“ เลือกเล่นรายตัว ”

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวลง 8.68 จุด (-0.49%) ปิดที่ 1,779 จุด มูลค่าการซื้อขาย 6.5 หมื่นล้านบาท โดยนักลงทุนยังคงกังวลว่า FED อาจปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นเร็วกว่าคาด หลัง bond yield 10 ปีสหรัฐพุ่งเหนือ 3% ส่งผลให้มีแรงขายกลุ่ม Market Cap เช่น Energy Bank Petro กดให้ดัชนีปรับตัวลงแรง ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,313 ลบ. และ Net Short TFEX 6,807 สัญญา และขายสุทธิในตลาดพันธบัตร 527 ลบ.

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ : ประเมินว่า SET จะแกว่งตัวในกรอบ 1,772 – 1,790 จุด เนื่องจากได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันที่รีบาวด์ขึ้นยืนเหนือ 68 US/Barrel ได้อีกครั้งหลังคาดการณ์ว่าสหรัฐฯอาจคว่ำบาตรอิหร่านรอบใหม่ ประกอบกับแรงซื้อเก็งกำไรดักงบ Q1/18 ที่กำลังทยอยประกาศโดยวันนี้คาดว่า PTTEP จะประกาศงบมีกำไรเติบโตขึ้น อย่างไรก็ตามดัชนียังคงถูกแรงกดดันจากความกังวล US bond yield 10 ปีที่พุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 4 ปีเหนือระดับ 3% ซึ่งอาจทำให้ FED ปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นเร็วกว่าคาดและจะส่งผลให้ Fund Flow ต่างชาติไหลออกต่อเนื่อง (เดือนเม.ย. Net sell 1.6 หมื่นลบ. ตั้งแต่ต้นปี Net sell 7.4 หมื่นลบ.)

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : Selective Buy
  กลุ่มพลังงานและปิโตรฯ ( PTT IRPC PTTGC IVL ) ราคาน้ำมันทรงตัวสูงและคาดงบ Q1/18 เติบโต
  กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ( HANA KCE DELTA ) กลุ่มอาหาร ( CPF TU ) อานิสงส์เงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าล่าสุด 31.5 Bath/USD.
  กลุ่ม TV digital ( WORK RS MONO BEC ) คสช.เตรียมออกม.44 ช่วยเหลือให้พักชำระหนี้ได้ 3 งวด ,ลดค่าเช่าเครือข่ายอนาล็อกของทีวี 50% 2 ปี และเปิดโอกาสให้มีการโอนกิจการได้
  กลุ่มเดินเรือ ( PSL TTA ) ค่าระวางดีดตัวขึ้น ล่าสุด 1,376 จุด 
  กลุ่มที่คาดว่ากำไร Q1/18 เติบโต ได้แก่  MTLS BCH BH BDMS BGRIM HTC TVO BIG PLANB WORK

หุ้นแนะนำวันนี้ : CPF(ปิด 24.3 ซื้อ/เป้า 28) ได้ผลบวกจากค่าเงินบาทอ่อนค่า คาดหวังผลกำไรกลับมาฟื้นตัวตั้งแต่ 2Q18 จากราคาขายสินค้าที่เริ่มฟื้นตัวโดยเฉพาะราคาหมูในไทยและเวียดนาม (ราคาหมูไทยปรับขึ้น 25% จากเฉลี่ย 48 บาท/ก.ก.เป็น 60 บาท/ก.ก., เวียดนามราคาปรับขึ้นจากเฉลี่ย 30,000ดอง/ก.ก. ในช่วงต้นปีเป็น 39,000 ดอง/ก.ก.เพิ่มขึ้น 30%)

ธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตดีปี 2018 : ธนาคาร, พลังงาน,อาหารและเครื่องดื่ม และ อสังหาริมทรัพย์

