กลยุทธ์วันนี้ >> Earnings and Defensive Play
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET ปรับบวกขึ้นทะลุ 1,800 จุดในระหว่างวันนำโดยหุ้นในกลุ่มปตท.และกลุ่มสื่อสารฯ อย่างไรก็ตามช่วงท้ายตลาดเริ่มเห็นแรงขายออกมาในกลุ่มปตท.ทำให้ราคาหุ้นลดกรอบการบวกและส่งผลให้ดัชนีย้อนมาปิดลบเล็กน้อยตามคาดในที่สุด นักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิในตลาดหุ้นอีก 2.7 พันลบ. (แต่ Long Hedge ใน Index Futures 8.5 พันสัญญา) ขณะที่รายย่อยเป็นฝ่ายซื้อหนักสุด 2.2 พันลบ.
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET จะอ่อนตัวลงต่อในวันนี้ จากบรรยากาศการลงทุนที่เป็นลบจากฝั่งสหรัฐฯหลัง Bond Yield เริ่มมีจังหวะปรับตัวทะลุ 3% และกดดัน Fund Flow ให้ยังมีโอกาสไหลออกต่อ ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเริ่มปรับตัวลงทำให้หุ้นในกลุ่มพลังงานซึ่งปรับตัวขึ้นร้อนแรงในระยะหลังอาจถูกขายทำกำไรเพื่อลดความเสี่ยงระยะสั้น หุ้น Defensive และมีแนวโน้มกำไร 1Q18 แข็งแกร่งน่าจะสามารถเคลื่อนไหวได้ดีกว่าตลาด
กลยุทธ์ : เก็งกำไรหุ้นที่คาดมีกำไร 1Q18 แข็งแกร่งและ Defensive
หุ้นเด่นเดือน เม.ย. : BDMS, CPN, ERW, KBANK, SYNEX
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$890ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกจากเกาหลีใต้ US$466ล้าน ส่วนไทยมีเม็ดเงินไหลออก US$85ล้าน ไม่มีประเทศใดที่มีเม็ดเงินไหลเข้า แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาค หลัง US Bond Yield 10Y พุ่งแตะ 3% เป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2014 สะท้อนความกังวลต่อสถานการณ์อัตราดอกเบี้ยที่อาจปรับขึ้นเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> SYNEX <<
- แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 20 บาท
- คาดกำไรสุทธิ 1Q18 โต 13% Q-Q และ 25% Y-Y อยู่ที่ 186 ลบ. จากรายได้ที่คาดโต 8-10% Y-Y สะท้อนด้วยยอดนำเข้าสินค้าไอที ม.ค.-ก.พ. 18 ที่โตสูง 17% Y-Y อีกทั้ง อัตรากำไรสุทธิจะยืนเหนือ 2% ได้ต่อเนื่องจาก 4Q17 เพราะผลของ Product Mixed และการบริหารคลังสินค้า+เงินทุนหมุนเวียนได้ดีขึ้น
- PE2018 อยู่ที่ 14 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลังที่ 17 เท่า ขณะที่ ราคาหุ้น -12% YTD ยัง Laggard ทั้ง COM7 +19% YTD และ SIS +13% YTD อยู่มาก ทั้งที่ปัจจัยพื้นฐานไม่ได้แตกต่างกัน
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) ทีวีดิจิตอล คสช.เห็นด้วยใช้ ม.44 ช่วยผู้ประกอบการ พักชำระหนี้ได้ไม่เกิน 3 ปี ลดค่าเช่าโครงข่าย 50% 2 ปี และโอนกิจการได้ โดยไม่ให้ต่างชาติเป็นเจ้าของ เป็นบวกต่อผู้ประกอบการทุกราย โดยคาด BEC ได้ประโยชน์มากสุด เพราะมีใบอนุญาตทีวีดิจิตอลมากสุด 3 ใบ ตามด้วย RS WORK โดยเป็น Upside ต่อคาดกำไรปีนี้ 20% (จากฐานต่ำ), 3%, 2% ตามลำดับ และราคาเป้าหมายเพิ่ม สำหรับ BEC 1.60 บาท จากเดิม 10.50 บาท, RS 0.80 บาท (จากเดิม 35), และ WORK 2 บาท (จากเดิม 98 บาท UR ในทางลง) Top-Pick ในกลุ่ม RS (18TP35) เมื่อวานราคา+2.7% ขึ้นน้อยกว่า BEC และ WORK ที่ +8% และ 9%
(0) กสทช.พิจารณาร่างหลักเกณฑ์ประมูลคลื่น 1800 MHz วันนี้ เรามองกระทบ Sentiment ของหุ้นในกลุ่มสื่อสารฯน้อยลงหลังจากที่ DTAC เซ็นสัญญาคลื่น 2300 MHz กับ TOT ไปแล้ว อย่างไรก็ตามหากการประมูลเกิดขึ้นถือเป็นเรื่องดีต่ออุตสาหกรรมและยิ่งจะทำให้การแข่งขันลดความรุนแรงลงหาก DTAC เป็นฝ่ายได้คลื่น เรายังเลือก ADVANC (ราคาเหมาะสม 220 บาท) และ INTUCH (ราคาเหมาะสม 67.50 บาท) เป็น Top Pick
