมิตรทางธุรกิจอย่าง CPALL* และ COM7* ปรับตัวลง อาจเป็นผลจากความกังวลดังกล่าวเช่นกัน อย่างไรก็ดีเราประเมิน ผลกระทบดังกล่าวเกิดในวงจำกัดจากพันธมิตรออนไลน์เพียงรายเดียว และจะกลับเป็นบวกต่อพันธมิตรที่มีมาตรฐานในการรักษาข้อมูลความปลอดภัยในระยะยาว อย่าง CPALL* และ COM7* ขณะเดียวกันยอดขายร้านค้าออนไลน์มีโอกาสที่จะชะลอลงและเป็นบวกกับร้านค้าที่มีหน้าร้าน ขณะเดียวกันเรายังคงประเมินแนวโน้มการบริโภคในประเทศปีนี้สดใสเทียบ YoY i) สำหรับ CPALL* แนะนำ "รอซื้อแนวรับ" 82 บาท ลงมา (Stop loss 80 บาท) ii) COM7* ราคาหุ้นหลุด จุด Trailing stop ล๊อกกำไรของเราวานนี้ที่ 18.6 บาท สำหรับนักลงทุนที่ขายล๊อกกำไรไปแล้ว แนะนำ "รอซื้อแนวรับ" 17.8 - 18.0 บาท และแนะนำ "ซื้อกลับ" หากดีดพ้นแนวต้าน 18.8 บาท
กลุ่มสถาบันการเงิน ทยอยรายงานผลประกอบการ เริ่มต้นดีกว่าคาด ล่าสุด TISCO* และ KTC* รายงานกำไร 1Q61 ดีกว่าที่ฝ่ายวิจัยฯคาด 8% และ 30% ตามลำดับ ... อ่านรายละเอียดการวิเคราะห์งบฯ เพิ่มเติมในบทวิเคราะห์ Alert วันนี้ คาดจะช่วยลดความกังวลต่อประเด็นที่กดดันกลุ่มฯก่อนหน้านี้อย่างการเริ่มใช้มาตรฐานบัญชีใหม่ เป็นต้น แนะนำ "เก็งกำไร" KTC* และ TISCO* และอาจพิจารณาเก็งกำไรหุ้นกลุ่มสถาบันการเงินตัวอื่นที่ยัง Laggard เช่น TCAP*, KKP* เป็นต้น
หุ้นมีข่าว
(+) แจ็คหม่าลงทุนอีอีซี ลงนามเอ็มโอยู 4 ฉบับ 19 เม.ย.ดันไทยฮับดิจิทัล-อีคอมเมิร์ซ สะพัด 1.86 แสนล. (โพสต์ทูเดย์) ไทยเตรียมพร้อมรับ อาลีบาบาพบ "บิ๊กตู่" พร้อมลงนามความร่วมมือ ควักเงิน 1.1 หมื่นล้าน ปักหมุดลงทุนอีอีซี นายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ในวันที่ 19 เม.ย.นี้ นายแจ็ค หม่า ประธานกรรมการบริหารอาลีบาบา กรุ๊ป และคณะผู้บริหาร จะเข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ณ ทำเนียบรัฐบาล และจะเข้าหารือกับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ถึงความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยและอาลีบาบา กรุ๊ป เพื่อประกาศแผนการลงทุนในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) รวมถึงโครงการความร่วมมือเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมดิจิทัลและส่งเสริมบุคลากรไทยในการพัฒนาทักษะและขีดความสามารถด้านดิจิทัล-อีคอมเมิร์ซ
(+) ช่อง 8 เรตติ้งติดท็อป 3 ไพรม์ไทม์ ดันซีรี่ส์อินเดียสู้ทีวีดิจิทัลแข่งดุ โพสต์ทูเดย์) ช่อง 8 เรตติ้งช่วงไพรม์พุ่งขึ้นอันดับ 3 โหมเพิ่มคอนเทนต์ส่งซีรี่ส์อินเดียฟอร์มยักษ์ชิงสายตาผู้ชมกระตุ้นเรตติ้งเพิ่ม นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส เปิดเผยว่า ผลสำรวจล่าสุดจากเอจีบี นีลเส็น วันที่ 1-8 เม.ย. ในช่วงไพรม์ไทม์ พบว่าช่อง 8 สามารถขึ้นมาเป็นอันดับ 3 โดย มีเรตติ้งอยู่ที่ 0.8 ขณะที่อันดับ 2 เป็นของช่อง 3 เรตติ้งอยู่ที่ 0.9 และอันดับ 1 คือช่อง 7 อยู่ที่ 1.6
(+) ธุรกิจทีวีโฮมช็อปปิ้งฝุ่นตลบยึดฟรีทีวีขายสินค้าเพิ่มยอด (ประชาชาติธุรกิจ) ทีวีโฮมช็อปปิ้งหมื่นล้านฝุ่นตลบ ยึดเวลาฟรีทีวี 22 ช่อง ขายสินค้าเกลื่อนจอ "ทีวีไดเร็ค" สั่งลุย เพิ่มความถี่ เพิ่มช่อง ยิงโฆษณาแน่น ขณะที่โอ ช้อปปิ้ง ทรูซีเล็คท์ ช็อปชาแนล เดินตามรอยเหมาเวลา เพิ่มโอกาส กระตุ้นยอดขาย