Top picks ปีนี้ : BANPU, BBL, BCH, IVL, HTC, MINT, MTLS, PTTGC, QH, and SPALI

KSS report วันนี้ : BPP (ปิด 23.9 ซื้อ/เป้า 31.0), KKP (ปิด 74.5 ถือ/เป้า 85.0), ORI (ปิด 18.2 ซื้อ/เป้า 23.5), QH (ปิด 3.1 ซื้อ/เป้า 3.7), SCC (ปิด 474 ซื้อ/เป้า 550)

ประเด็นสำคัญวันนี้ :         
  (+) กลุ่ม ICT – กสทช.เดินหน้าจัดประมูลคลื่น 1800 MHz ตัดสิทธิ์ JAS ห้ามเข้าร่วมประมูล ส่วนคลื่น 900 MHz ให้ชะลอประมูลออกไปก่อน : วานนี้ที่ประชุมคณะกรรมการกสทช.มีมติอนุมัติร่างประกาศหลักเกณฑ์การประมูลคลื่นความถี่ 1800MHz  จำนวน 45 MHz แบ่งเป็น 3 ใบอนุญาต ใบละ 15 MHz อายุใบอนุญาต 15 ปี ราคาเริ่มต้น 37,457 ล้านบาท ค่าหลักประกันและค่าปรับหากทิ้งการประมูลที่ 1,873 ล้านบาท และ 5,619 ล้านบาท ตามลำดับ และตัดสิทธิ JAS ในการเข้าประมูลเนื่องจากทิ้งใบอนุญาติในครั้งก่อน เบื้องต้นคาดว่าจัดประมูลในวันที่ 4 ส.ค.18 คาดการแข่งขันจะไม่รุนแรงเนื่องจากไม่มีผู้เล่นรายใหม่เป็นบวกต่อ ADVANC TRUE DTAC แต่การที่ กสทช.ยังไม่ประมูลคลื่น 900 MHz อาจจะทำให้ DTAC ยังเสียเปรียบรายอื่นเนื่องจากยังไม่มีคลื่นความถี่ในช่วงสั้น ทำให้เป็นอุปสรรคในการทำตลาดต่างจังหวัด Top pick ยังเป็น ADVANC
  (+) กลุ่ม Auto – รับผลบวก ยอดผลิต ขาย และ ส่งออกรถยนต์เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง : สอท.รายงานยอดผลิตรถยนต์เดือน มี.ค. เพิ่มขึ้นเป็น 195,257 คัน เพิ่มขึ้น 9.6%mom และ 9.21%yoy เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 เป็นบวกกับ SAT AH PCSGH มียอดขายรถยนต์ในประเทศที่ 95,082 คัน เพิ่มขึ้น 26%mom และ 12.12%yoy เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือน ที่ 3 ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการจัดงาน Motor Show เป็นบวกต่อกลุ่ม Finance อาทิ KKP TISCO TCAP และยอดส่งออกรถยนต์เพิ่มขึ้นเป็น 110,946 คัน เพิ่มขึ้น 8.5%mom และ 4.7%yoy เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 และเพิ่มขึ้น yoy ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 เป็นบวกต่อหุ้นท่าเรือส่งออกรถยนต์ คือ NYT
  (+) Bond yield ที่ยังเพิ่มขึ้นกดดัน Fund Flow ต่างชาติไหลออกจากตลาดหุ้นภูมิภาคต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 ความกังวลจาก Bond yield 10 ปี ของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นยังกดดันให้ Fund Flow ต่างชาติยังไหลออก โดยวานนี้ Bond yield 10 ปีของสหรัฐยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่องสู่ระดับ 3.033% สูงสุดในรอบ 4 ปี ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นภูมิภาค US$1,210 ล้าน ต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 โดยขายมากที่สุดในตลาดหุ้นเกาหลีใต้ US$794 ล้าน ตามด้วย ไต้หวัน US$226 ล้าน ส่วนกลุ่ม TIP ต่างชาติ ขายสุทธิมากที่สุด ในตลาดหุ้นอินโดฯ US$141 ล้าน ตามด้วยไทยและฟิลลิปินส์ US$41.8 ล้าน และ US$7.1 ล้านตามลำดับ