กลยุทธ์วันนี้ >> Earnings Play
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET แกว่งตัว Sideways ตามคาดโดยและปิดอ่อนตัวลง 6.32 จุด ณ สิ้นวันเนื่องจากไร้ปัจจัยบวกใหม่ รวมถึงตลาดยังกังวลต่อ Bond Yield สหรัฐฯที่ทะลุ 3% นักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิในตลาดหุ้นแต่บางลงเหลือ 487 ลบ. (แต่ขายในตลาดพันธบัตร 7.9 พันลบ.และ Short ใน Index Futures 4.2 พันสัญญา) ขณะที่สถาบันในประเทศขายสุทธิอีก 1.2 พันลบ.
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET จะแกว่งตัว Sideways Up จากบรรยากาศการลงทุนที่ผ่อนตลายมากขึ้นหลัง Bond Yield สหรัฐฯเริ่มขยับลงต่ำกว่า 3% ส่วน ECB คงนโยบายการเงินตามคาดและส่งสัญญาณว่ายังกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไปในช่วงหลายเดือนข้างหน้า อย่างไรก็ตามกรอบการบวกวันนี้คาดว่ายังไม่กว้างนักเนื่องจากต้องติดตามตัวเลขคาดการณ์ GDP 1Q18 ครั้งที่แรกของสหรัฐฯและผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน 1Q18 ของบ้านเราจะเริ่มประกาศหนาแน่นขึ้นในช่วง 2 สัปดาห์ถัดจากนี้
กลยุทธ์ : เก็งกำไรหุ้นที่คาดมีกำไร 1Q18 แข็งแกร่ง
หุ้นเด่นเดือน เม.ย. : BDMS, CPN, ERW, KBANK, SYNEX
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาคแต่น้อยที่สุดในรอบ 5 วัน US$163ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกจากไต้หวัน US$160ล้าน ส่วนไทยมีเม็ดเงินไหลออก US$15ล้าน ขณะที่ไหลเข้าเกาหลีใต้ US$124ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาค แต่น่าจะเบาบางหลัง US Bond Yield ปรับตัวลดลงต่ำกว่า 3% เมื่อคืนนี้
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> BGRIM <<
- แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 32 บาท
- คาดกำไรปกติ 1Q18 สดใส โต 55.7% Q-Q, 23.6% Y-Y อยู่ที่ 520 ลบ. จากโรงไฟฟ้าใหม่เริ่ม COD กลางไตรมาส ค่าใช้จ่าย SG&A และค่าใช้จ่ายการเงินลดลง Q-Q ตามฤดูกาล
- คาดกำไรทั้งปีโตสูง 40% Y-Y อยู่ที่ 2.4 พันลบ. และโตต่อเนื่องเฉลี่ยปีละ 22% ในอีก 5 ปีขางหน้า จากแผนขยายโรงไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศ โดยมี Upside จากการลงทุนในโซล่าร์เวียดนาม ที่คาดมีความชัดเจนใน 2Q18 นี้
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) หุ้นที่คาดว่ากำไร 1Q18 จะออกมาดี โตโดดเด่นทั้ง Q-Q และ Y-Y คือ CPALL CENTEL BDMS BGRIM CHG M MTLS SYNEX ATP30 และ IT ส่วนหุ้นที่คาดว่ากำไรชะลอ Q-Q แต่ยังโตสูง Y-Y คือ ROBINS BJC BCH VIBHA AP SC และ EKH
(+) กลุ่มยานยนต์ ยอดผลิตรถยนต์ มี.ค. 18 อยู่ที่ 195,257 คัน เพิ่มขึ้น 10% M-M และ 9% Y-Y เป็นระดับสูงสุดในรอบ 56 เดือน จากยอดขายในประเทศที่โตต่อเนื่อง 26% M-M และ 28% Y-Y และยอดส่งออกเพิ่มขึ้น 9% M-M และ 6% Y-Y เป็นบวกต่อผลประกอบการของผู้ผลิตชิ้นส่วนฯ ทั้งหมด เราคาดกำไร 1Q18 ของทั้งกลุ่มโตเฉลี่ย 10% Y-Y แนะนำซื้อหุ้นที่คาดกำไรโตสูงกว่ากลุ่มแต่ราคายัง laggard คือ SAT (ราคาเป้าหมาย 24.10 บาท) และ PCSGH (ราคาเป้าหมาย 13 บาท)
(+) BH ประกาศกำไรปกติ 1Q18 ออกมาดีใกล้เคียงคาด +17.2% Q-Q, +7.3% Y-Y โตจากทั้งรายได้และ Margin ที่ขยายตัว ส่วนทั้งปี 2018 เราคงคาดกำไรปกติ +6.9% Y-Y และอาจมี Upside อีกเล็กน้อย นอกจากนี้เรายังมีมุมมองเป็นบวกในระยะยาวจากการที่ BH เพิ่มขีดความสามารถในการรักษาให้เป็นเลิศและทันสมัยขั้นสุดอยู่เสมอ ราคาหุ้นยังมี Upside แม้จะปรับตัวขึ้น 10% YTD ยังคงคำแนะนำซื้อ ราคาเหมาะสม 245 บาท