(+) ทุนใหญ่บุกค้าปลีกความงามแห่ลงทุนรับดีมานด์โตสะพรั่ง (ประชาชาติธุรกิจ) ค้าปลีกความงามแรงไม่หยุด รายใหม่ทุนใหญ่แตกไลน์ธุรกิจ "เดอะมอลล์" เปิดโมเดลใหม่ "บิวตี้เพลย์กราวด์" ขยายฐานวัยรุ่น "TAPAC" ธุรกิจชิ้นส่วนรถยนต์ ปั้น "เฮ้ บิวตี้สตรีท" ลุยต่างจังหวัด ส่งบิวตี้ทรักเจาะโรงงาน ชุมชน เจ้าตลาดอีฟแอนด์บอย-แมงป่อง เปิดแผนตั้งรับ ลุยสร้างอะแวร์เนส ต่อยอดแบรนด์
(+) ASAP ยอดทะลักเกินคาดดันพอร์ตรถเช่า-ยูสคาร์โต (ทันหุ้น) บอสใหญ่ ASAP "ทรงวิทย์ ฐิติปุญญา" ย้ำชัด ฐานธุรกิจแกร่งทั้งบริการรถเช่า และบริการรถยูสคาร์ยอดทะลัก หนุนครึ่งแรกปี 2561 ฟอร์มแจ่ม พร้อมปักธงรายได้ทั้งปี 2561 โต 30% เดินหน้าบริการรถเช่าเต็มพิกัด ด้านโบรกเกอร์ ดีดลูกคิดกำไร Q1/2561 โดดเด่น เคาะเป้า 11.80 บาท
(+) SUSCO ปริมาณขายตามนัดผนึกพันธมิตรลุย Non-Oil (ทันหุ้น) SUSCO คาดผลงานไตรมาส 1/2561 เติบโตตามเป้าที่ตั้งไว้ ส่วนทั้งปีคาดปริมาณเติมน้ำมันโต 8-10% มองราคาน้ำมันบริเวณ 60-65 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล มั่นใจตลาด CLMV โตต่อเนื่อง พร้อมตั้งงบลงทุน 300 ล้านบาท ขยายปั๊มน้ำมันเพิ่มเป็น 250 สาขา พร้อมขยายร้าน LAWSON อีก 5-10 สาขา ผนึกพันธมิตรลุยธุรกิจ Non-Oil
หุ้นที่แนะนำก่อนหน้า
ROBINS* (เป้าพื้นฐาน 85 บาท) ประเมินแนวรับ 63 บาท / แนวต้าน 66.5 บาท (Stop loss 62.5 บาท)
BAFS (ยังไม่มีเป้า Consensus) ประเมินแนวรับ 38 บาท / แนวต้าน 38.75 - 41 บาท (Trailing stop ล๊อกกำไร 37.5 บาท)
NYT (เป้าพื้นฐาน 7 บาท) ประเมินแนวรับ 5.9 บาท / แนวต้าน 6.15 - 6.40 บาท (Stop loss 5.70 บาท)
SGP* (ยังไม่มีเป้า Consensus) ประเมินแนวรับ 27.5 บาท / แนวต้าน 29.5 - 31.75 บาท (Stop loss 27 บาท)
Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้
HMPRO* แนะนำ "ถือ" เป้าพื้นฐาน 14.5 บาท ฝ่ายวิจัยฯคาดกำไร 1Q61 = 1.3 พันล้านบาท (+22.1% YoY, -16.3% QoQ) โดยมีสมมติฐาน SSSG จะอยู่ที่ 2.5%; GPM ที่ 27.0%; และ SG&A ต่อยอดขายที่ 23.2% อย่างไรก็ตาม ประมาณการกำไรของ HMPRO ในปี 2561 จะโตแค่ +16.3% ซึ่งไม่โดดเด่นเมื่อเทียบกับหุ้นอื่นในกลุ่ม และ Upside ที่จำกัด จึงแนะนำเพียง "ถือ"
TOA แนะนำ "ซื้อ" เป้าพื้นฐาน 40.5 บาท ฝ่ายวิจัยฯคาดกำไร 1Q61 = 601 ล้านบาท (+28.9% QoQ, +21.0% YoY) จากราคาขายที่ปรับขึ้น + เป็นช่วง High season และยอดขายในเวียดนามฟื้นตัว ... แม้ราคาจะเข้าใกล้เป้าพื้นฐานที่ฝ่ายวิจัยฯประเมินแต่เนื่องจากฝ่ายวิจัยฯใช้เป้าหมาย PE ที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของหุ้นกลุ่มสีในภูมิภาคราว 20% ดังนั้นจึงมีโอกาสที่ราคาหุ้นจะทะลุราคาเป้าหมายของฝ่ายวิจัยฯได้
Market strategy Thailand
จิตวิทยาตลาดวันนี้: --- ค่าเฉลี่ยสามสิบสัปดาห์ที่แนวรับ 1754 จุด
วันนี้ หากดัชนี SET ดีดขึ้นหรือปิดเหนือนัยรับ 1754 จุดนั้น อาจทรงราคาขึ้นในกรอบ 1754-1770 จุด แต่หากวันนี้ ดัชนี SET ลดลงปิดต่ำกว่านัยรับ 1754 จุดนั้น อาจทรงราคาดลงในกรอบ 1754-1725 จุด
แนวรับวันนี้: 1754/1736 แนวต้านวันนี้: 1759/1768
ข่าวเด่น