สภาวะตลาดวันที่ 23 เมษายน 2561 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,329.50-1,335.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 19,850 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาทรงตัวจากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,850บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFJ18 อยู่ที่ 19,920 บาท โดยราคาปรับตัวลดลง 30 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,950 บาท
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 15.40 น. ของวันที่ 23/04/61)
แนวโน้มวันที่ 24 เมษายน 2561
แบบจำลอง Nowcast ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์กเผยว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มขยายตัว 3.03% ในไตรมาส 2 จากคาดการณ์ก่อนหน้าที่ 2.87% หลังการปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อไปของผลผลิตภาคอุตสาหกรรมในเดือนมี.ค. การคำนวณผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ของเฟดสาขานิวยอร์กในไตรมาสแรกอยู่ที่ 2.91% ในวันศุกร์ เพิ่มจาก 2.79% ในสัปดาห์ก่อนหน้า ข้อมูลดังกล่าวสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่เร็วขึ้น จนหนุนให้ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงิน นอกจากนี้ดอลลาร์ได้รับแรงหนุนเพิ่มจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะ 10 ปีของสหรัฐ ที่ปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 4 ปี และสกุลเงินยูโรที่อ่อนค่าลงก่อนที่จะมีการประชุมกำหนดนโยบายของธนาคารกลางยุโรป(ECB)ในสัปดาห์นี้ เพราะนักลงทุนประเมินว่าเจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายจะส่งสัญญาณไม่เปลี่ยนแปลงนโยบาย ปัจจัยดังกล่าวได้เพิ่มแรงขายเข้าสู่ตลาดทองคำมากขึ้น ขณะที่วิกฤตินิวเคลียร์เกาหลีเหนือคลี่คลายลง เมื่อเกาหลีเหนือส่งสัญญาณจะระงับการทดสอบนิวเคลียร์และขีปนาวุธ โดยได้ปิดฐานทดสอบนิวเคลียร์และเปลี่ยนมาพัฒนาเศรษฐกิจและสันติภาพแทน จนทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยถูกลดความน่าสนใจลง ทั้งนี้ นักลงทุนจับตา นายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือและประธานาธิบดี มูน แจ-อิน ของเกาหลีใต้ จะพบกันในวันศุกร์นี้ ในการประชุมสุดยอดระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 1 ทศวรรษ หากเกาหลีเหนือยังคงยืนคำมั่นว่าจะยุติการทดสอบนิวเคลียร์ ก็จะเพิ่มความหวังก่อนการประชุมสุดยอดของเกาหลีเหนือ ร่วมกับเกาหลีใต้และสหรัฐ นอกจากนี้นักลงทุนมีความหวังว่าความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนจะลดลง หลังนายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ กล่าวว่า อาจเดินทางไปยังจีน ซึ่งเป็นการดำเนินการที่อาจจะบรรเทาความตึงเครียดระหว่างทั้ง 2 ประเทศ ส่งผลให้ราคาอ่อนตัวลง ทั้งนี้หากราคาทองคำสามารถทรงตัวเหนือโซน 1,321 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อาจเกิดการดีดตัวขึ้นแต่หากไม่ผ่านแนวต้าน 1,341-1,346 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ นักลงทุนต้องระมัดระวังการอ่อนตัวลงอีกรอบของราคาทองคำ
กลยุทธ์การลงทุน วายแอลจีมีมุมมองว่าในระยะสั้น หากราคาไม่สามารถ break out แนวต้าน 1,346 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ จะเกิดแรงขายทำกำไรระยะสั้นให้ราคากลับลงมาตั้งฐานบริเวณ 1,321 ดอลลาร์ต่อออนซ์อีก แนะนำหากรับความเสี่ยงได้สูงรอเปิดสถานะขายเมื่อราคาดีดขึ้นมาใกล้ 1,341-1,346 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากรับความเสี่ยงได้น้อยอาจเสี่ยงเปิดสถานะซื้อเพื่อเก็งกำไรจากจังหวะดีดตัวหากราคายืนเหนือ 1,321-1,313 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ ตัดขาดทุนสถานะซื้อหากหลุด 1,313 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อย่างไรก็ตามวายแอลจีเน้นย้ำว่านักลงทุนระยะสั้นควรวางแผนการลงทุนที่ชัดเจน มีจุดเข้าซื้อ จุดขายทำกำไร หรือจุดตัดขาดทุน และปฏิบัติตามแผนที่วางไว้อย่างเคร่งครัด
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,321 (19,650บาท) 1,313 (19,550บาท) 1,302 (19,350บาท)
แนวต้าน 1,346 (20,050บาท) 1,356 (20,200บาท) 1,366 (20,350บาท)
GOLD FUTURES (GFJ18)
แนวรับ 1,321 (19,780บาท) 1,313 (19,660บาท) 1,302 (19,490บาท)
แนวต้าน 1,346 (20,160บาท) 1,356 (20,310บาท) 1,366 (20,460บาท)
ข่าวเด่น