สภาวะตลาดวันที่ 18 เมษายน 2561 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,342.00-1,347.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 19,900 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 50 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,850 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFJ18 อยู่ที่ 19,990 บาท โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 80 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,910 บาท
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 15.35 น. ของวันที่ 18/04/61)
แนวโน้มวันที่ 19 เมษายน 2561
ธนาคารกลางจีนสร้างความประหลาดใจด้วยการลดสัดส่วนการกันสำรอง (RRR) ซึ่งในขณะนี้อยู่ที่ 17% สำหรับสถาบันรายใหญ่และ 15% สำหรับธนาคารขนาดเล็ก โดยประกาศว่าจะปรับอัตราส่วนกันสำรองลง 1% ขณะที่การเปลี่ยนแปลงนี้จะเริ่มขึ้นในวันที่ 25 เม.ย. 2561 และจะมีผลบังคับใช้กับธนาคารส่วนใหญ่ยกเว้นธนาคารด้านนโยบาย สร้างความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจ ทั้งนี้คาดการณ์ว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนจะชะลอลงสู่ 6.5% ในปีนี้ ขณะที่เศรษฐกิจจีนขยายตัว 6.8% ในไตรมาสแรก และผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมี.ค.อยู่ในระดับต่ำกว่าความคาดหมาย รวมทั้งการคุมเข้มด้านกฎระเบียบอย่างต่อเนื่องและข้อพิพาทการค้ากับสหรัฐยังเป็นความเสี่ยงสำคัญ สถานการณ์ดังกล่าวสร้างแรงซื้อเข้าสู่ตลาดทองคำ นักลงทุนยังคงจับตาความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนอย่างใกล้ชิด เมื่อกระทรวงพาณิชย์จีนประกาศตอบโต้การทุ่มตลาดต่อการนำเข้าข้าวฟ่างของสหรัฐ ตั้งแต่วันที่ 18 เม.ย.2561 เป็นต้นไป โดยผู้นำเข้าข้าวฟ่างจากสหรัฐจะต้องชำระเงินประกันไว้กับศุลกากรของจีนในอัตรา 178.6% ทั้งนี้ทองคำได้รับแรงหนุนเพิ่ม นอกจากความเสี่ยงกรณีเหตุโจมตีในซีเรีย ยังมีความตึงเครียดระหว่างประเทศในตะวันออกกลาง เมื่ออิหร่านขู่ตอบโต้อิสราเอล หลังจากที่อิสราเอลได้ทำการโจมตีฐานเก็บโดรนของอิหร่านในซีเรีย และทำให้ชาวอิหร่านซึ่งเป็นที่ปรึกษาทางทหารเสียชีวิต อย่างไรก็ตามนายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาซานฟรานซิสโก สนับสนุนให้เฟดขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป เพื่อป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจร้อนแรงเกินไป โดยเขาคาดว่าเงินเฟ้อสหรัฐจะปรับตัวขึ้นสู่เป้าหมาย 2% ของเฟดในปีนี้ และจะอยู่ที่เป้าหมายนั้นหรือสูงกว่านั้นในอีก 2 ปี ซึ่งยังคงกดดันการขยับขึ้นของราคาทองคำ แนะนำจับตาแรงขายทำกำไรที่สลับออกมาเพราะหากไม่สามารถผ่านแนวต้าน 1,354 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ประเมินว่าจะเกิดแรงขายกดดันราคาให้เข้าใกล้ 1,333 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งหากสามารถยืนเหนือแนวรับได้ แนะนำเข้าซื้อเก็งกำไรระยะสั้นจาการดีดตัว
กลยุทธ์การลงทุน ทางวายแอลจีมีมุมมองว่า ราคาทองคำมีการปรับตัวขึ้นและลง หรือการแกว่งตัวในกรอบออกด้านข้าง แนะนำเน้นการลงทุนระยะสั้น โดยซื้อขายตามกรอบแนวรับแนวต้าน โดยหากราคาทองคำไม่สามารถยืนเหนือบริเวณแนวต้าน 1,354 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้อย่างแข็งแกร่ง นักลงทุนยังต้องระมัดระวังแรงขายทำกำไร แต่หากราคาสามารถยืนเหนือแนวต้านดังกล่าวได้จะเห็นการดีดตัวของราคาต่อ โดยประเมินแนวต้านถัดไปที่ 1,366 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อย่างไรก็ตามหากราคาไมผ่านแนวต้านน่าจะเห็นการอ่อนตัวของราคาลง โดยประเมินแนวรับที่ 1,333 และ 1,323 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,333 (19,650บาท) 1,323 (19,500บาท) 1,313 (19,350บาท)
แนวต้าน 1,354 (20,000บาท) 1,366 (20,150บาท) 1,375 (20,300บาท)
GOLD FUTURES (GFJ18)
แนวรับ 1,333 (19,800บาท) 1,323 (19,650บาท) 1,313 (19,500บาท)
แนวต้าน 1,354 (20,120บาท) 1,366 (20,290บาท) 1,375 (20,430บาท)
ข่าวเด่น