(-) DELTA แนวโน้มกำไรสุทธิ 1Q18 ไม่สดใส คาดลดลงทั้ง Q-Q และ Y-Y จากผลกระทบของเงินบาทแข็งค่า และค่าเงินอินเดียรูปีอ่อนค่าเมื่อเทียบกับ USD กระทบต่อต้นทุนของธุรกิจที่อินเดียที่เป็นสกุล USD เกือบทั้งหมด รวมถึงปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบที่รุนแรงมากขึ้นกว่าปีก่อน แนวโน้มกำไรสุทธิ 2Q18 ยังดูน่าเป็นห่วง เพราะปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบเพิ่งรุนแรงในปลาย 1Q18 เราปรับลดกำไรสุทธิปี 2018 ลงเป็นการเติบโตเพียง 5% Y-Y จากเดิมคาดโต 34% Y-Y ส่วนกำไรปกติคาดลดลงราว 10.5% Y-Y เราปรับลดราคาเป้าหมายเป็น 71 บาท จากเดิม 91 บาท แนะนำขาย
(+) SYNEX เรายังแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 20 บาท โดยคาดว่ากำไรสุทธิ 1Q18 จะโตโดดเด่น 13% Q-Q และ 25% Y-Y ทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 186 ลบ. จากทั้งรายได้ที่ขยายตัวตามการเพิ่มสินค้าใหม่ และการเปิดตัวสมาร์ทโฟน รวมถึงอัตรากำไรสุทธิที่ยืนเหนือ 2% ได้ต่อเนื่อง ส่วนกำไรทั้งปี คาดไว้ที่ 750 ลบ. เพิ่มขึ้น 20% Y-Y ราคาหุ้น SYNEX ซื้อขายบน PE2018 เพียง 14 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวของตัวเองที่ 17 เท่า และกลุ่มสินค้าไอทีที่ 20 เท่า อีกทั้ง การเคลื่อนไหวของราคาที่ –8% YTD ยัง Underperform มากเกินไปเมื่อเทียบกับกลุ่มที่ +9% YTD และเมื่อเทียบกับ Synnex ไต้หวันที่ +5% YTD ด้วย
(+) ORI คาดการณ์กำไรปกติ 1Q18 ที่ 320 ลบ. +86% Y-Y แต่ -53% Y-Y จากปัจจัยฤดูกาล โดยคาดยอดโอนอยู่ที่ 2 พันลบ. จากการโอน Park24 เฟส 1 ต่อเนื่องจากปลายปีก่อน และเริ่มโอนโครงการใหม่อีก 2 แห่ง ซึ่งแม้จะได้รับผลกระทบจาก Park24 เฟส 1 ที่มีมาร์จิ้นต่ำ แต่เชื่อว่าถูกบรรเทาด้วยมาร์จิ้นของโครงการอื่นที่ยังทำได้ดี ขณะที่โมเมนตัมกำไรคาดเป็นบวกต่อเนื่องใน 2Q18 จากการเริ่มโอนโครงการใหม่มากขึ้น ส่วนกำไรปกติทั้งปีคาด +92% Y-Y คงคำแนะนำซื้อ ราคาเหมาะสม 24 บาท โดยมีปันผล Yield 3.1% ขึ้น XD 8 พ.ค.นี้
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
27 เม.ย.
|
- สหรัฐฯ: 1Q18 GDP (ครั้งที่ 1)
- ญี่ปุ่น: ประชุม BOJ
- ยูโรโซน: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค
|
30 เม.ย.
|
- สหรัฐฯ: ยอดขายบ้านรอปิดการขาย (มี.ค.)
|
1 พ.ค.
|
- ไทย: อัตราเงินเฟ้อ (เม.ย.)
- สหรัฐฯ: ISM ภาคการผลิต (เม.ย.)
|
2 พ.ค.
|
- สหรัฐฯ: ประชุม FOMC
- ยูโรโซน: 1Q18 GDP (ครั้งที่ 1)
|
3 พ.ค.
|
- สหรัฐฯ: ดุลการค้า (มี.ค.)
- ยูโรโซน: อัตราเงินเฟ้อ (เม.ย.)
|
- (+) ตลาดสหรัฐปรับตัวขึ้นหลังผลประกอบการหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีออกมาสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ นำโดย เฟสบุ๊ค อเมซอน อินเทล และ ไมโครซอร์ฟ
- (+) ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก หลังจาก ECB ยังคงอัตราดอกเบี้ยและมาตราการซื้อพันธบัตรไว้ที่เท่าเดิม และส่งสัญญาณว่าจะยังไม่รีบขึ้นดอกเบี้ย
- (+) ตลาดเอเชียเช้านี้ปรับตัวขึ้น เนื่องจากวันนี้นาย คิม จอง อึนจะเดินทางไปพบกับนายมุน แจ อิน ประธานาธิบดีของเกาหลีใต้ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกตั้งแต่การแยกประเทศ ที่ผู้นำเกาหลีเหนือเดินทางเข้าไปในประเทศเกาหลีใต้
- () ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง จาก Bond Yield ที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ล่าสุดเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 31.60-31.70 บาท/ดอลลาร์
- (+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย. เพิ่มขึ้น 0.14 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 68.19 ดอลลาร์/บาเรลล์ แม้ว่าตลาดจะกังวลว่าสหรัฐจะมีมาตราการคว่ำบาตรอิหร่านครั้งใหม่ แต่ก็ถูกหักล้างด้วยสต็อคน้ำมันดิบสหรัฐที่ปรับสูงขึ้น
- ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย. ปรับตัวลง 4.90 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 1,317.90 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ซึ่งจะกดดันราคาทองคำ
ข่าวเด่น