(+) BGRIM คาดกำไรปกติ 1Q18 สดใส โต 55.7% Q-Q, 23.6% Y-Y จากโรงไฟฟ้าใหม่เริ่ ม COD กลางไตรมาส ค่าใช้จ่าย SG&A และค่าใช้จ่ายการเงินลดลง Q-Q ตามฤดูกาล และมีแนวโน้มกำไรปกติ 2Q18 เพิ่มขึ้นอีก ทั้งปีคงคาดกำไรปกติโตสูง 40% Y-Y และโตต่อเนื่องเฉลี่ยปีละ 22% (CAGR) ใน 5 ปีข้างหน้า จากแผนการขยายกำลังผลิตไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศ โดยคาดกำลังผลิตตามสัดส่วนการลงทุนในปี 2018-2022 เพิ่มเฉลี่ย 12.8% ต่อปี (CAGR) คงราคาเป้าหมายปี 2018 ที่ 32 บาท (SOTP) และมี Upside โอกาสการลงทุนโครงการใหม่ โดยเฉพาะโครงการ Solar ในเวียดนาม ที่มีแนวโน้มความชัดเจนมากขึ้นใน 2Q18 นี้ คงแนะนำซื้อ
(+) SAT คาดกำไร 1Q18 โต 15% Y-Y อยู่ที่ 196 ลบ. แม้คาดรายได้รวมลดลงจากการโอนสินทรัพย์ของ BSK ไปที่ MSA ซึ่งเป็นบริษัทร่วม ทำให้ต้องเปลี่ยนไปรับรู้เป็นส่วนแบ่งกำไรแทนการรับรู้รายได้ แต่การกลับมาขยายตัวของยอดผลิตรถยนต์และเครื่องจักรการเกษตร ทำให้คาดรายได้รวมจะลดลงเล็กน้อย ส่วนอัตรากำไรขั้นต้น คาดเพิ่มขึ้นเป็น 16.5% จาก 15.9% ใน 1Q17 แต่เมื่อเทียบ Q-Q กำไรสุทธิจะลดลงจากจากผลของการโอนสินทรัพย์ใน 4Q17 หากหักออก กำไรปกติจะทรงตัว Q-Q เราปรับคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2018-2019 ขึ้น 13% และ 17% และปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 24.10 บาท จาก 22.40 บาท แนะนำซื้อ
(+) SAPPE แนวโน้มกำไรสุทธิ 1Q18 ดูดีสุดในกลุ่มเครื่องดื่ม เราคาด 87 ลบ. (+11.5% Q-Q, +77.6% Y-Y) ถือเป็นการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการฟื้นตัวของรายได้ส่งออก แนวโน้มกำไรจะเติบโตมากขึ้นใน 2Q18 ซึ่งเป็น High Season จากหน้าร้อน และมีแผนออกสินค้าใหม่ต่อเนื่องไปใน 2H18 ในขณะที่ เรายังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2018 ที่ 438 ลบ. +9.8% Y-Y คงราคาเป้าหมายที่ 29 บาท แนะนำซื้อ
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
25 เม.ย.
|
- ไทย: SCC ประกาศงบฯ
|
26 เม.ย.
|
- ไทย: PTTEP ประกาศงบฯ
- สหรัฐฯ: ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน (มี.ค.)
- ยูโรโซน: ประชุม ECB
|
27 เม.ย.
|
- สหรัฐฯ: 1Q18 GDP (ครั้งที่ 1)
- ญี่ปุ่น: ประชุม BOJ
|
- (-) การร่วงลงของหุ้นในกลุ่ม เทคโนโลยีและอุตสาหกรรม กดดันตลาดหุ้นสหรัฐให้ปรับตัวลง นอกจากนี้ตลาดยังคงกังวลกับ Bond Yield ที่อาจเพิ่มขึ้นเร็วกว่าที่คาด
- (0) ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวผสมผสาน แม้ว่าจะมีข่าวดี เรื่องการจะควบรวมกิจการระหว่างบริษัทยาญี่ปุ่นและยุโรป แต่ตลาดก็ถูกกดดันจากดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมันที่ปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน
- (-) ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ปรับตัวลงหลังความกังวลเรื่องหนี้ภาคครัวเรือน (โดยเฉพาะ Housing Loan) ของจีนที่ปรับตัวสูงขึ้นมาก หลังราคาอสังหาฯปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรงในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา
- () เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเล็กน้อย ล่าสุดกรอบการเคลื่อนไหวอยู่ที่ 31.40-31.50 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
- (-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน พ.ค. ลดลง 0.94 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 67.70 ดอลลาร์/บาเรลล์ ในขณะที่ยังคงต้องจับตาดูตัวเลขสต็อคน้ำมันดิบของสหรัฐที่จะประกาศในวันนี้
- ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย. เพิ่มขึ้น 9.00 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 1,333.00 ดอลลาร์/ออนซ์ จากการร่วงลงของตลาดหุ้น
ข่าวเด่น