Market summary
เมื่อวานที่ผ่านมา SET เผชิญกับแรงขายเด่น นำโดยการขายทำกำไรกลุ่มพลังงาน อย่าง PTT, PTTEP และโรงกลั่น TOP, IRPC, ESSO และกลุ่มธนาคารอย่าง SCB, KBANK, KTB ในขณะที่เริ่มเห็นแรงซื้อในกลุ่มค้าปลีกอย่าง CPALL, BJC, ROBINS และกลุ่มโรงพยาบาลอย่าง BH, BCH โดย ณ.สิ้นวัน SET ปิดที่ระดับ 1,779.5 จุด (-8.6 จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขายราว 6.4 หมื่นล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับวันก่อนหน้าที่ 7.8 หมื่นล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยที่ 1,312 ล้านบาท และกลับมาเปิดสถานะ Short SET50 index future ที่ 6,807 สัญญา
Investment theme
ติดตามการประชุม ECB : การประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) ครั้งที่ผ่านมา เราพบว่านาย Kuroda ผู้ว่านายระบุถึงโอกาสการคงวงเงินการเข้าซื้อพันธบัตรเพื่อรักษาผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปี (Yield%) ให้อยู่ระดับ 0% ต่อไปอีก 5 ปี คาดเหตุผลส่วนหนึ่งเกิดจากเป้าหมายเงินเฟ้อที่ 2.0% อาจถึงช้ากว่าคาด (Core CPI เดือนเมษายนประมาณ 0.7% , CPI ที่ 1.1% ) ในขณะที่การประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่จะมีขึ้นในวันนี้ ซึ่งอ้างอิงจากตัวเลขเศรษฐกิจยุโรปที่มีการประกาศออกมาก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็น PMI ภาคผลิต หรือตัวเลขสำคัญต่างๆ ของแต่ละประเทศ ส่วนมากออกมาอ่อนตัวลง เปิดโอกาสให้การประชุมครั้งนี้ นาย Draghi อ่านเปรยถึงโอกาสการขยายเวลาทำ QE จากเดิมที่ตลาดคาดไว้จะสิ้นสุดในเดือนกันยายนนี้ หากเป็นเช่นนั้นถือเป็นบวกอ่อนๆ ต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงในระยะกลาง อย่างไรก็ตามปัจจัยในระยะสั้นปัจจัยดังกล่าวอาจส่งผลให้ ค่าเงินยูโรและเยนอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์ อีกทั้งตลาดหุ้นอาจเผชิญกับเรื่อง Bond yield สหรัฐที่ปรับขึ้นในอัตราเร่งสูงสุดในรอบ 4ปี และ Dollar Index กลับมาแข็งค่าอีกครั้งในรอบ 3 เดือน ทำให้ตลาดหุ้นฝั่งเอเชียอาจผันผวนมากขึ้น เราแนะถือเงินสดไม่ต่ำกว่า 30% และเพิ่มความระมัดระวังการลงทุน
Investment Theme: คาด SET แกว่งตัวบริเวณ 1,780+/- จุด รอดูผลประกอบการกลุ่มพลังงาน และแนะทยอยสะสมกลุ่ม Defensive อย่างกลุ่มรถไฟฟ้า, กลุ่ม ICT และ กลุ่มโรงพยาบาล
Big issue
เมื่อคืนที่ผ่านมา – ส.อ.ท.เผยยอดส่งออกรถยนต์เดือนมี.ค.เติบโต 4.7% ที่ 1.1แสนคัน / รมว.คลังสหรัฐเตรียมเดินทางจีนเพื่อเจรจาการค้า / บอร์ด PTT เห็นชอบจับมือ BTS เข้าประมูลรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (สุวรรณภูมิ-ดอนเมือง-อู่ตะเภา)
กลยุทธ์การลงทุน
การปรับขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ที่ 3.0% เป็นเรื่องที่ถูกตลาดคาดการณ์ไว้อยู่แล้ว เพียงแต่มาถึงเร็วกว่าคาด โดยสรุปเรามองประเด็นดังกล่าวเป็นการจำกัด Upside ของตลาดหุ้นในระยะกลาง แต่ในระยะสั้นเรามองผลกระทบจำกัด (แนวรับ บริเวณ 1,770) คงคำแนะนำ ถือเงินสดไม่ต่ำกว่า 30% และทยอยซื้อ กลุ่มพลังงาน, กลุ่มโรงพยาบาล และกลุ่มค้าปลีก
- กลุ่มพลังงานและปิโตร เป็นกลุ่มที่เราคาดผลประกอบการ 1Q18 เด่น และต่อเนื่องถึง 2Q18 แนะรอซื้อ PTT บริเวณ 55.0 บาท +/- และ IVL บริเวณ 59.0 บาท +/-
- กลุ่มโรงพยาบาล เป็นกลุ่มที่เรามองว่า Defensive และ มี Downside ของประมาณการค่อนข้างต่ำ แนะทยอยสะสม BDMS และรอซื้อเมื่อ BH อ่อนตัว
- กลุ่มค้าปลีก ถือเป็นกลุ่มที่เรามองว่าได้ประโยชน์จาก Policy risk มากที่สุด แนะทยอยสะสม CPALL 94.0 บาท, CPN เป้าหมาย 89.0 บาท
Trading idea – – CPALL (เราออกบทวิเคราะห์วันนี้ คาดผลประกอบการเติบโตดี), เก็งกำไร VGI (7.70-8.00 , Cut loss 7.50 บาท)
Technical View
หากปิดหลุด 1772 จะกลับเป็นขาลงอีกครั้ง: แรงขายจากกลุ่มพลังงานและธนาคาร ทำให้ดัชนีปรับตัวลงหลุดแนวรับที่ 1780 ขณะนี้ปรับตัวลงปิด Gap และทดสอบแนวรับของเส้น Downtrend ที่ 1772 ประกอบกับ Slow Stochastic เริ่มตัดตัวลงจากเขต Overbought ซึ่งหากดัชนีปิดหลุด 1772 และ MACD ตัด Signal ลง ดัชนีจะกลับมาเป็นขาลงอีกครั้ง มองแนวรับถัดไปที่ 1760 แต่หากไม่หลุดมองดัชนีจะแกว่งในกรอบ 1772-1800
กลยุทธ์การลงทุน 1) มีหุ้น: Trading ในกรอบ 1772-1800 เน้นขึ้นขาย-ลงซื้อ หากหลุด 1772 แนะนำ Lock Profit 2) ไม่มีหุ้น: จังหวะอ่อนระหว่างวัน หากไม่หลุด 1772 มองเป็นโอกาสซื้อเพื่อเล่น Trading สั้นๆ
แนวรับ : 1772, 1760 แนวต้าน : 1790, 1800
Keep an Eye on
ปัจจัยต่างประเทศ: การประชุม ECB คืนนี้
ปัจจัยในประเทศ: -
หุ้นเทคนิค:
IVL (B 59.50-60.00, Tp 61.50//63.00, Cut 59.00)
TRUE (B 7.30, Tp 7.70, Cut 7.20)
ข่าวเด่น